สีรุ่ยหมิงที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็พูดว่า “ถังจือซย่าเหรอ หรือว่าจะเป็นลูกสาวของตำรวจคนนั้น น่าสนุกเชียว”
พอพูดจบ นัยน์ตาของสีรุ่ยหมิงก็มีความร้ายกาจแวบผ่านไป จากนั้นกัดฟันแล้วพูดว่า “แม่ของเธอขวางทาง คิดไม่ถึงเลยว่าลูกสาวของเธอจะขวางทางยิ่งกว่า”
คดีลักพาตัวสีจิ่วเฉินที่มีอายุเพียง 6 ขวบในตอนนั้น ก็เป็นฝีมือของเขาเอง แต่น่าเสียดายที่เขาฆ่าทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลสีไม่ได้ แต่เขากลับถูกตำรวจหญิงคนหนึ่งช่วยเอาไว้ได้
เขาคาดเดาว่าถังจือซย่าก็คือลูกสาวของตำรวจหญิงที่ในตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 2 ขวบกว่าเท่านั้น ดังนั้น สีจิ่วเฉินถึงได้ตอบแทนตระกูลถังมาโดยตลอด หรือคิดจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ด้วย
คนของตระกูลนี้ช่างโชคร้ายจริงๆ มาตกอยู่ในมือของเขาอีกแล้ว
“พ่อเลี้ยงคะ หนูตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นคนเริ่มเองค่ะ หนูมั่นใจว่าจะมัดใจของสีจิ่วเฉินได้ค่ะ” หลินชิงชิงเงยหน้าที่สะสวยของเธอขึ้น เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่สีรุ่ยหมิงเลี้ยงโตมา เธอเองก็พยายามที่จะตอบแทนเขา
“ได้ อย่าทำให้ฉันผิดหวังก็พอ ส่วนถังจือซย่าคนนี้ ฉันจะต้องตรวจสอบสักหน่อย” พอสีรุ่ยหมิงนึกถึงวันนี้ที่ถูกสีจิ่วเฉินไล่ ก็รู้สึกคับแค้นใจอย่างมาก
อีกอย่างกิจการใหญ่อย่างสีเอ็มไพร์กรุ๊ปยังอยู่ในมือของเขา ส่วนตัวเขาเองที่มีเลือดเนื้อเชื้อสายของตระกูลสี กลับไม่มีส่วนแบ่งแม้แต่น้อย
ภายในห้องที่เงียบงันของวิลล่า นายหญิงใหญ่สีแวะมาเยี่ยมดู ถังจือซย่าหลับไปแล้ว เธอจึงได้แต่กำชับให้หลานชายดูแลเธอดีๆ จากนั้นนายหญิงใหญ่สีจึงไปหาซ่งซาน ซ่งซานเองก็ได้แต่ร้องไห้อธิบายอีกครั้ง กลัวว่าเรื่องที่ถังจือซย่าเกือบจะจมน้ำจะกลายเป็นความผิดของเธอ
เวลาดึกมากแล้ว นายหญิงใหญ่สีจึงกลับไปพักผ่อน ซ่งซานนั่งอยู่บนเตียง ส่วนหลินจื้อนวดไหล่ให้เธอ
“อาจื้อ นายว่าฉันมีวิธีอะไรที่พอจะดึงดูดจิ่วเฉินได้อีกไหม”
“ซานซาน เธอจะทรมานตนเองแบบนี้ไปทำไมกัน แยกห่างจากประธานสี เธอก็สามารถมีชีวิตอยู่ที่ดีได้ ประธานสีไม่ปฏิบัติกับเธออย่างไม่เป็นธรรมหรอก”
ซ่งซานมองบนใส่เขา ลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “นายจะไปเข้าใจอะไร”
