ภายในรถคันที่สอง หนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งกระโดดลงมาจากที่นั่งข้างคนขับก่อนใคร จากนั้นเขาก็เปิดประตูที่นั่งด้านหลังและช่วยพยุงสีจิ่วเฉินที่บาดเจ็บที่ขาลงมา
หัวใจของถังจือซย่าบีบรัดด้วยความตึงเครียด ในเวลานี้ ภายในสายตาของเธอมีเพียงชายหนุ่มคนนั้น ตอนที่เห็นเขาได้รับบาดเจ็บ เธอหายใจไม่เป็นจังหวะ หัวใจวิวๆเหมือนห้อยโตงเตงเอาไว้กลางอากาศ
เขาได้รับบาดเจ็บเหรอ บาดเจ็บสาหัสมากหรือไม่นะ?
“เหยียนเฟิง ปล่อยฉันก่อน” อยู่ๆสีจิ่วเฉินก็ดันเพื่อนรักของเขาที่พยุงตัวเขาออกไป
เนี่ยเหยียนเฟิงที่พยุงตัวเขาอยู่ถึงกับตะลึงนิ่งไปทันที และพูดเตือนสติเขาขึ้นมาหนึ่งประโยค “สภาพนายแบบนี้อย่าเพิ่งมาทำเป็นอวดเก่งไป”
“ฉันรับปากกับเธอเอาไว้ ว่าฉันจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ” สีจิ่วเฉินยกมือขึ้นมาดันเขาออกไป เพราะเรื่องที่รับปากกับเธอเอาไว้แล้ว เขาต้องทำมันให้ได้
เจียนจือเพ่ยเดินไปยืนอยู่ข้างๆเนี่ยเหยียนเฟิง ทำท่ากอดอกและพูดอย่างไม่เข้าใจ “ผู้หญิงนี่ เป็นอะไรที่น่ารำคาญเสียจริง”
เนี่ยเหยียนเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย “นายพูดถูกที่สุด”
ดังนั้น ในตอนนี้ที่พวกเขาทั้งสองคนยังคงโสดอยู่ ไม่ใช่ไม่มีสาเหตุ
ถังจือซย่าเห็นสีจิ่วเฉินที่พยายามเดินมาหาอย่างมานะ เธอจึงพุ่งตัวเข้าไปหาเขาแทน และโผล่เข้ากอดสีจิ่วเฉิน จากนั้นก็เอามือเข้าไปโอบเพื่อพยุงตัวเขาเอาไว้ และน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา “ขาของคุณได้รับบาดเจ็บ อย่าเพิ่งเดินสิ”
“เธอพูดเอาไว้ว่า ขอเพียงฉันเดินกลับมาได้เธอจะแต่งงานกับฉัน อย่างนี่ถือว่าได้หรือเปล่า?” สีจิ่วเฉินจ้องมองเธออย่างจริงจัง แสดงให้เห็นว่าเขาทำได้แล้ว
ถังจือซย่าพยักหน้า “คำพูดของฉันเชื่อถือได้เสมอ บาดแผลของคุณ...”
“ไม่หนักมาก รักษาตัวสองสามวันก็ดีขึ้นแล้ว” สีจิ่วเฉินพูดปลอบใจขึ้นมาหนึ่งประโยค และเขาก็หันไปพูดแนะนำ “ขอแนะนำเพื่อนรักทั้งสองคนของฉันให้เธอได้รู้จักนะ”
“เจียนจือเพ่ย”
“เนี่ยเหยียนเฟิง”
“พวกเขาล้วนเป็นเพื่อนร่วมตายที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปีของฉันเอง ครั้งนี้โชคดีได้พวกเขาทั้งสองคนมาช่วยเหลือเอาไว้”
ชายหนุ่มที่ยืนห่างออกไปสองเมตร ที่ปกติจะทำตัวเป็นเจ้าคนนายคนผู้สูงส่ง แต่ในเวลานี้ อยู่ ๆ ก็กลายเป็นโรคเข้าสังคมยากขึ้นมาเสียได้ คนหนึ่งยืนเกาหัว อีกคนโบกมือมาให้ ทั้งสองมองมายังถังจือซย่าและเอ่ยทักทายขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน “สวัสดีครับพี่สะใภ้!”
