อยู่ ๆ ในหัวของถังจือซย่าก็มีเรื่องหนึ่งแวบเข้ามา ทำไมผู้ชายทุกคนเป็นแบบนี้กันหมด พอได้เอาเปรียบจนพอใจก็คิดอยากจะชดเชยงั้นหรือ?
ถังจือซย่านึกถึงเหตุการณ์คืนนั้นตอนที่เธอถูกขมขื่น เธอขดตัวนั่งซุกตัวอยู่ข้างโซฟาด้วยความเจ็บปวด ภายใต้ความมืดมิดชายหนุ่มสารเลวคนนั้นก็ทำท่าปลดนาฬิกาออก เห็นเป็นเงาเลือนรางยืนส่งมาให้เธอ ตอนนั้นถังจือซย่าทั้งเจ็บปวดและโกรธแค้น ปัดมือเขาออกอย่างไม่เกรงใจแล้วพุ่งตัวออกจากประตูห้องไป
ถ้าหากเธอยังมีเรี่ยวแรง เธอจะหาถาดผลไม้ในห้องชุดนั้น ถ้าในถาดมีมีดอยู่ เธอคงใช้มีดเล่มนั้นแทงเข้าไปหนึ่งทีปลิดชีวิตไอสารเลวนั่น หากไม่สำเร็จอย่างน้อยก็ทำให้ไอสารเลวนั่นไม่มีทางมีทายาทสืบสกุลได้อีกต่อไป ทำให้ชีวิตของเขาต้องพังพินาศ
สิ่งที่น่าแค้นที่สุดก็คือเธอโดนขมขื่นเรียบร้อยแล้ว แต่ยังคิดที่จะตามหาซ่งซาน อยากรู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง และสิ่งที่น่าขันก็คือความทุกข์ทรมานที่เธอต้องมาเจอทั้งหมดล้วนเป็นซ่งซานเป็นคนมอบให้
สีจิ่วเฉินเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าสีหน้าเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ ราวกับว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเธอเอง เขาอดที่จะกังวลใจขึ้นมา “เธอกำลังคิดอะไรอยู่?”
“ดูเหมือนว่าซ่งซานจะทิ้งความรู้สึกอันแสนงดงามไว้ให้กับคุณใช่หรือไม่? ผ่านมาห้าปีแล้ว คุณยังคงตามหาหล่อนอยู่” ถังจือซย่าเอ่ยพูดออกไปหนึ่งประโยคไม่รู้ว่าเป็นการประชดประชันหรือเยาะเย้ยกันแน่
สีจิ่วเฉินอ้ำอึ้งไม่เอ่ยพูดไปชั่วขณะ ถังจือซย่าเดาถูกต้องแล้ว ในห้าปีที่ผ่านมานี่ เขาเอาแต่เฝ้าคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น นึกถึงหญิงสาวที่ร้องไห้คร่ำครวญอยู่บนร่างเขา
เพียงแต่ตอนที่หาตัวซ่งซานเจอ เขาก็ไม่เคยนึกถึงอีก ต่อให้เคยนึกถึง ก็ไม่อาจเชื่อมโยงเข้ากับซ่งซานได้ เพราะว่าภาพในความทรงจำที่หลงเหลือของเขา ให้ความรู้สึกเหมือนว่าไม่ใช่ซ่งซานสักนิดเดียว
“เธอรู้สึกสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นของฉันกับซ่งซานใช่ไหม?” น้ำเสียงของสีจิ่วเฉินมีความเกร็งเล็กน้อย เหมือนกับกลัวอะไรบางอย่าง
ถังจือซย่ารวบผมยาวๆ ของเธอขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าอันร่าเริงสดใส เธอแย้มยิ้มเพียงเล็กน้อย “ไม่สนใจหรอก!”