หลินจื้อไม่เข้าใจความกังวลกับความหวาดระแวงของซ่งซานอยู่แล้ว ถ้าหากวันไหนที่ถังจือซย่าได้เป็นภรรยาของสีจิ่วเฉิน ชีวิตดีๆ ของเธอเองก็จะถึงจุดสิ้นสุดเหมือนกัน โดยเฉพาะหลังจากเรื่องในคืนนี้ ถังจือซย่าจะต้องเกลียดเธอมากขึ้นแน่ๆ
พอถังจือซย่านอนไปได้สักพักก็หลุดเข้าไปอยู่ในฝันร้าย ราวกับว่าเธอกำลังจมลงไปในทะเล แล้วรับรู้ถึงการขาดอากาศหายใจกับความตาย
มือของเธอสะบัดไปมาในอากาศอย่างควบคุมไม่ได้ เธอหายใจแรงแถมสีหน้ายังทรมานอีกด้วย
สีจิ่วเฉินที่กำลังพักสายตาอยู่ที่โซฟาข้างๆ เมื่อได้ยินเสียงคนที่อยู่บนเตียง เขาก็รีบพุ่งเข้ามาทันที แล้วจับมือของเธอที่สะบัดไปมาไว้แล้วกดลง จากนั้นจึงโน้มตัวลงไปเรียกเธอ “จือซย่า จือซย่า…”
จือซย่าหลุดออกจากห้วงความฝันแล้วลืมตาขึ้นจากคำเรียกขานในแต่ละครั้งนั้น เมื่อเห็นใบหน้าของสีจิ่วเฉิน ในวินาทีต่อมา ราวกับว่าได้จับท่อนไม้ไว้ในยามที่กำลังจะตาย ถังจือซย่าลุกขึ้นมาแล้วรั้งคอของผู้ชายเอาไว้แน่นแล้วฝังไว้ในอ้อมอกของเธอ จากนั้นจึงกอดเขาไว้แน่น
“อย่าไปจากฉันเลยนะ… ฉันกลัว”
สีจิ่วเฉินอึ้งไปหลายวิ จากนั้นก็ยกยิ้มที่มุมปากแล้วกอดเธอไว้แน่นเช่นเดียวกัน สายตานั้นเต็มไปด้วยความดีใจ “วางใจเถอะ! ฉันไม่ไปจากเธอหรอก ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น”
ใบหน้าของถังจือซย่าแนบอยู่ที่หัวใจที่ร้อนระอุที่เต้นเป็นจังหวะ แข็งแรงและทรงพลัง น่าพึ่งอาศัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ค่าต่อการอ่านหน้าต่อไปแพงจังค่ะ...
มาแล้ว พึ่งเข้ามาดู...
รอๆๆคะ...
สรุปเรื่องไม่ไปต่อแล้วเหรอค่ะ ติดตามมาตลอดหายไปอีกรอบ เสียดายจังค่ะ กำลังสนุกเลย ด้วยเพราะเหตุผลอะไร ยังไงก็ขอขอบคุณค่ะที่ทำให้การอ่านมีความสุขกับตัวละครที่สร้างจินตนาการให้นะ่ค่ะ...
เรืองหยุดชะงักอีกรอบแล้ว ผู้แต่งไม่สบายหรือเปล่าค่ะ หรือติดอะไรยังก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ รอการกลับมาของนิยายเรื่องนี้อยู่ตลอดค่ะ...
หายไป 3 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน.....
หายไป 2 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน...
สนุกมากค่ะ อยากให้ลงสักวันล่ะ 20 ตอนเลยค่ะ สนุกมากๆๆและมีลุ้นด้วยว่าจะยังไงต่อ ต่อไปจะเป็นคู่ของท่านรองปะค่ะ รองประธาน น่ะจะมีนะ555...
น่าสงสารนางเอกจัง และสงสารพระเอกที่จะบอกคนที่ตนเองรักยังไง ว่าคู่หมั้นตัวเองเป้นญาติกัน...
ติดตามต่อค่ะ สนุกมากๆๆๆ...