“นอนพื้น นอนโซฟา ก็ได้ทั้งนั้น” ชายหนุ่มนั้นไม่อยากจากไปไหน คืนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีเป็นพิเศษ
ถังจือซย่าถลึงตาใส่เขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “สีจิ่วเฉิน จะเล่นลูกไม้ก็ต้องมีระดับหน่อยสิ”
“เว้นแต่ว่าเธอจะบอกฉันว่าคืนนี้เธอทำอะไรกับคังเฮ่าเซวียน” สีจิ่วเฉินเค้นถามอีกครั้ง เขาคิดว่าน่าจะจูบกันแน่ๆ ผู้หญิงคนนี้นั้นช่างหวานเพียงใด ริมฝีปากของเธอก็ยังอ่อนนุ่ม ผู้ชายคนไหนได้จูบกับเธอก็ต้องรู้สึกมีความสุขทั้งกายและใจ
แต่ถึงอย่างนั้น เธอกับคังเฮ่าเซวียนจะจูบกันจริงๆเหรอ? พอชายหนุ่มนึกถึงเรื่องนี้แล้ว ทั่วทั้งร่างกายก็ตีกันไปกันมาเหมือนคนเป็นไบโพลาร์ ราวกับว่าบางสิ่งที่เป็นของเขาได้ถูกคนอื่นขโมยไป
ถังจือซย่าเดินไปที่ประตูและพูดกับชายคนนั้นว่า “เชิญคุณกลับไปได้แล้ว!”
สีจิ่วเฉินก้าวขายาวๆ เดินไป เหมือนว่ากำลังจะกลับ ถังจือซย่าจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เมื่อเขาเดินไปถึงประตู แขนยาวก็เอื้อมไปปิดสวิตช์ไฟบนผนังดังแกร็ก
เดิมทีแหล่งที่มาของแสงสว่างจากหลอดไฟในห้องรับแขกที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมดก็หายไป ทั้งห้องโถงจึงตกอยู่ในความมืดมิด
เมื่อไฟดับลงอย่างกะทันหัน ทำให้ตาของถังจือซย่าสูญเสียความสามารถในการมองเห็นไปชั่วครู่ เธอร้องกรี๊ดอย่างตกใจ ในวินาทีถัดมา เธอก็ถูกชายหนุ่มดันไปจนชิดกำแพง จูบที่เอาแต่ใจนั้นบดเบียดลงมาอย่างเป็นไปตามจังหวะ
ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอเพียงแค่สูดอากาศให้ทัน แต่กลับทำให้ชายหนุ่มปล้นช่องปากอย่างหยาบหยาม แล้วทุกอย่างก็แปรเปลี่ยนออกจากการควบคุม
ถังจือซย่ารู้สึกหงุดหงิดในใจที่มักจะต้องตกหลุมพรางของชายผู้นี้อยู่เสมอ คิดผิดจริงๆ เลย เธอพยายามดิ้น แต่กำลังของเธอในสายตาของชายหนุ่มนั้นก็คือแข็งแรงกว่าลูกแมวและลูกสุนัขเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เหมือนกับว่าชายหนุ่มนั้นหิวโหยมาราวแปดร้อยปีเลยจริงๆ เขาทั้งแทะทั้งกัดเธอ ทำให้เธอนั้นหมดแรงที่จะต่อต้าน
“สีจิ่วเฉิน...ปล่อยฉันนะ...รอเดี๋ยวสิ..” ถังจือซย่าทำเป็นอ้อนวอนหมือนเหยื่อของสัตว์ร้าย
สีจิ่วเฉินดันหน้าผากของเธอไว้ พลางพูดด้วยลมหายใจหอบ “รอไม่ได้แล้ว ถังจือซย่า คุณบีบบังคับผมเองนะ”
ลมหายใจของถังจือซย่าก็ขาดห้วงเช่นกัน เธอผลักเขาด้วยความโกรธ “คุณอย่ามาทำแบบนี้นะ”
“บอกฉันสิ คังเฮ่าเซวียนได้จูบเธอหรือเปล่า” ลมหายใจที่หนาแน่นของสีจิ่วเฉินรดลงมาบีบบังคับให้เธอตอบคำถาม
“จูบบ้านคุณน่ะสิ เราแค่กินข้าวกันเฉยๆ ” ถังจือซย่าพูดอย่างโมโห
“แต่มันบอกว่าคืนนี้ได้มีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันกับเธอ เธอให้ค่ำคืนที่วิเศษกับมัน แบบนี้จะอธิบายว่ายังไง?” สีจิ่วเฉินท่องเนื้อหาของข้อความออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ฉันยินดีที่จะแต่งงานเข้าร่วมตระกูล” สีจิ่วเฉินมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ บ่งบอกให้รู้ว่าเขาจริงจังกับคำพูดเมื่อครู่นี้มากแค่ไหน
ถังจือซย่าเหลือบมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาในทันที “นี่คุณโดนประตูหนีบสมองเหรอ?”