ทำไมเธอต้องไปสนใจด้วย? เพียงแค่พอรู้ความจริงของเรื่องราวก็ทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนยิ่งขึ้นก็เท่านั้นเอง
“เรื่องอดีตที่ผ่านไปแล้วฉันไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ จือซย่าอย่าได้ไปสนใจอดีตของฉันเลย พวกเราสามารถมีอนาคตต่อไปได้” ชายหนุ่มที่อยู่ภายใต้แสงไฟขมวดคิ้วแน่น สายตาเหมือนกับไฟฟ้าสถิต ดูออกว่าเขาตึงเครียดแค่ไหน
เธอเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาใสๆ คู่นั้นมองไปที่เขาอย่างเฉยชา “ประธานสี เรื่องที่ฉันชอบคุณหรือเปล่านั้น ฉันมีสิทธิ์ที่จะบอกหรือไม่โอเคไหม ถ้าหากคุณอยากฟังความจริง...”
“อย่ามาเล่นลูกไม้แบบนี้กับฉัน” สีจิ่วเฉินรีบพูดตัดบทเธออย่างไม่มีเยื่อใย เขารู้ว่าความจริงที่เธอจะพูดก็เป็นเพียงคำพูดโกหกทั้งแพ
ถังจือซย่าอดไม่ได้ที่จะเอ่ยพูดเล่นลูกไม้ต่อไปอย่างหน้าตาเฉย “ประธานสีจะต้องเข้าใจอะไรผิดไป ฉันไม่รู้ว่าฉันไปทำอะไรลงไปถึงทำให้ประธานสีมั่นใจเรื่องที่ฉันชอบคุณ ถ้าเช่นนั้นคุณต้องเข้าใจผิดอย่างแน่นอน ฐานะของคุณนั้นสูงส่ง แถมยังเป็นเจ้านายของฉันอีก คุณช่วยเหลือฉันเอาไว้มากมาย สำหรับคุณแล้วฉันรู้สึกซาบซึ้งและเคารพ แต่ไม่ใช่ความรู้สึกรักใคร่อย่างแน่นอน รบกวนประธานสีอย่าได้เอามาปะปนกันเลย”
สีจิ่วเฉินรู้สึกโกรธขึ้นมาแล้วจริงๆ คำพูดที่หญิงสาวคนนี้เบิ่งตาพูดออกมาล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ อีกทั้งยังพูดแบบมีเหตุมีผล พูดอย่างหน้าตาเฉย
สีจิ่วเฉินตัวเกร็งแข็งทื่อขึ้นมา พยายามระงับอารมณ์ที่ตอนนี้เหมือนกับคนที่จนมุมและกำลังคลุ้มคลั่ง หาทางออกไม่เจอ จึงอยากรีบหาอะไรที่จะทำให้เขาได้ระบายออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ค่าต่อการอ่านหน้าต่อไปแพงจังค่ะ...
มาแล้ว พึ่งเข้ามาดู...
รอๆๆคะ...
สรุปเรื่องไม่ไปต่อแล้วเหรอค่ะ ติดตามมาตลอดหายไปอีกรอบ เสียดายจังค่ะ กำลังสนุกเลย ด้วยเพราะเหตุผลอะไร ยังไงก็ขอขอบคุณค่ะที่ทำให้การอ่านมีความสุขกับตัวละครที่สร้างจินตนาการให้นะ่ค่ะ...
เรืองหยุดชะงักอีกรอบแล้ว ผู้แต่งไม่สบายหรือเปล่าค่ะ หรือติดอะไรยังก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ รอการกลับมาของนิยายเรื่องนี้อยู่ตลอดค่ะ...
หายไป 3 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน.....
หายไป 2 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน...
สนุกมากค่ะ อยากให้ลงสักวันล่ะ 20 ตอนเลยค่ะ สนุกมากๆๆและมีลุ้นด้วยว่าจะยังไงต่อ ต่อไปจะเป็นคู่ของท่านรองปะค่ะ รองประธาน น่ะจะมีนะ555...
น่าสงสารนางเอกจัง และสงสารพระเอกที่จะบอกคนที่ตนเองรักยังไง ว่าคู่หมั้นตัวเองเป้นญาติกัน...
ติดตามต่อค่ะ สนุกมากๆๆๆ...