ในใจของเขากำลังคิดว่า ที่สีจิ่วเฉินต้องมากเจอกับเรื่องแบบนี้ ทั้งหมดเกิดจากการที่ต้องช่วยชีวิตเขา
ฝ่ามือใหญ่ๆอันอ่อนโยนของสีจิ่วเฉินลูบหัวเด็กน้อยไปมา และเมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลออกมาของเด็กน้อย หัวใจของเขาก็เกิดบีบรัดราวกับมีสายสัมพันธ์ของสายเลือดกำลังเรียกร้องเขา ความเศร้าโศกของเด็กน้อยสามารถแพร่กระจายมาถึงเขาได้ในทันที
“เฉินเฉินอย่าร้องไห้เลยนะ พวกเรามาช่วยพยุงเขาเข้าไปกันเถอะ” ถังจือซย่าปลอบโยนลูกชายขึ้นมาหนึ่งประโยค หลังจากผ่านเรื่องราวในครั้งนี้ไป ดูเหมือนว่าลูกชายของเธอจะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย รู้ความมากยิ่งขึ้น
หลังจากนั้น โอวหมิงเฮ่าหมอส่วนตัวของสีจิ่วเฉินก็มาถึง ถังจือซย่าเพิ่งจะรู้ว่า จริงๆแล้วเธอยังรู้จักคนรอบตัวของชายหนุ่มคนนี้ไม่มากพอเสียเท่าไร
โอวหมิงเฮ่าที่อายุยังไม่ถึงสามสิบ แต่กลับมีความชำนาญทางการแพทย์ระดับสูงแถมยังเป็นผู้นำในโรงพยาบาลเอกชนของสีซื่อกรุ๊ปอีกด้วย
และก็เป็นหนึ่งในคนที่ใกล้ชิดที่สุดของสีจิ่วเฉิน สุภาพร่างกายของเขาทุกๆอย่างมอบหมายให้โอวหมิงเฮ่าเป็นคนดูแล
ในขณะที่โอวหมิงเฮ่าช่วยเขาทำความสะอาดบาดแผลอยู่นั้น ก็สอบถามเรื่องของนายหญิงเมื่อครั้งก่อนไปด้วย เนื่องจากเขาไปศึกษาและวิจัยอยู่ที่ต่างประเทศ ดังนั้น จึงตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน
ถังจือซย่าที่นั่งมองดูบาดแผลที่ขาของสีจิ่วเฉินอยู่ด้านข้าง รู้สึกว่าหนังศีรษะเกิดอาการชาขึ้นมาเล็กน้อย บาดแผลนี้ไม่ลึกแต่ก็ไม่ตื้น แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่บาดแผลเล็กๆอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ค่าต่อการอ่านหน้าต่อไปแพงจังค่ะ...
มาแล้ว พึ่งเข้ามาดู...
รอๆๆคะ...
สรุปเรื่องไม่ไปต่อแล้วเหรอค่ะ ติดตามมาตลอดหายไปอีกรอบ เสียดายจังค่ะ กำลังสนุกเลย ด้วยเพราะเหตุผลอะไร ยังไงก็ขอขอบคุณค่ะที่ทำให้การอ่านมีความสุขกับตัวละครที่สร้างจินตนาการให้นะ่ค่ะ...
เรืองหยุดชะงักอีกรอบแล้ว ผู้แต่งไม่สบายหรือเปล่าค่ะ หรือติดอะไรยังก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ รอการกลับมาของนิยายเรื่องนี้อยู่ตลอดค่ะ...
หายไป 3 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน.....
หายไป 2 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน...
สนุกมากค่ะ อยากให้ลงสักวันล่ะ 20 ตอนเลยค่ะ สนุกมากๆๆและมีลุ้นด้วยว่าจะยังไงต่อ ต่อไปจะเป็นคู่ของท่านรองปะค่ะ รองประธาน น่ะจะมีนะ555...
น่าสงสารนางเอกจัง และสงสารพระเอกที่จะบอกคนที่ตนเองรักยังไง ว่าคู่หมั้นตัวเองเป้นญาติกัน...
ติดตามต่อค่ะ สนุกมากๆๆๆ...