สีจิ่วเฉินขมวดคิ้ว “ฉันพูดจริงๆนะ”
“ไม่ได้หรอก คุณน่ะสูงส่งและร่ำรวยเกินไป พ่อฉันไม่กล้าเอาคุณมาเป็นเขยหรอก คุณรีบลบความคิดทิ้งไปให้เร็วที่สุดเลยนะ!” ถังจือซย่าปฏิเสธไปตรงๆ ไม่คิดเลยว่าจะต้องปวดใจที่เขาทำให้ตัวเองต้องลำบากขนาดนี้ ชายผู้นี้ไม่ควรมีความคิดแบบนี้เลย
“ตราบใดที่พ่อของเธอยังต้องการหาลูกเขยแต่งงานเข้าตระกูล ถ้าฉันไม่ได้ ไม่ว่าชายคนไหนก็จะไม่มีโอกาสนั้นเหมือนกัน” สีจิ่วเฉินยื่นคำขาด สรุปก็คือ เธอเป็นของเขาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ชายคนอื่นนั้นอย่าได้แม้แต่จะคิด
ถังจือซย่ากลืนน้ำลายลงคอ เธอก้มลงมองพิจารณาตัวเองว่าตรงไหนของเธอที่ทำให้มีค่ากับชายคนนี้มากขนาดนี้
เธอไม่ได้ทำเสน่ห์ใส่เขาสักหน่อย! แล้วก็ไม่ได้ร่ายมนต์สะกดเขาไว้ด้วย! ทำไมเขาถึงจะไม่ใช่เธอไม่ได้ล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ค่าต่อการอ่านหน้าต่อไปแพงจังค่ะ...
มาแล้ว พึ่งเข้ามาดู...
รอๆๆคะ...
สรุปเรื่องไม่ไปต่อแล้วเหรอค่ะ ติดตามมาตลอดหายไปอีกรอบ เสียดายจังค่ะ กำลังสนุกเลย ด้วยเพราะเหตุผลอะไร ยังไงก็ขอขอบคุณค่ะที่ทำให้การอ่านมีความสุขกับตัวละครที่สร้างจินตนาการให้นะ่ค่ะ...
เรืองหยุดชะงักอีกรอบแล้ว ผู้แต่งไม่สบายหรือเปล่าค่ะ หรือติดอะไรยังก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ รอการกลับมาของนิยายเรื่องนี้อยู่ตลอดค่ะ...
หายไป 3 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน.....
หายไป 2 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน...
สนุกมากค่ะ อยากให้ลงสักวันล่ะ 20 ตอนเลยค่ะ สนุกมากๆๆและมีลุ้นด้วยว่าจะยังไงต่อ ต่อไปจะเป็นคู่ของท่านรองปะค่ะ รองประธาน น่ะจะมีนะ555...
น่าสงสารนางเอกจัง และสงสารพระเอกที่จะบอกคนที่ตนเองรักยังไง ว่าคู่หมั้นตัวเองเป้นญาติกัน...
ติดตามต่อค่ะ สนุกมากๆๆๆ...