“คุณ…นิสัยไม่ดีสุดๆ ไปเลย ” เยี่ยวานวานอดไม่ได้ที่จะใช้กำปั้นเล็กๆ ทุบไปยังอกแกร่ง
เจียนจือเพ่ยจูบหน้าผากของเธอเพื่อปลอบโยนอารมณ์ “พวกเราลงรถกันเถอะ!”
เยี่ยวานวานพยักหน้า เธอกุมหน้าอกอย่างตื่นเต้น “ฉันตื่นเต้นมากทำยังไงดี”
เจียนจือเพ่ยจูงมือของเธอเอาไว้ “มีฉันอยู่ ไม่ต้องกลัว”
เมื่อประตูรถเปิดออก บอดี้การ์ดและผู้ช่วยต่างก็กรูกันเข้ามาจนเต็ม ช่างแต่งหน้าช่วยกันจัดแจงชายกระโปรงให้เธอ เจียนจือเพ่ยก็ช่วยนำผ้าคลุมหน้าลงมาปิดให้เธออีกแรง ภายใต้ผ้าขาวได้ซ่อนใบหน้าอันงดงามของเธอเอาไว้ เยี่ยวานวานมองดูห้องโถงอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ปลายยอดสูงตระหง่านสะท้อนแสงทองแวววาวเมื่อแสงอาทิตย์ได้ส่องกระทบ ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์
เจียนจือเพ่ยจูงมือเยี่ยวานวานเดินเข้าไปยังโบถน์ ในขณะเดียวกันพ่อบ้านที่คอยอยู่นานแล้วก็รีบปรี่มาทางพวกเขา “คุณชาย ในที่สุดก็มาจนได้ รีบเข้าไปเถอะครับ แขกรอนานมากแล้ว”
ภายใต้ผ้าขาว ผู้ดูแลในงานต่างก็ไม่มีใครสังเกตว่าเจ้าสาวที่พวกเขาคิดได้ถูกเปลี่ยนตัวไปแล้ว แต่ภายในใจเยี่ยวานวานก็ยังคงตื่นเต้นมาก ฝ่ามือของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอมองผู้คนที่ยิ้มและอวยพรให้เธอ เธอคิดว่าพวกเขาจะต้องนึกว่าเธอเป็นเฉียวเสวี่ยเม่ยอย่างแน่นอน
เจียนจือเพ่ยรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นจากฝ่ามือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของเธอ เขาค่อยๆ ก้มลงกระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ทำให้ใจสบายๆ แล้วมาเป็นเมียฉันเถอะ!”
เยี่ยวานวานอึ้งไปสักพัก เงยหน้าผ่านผ้าขาวมองไปยังดวงตาที่แอบซ่อนรอยยิ้มของเขา การได้แต่งงานกับเขา ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องที่กล้าหาญที่สุดในชีวิตของเธอ ยังเป็นเรื่องที่เธอมีความสุขที่สุดอีกด้วย
คำพูดของผู้ชายคนนี้เพียงประโยคเดียวก็สามารถทำให้อารมณ์ของเธอสงบลง เยี่ยวานวานถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยักหน้าเบาๆ พร้อมทั้งเงยหน้ายืดอก คล้องแขนเขาเดินเข้าไปยังพรมแดง
บรรดาแขกที่เฝ้ารอคอยพวกเขา ในที่สุดก็ได้พบกับคู่บ่าวสาว เสียงปรบมือดังขึ้นระนาวในห้องโถงใหญ่เป็นสัญญาณต้อนรับการมาถึงของพวกเขาสองคน เสียงปรบมือเงียบลง กลายเป็นเสียงเพลงบรรเลงมาแทนที่
คุณนายเจียนที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกได้เสียที นึกว่าเจ้าหลานตัวดีจะหนีงานแต่งเสียแล้ว ยังดีที่พาเจ้าสาวมาได้ตามกำหนดเวลา
อีกทั้งสีหน้าของหลานชายก็ดูไม่เย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้ มุมปากของเขายกยิ้มขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและดีใจ เผยให้เห็นความสุขที่พรั่งพรูออกมา
แต่ในขณะที่บาทหลวงกำลังเตรียมอ่านคำสาบานแทนพวกเขาอยู่นั้น จู่ๆ ประตูใหญ่ที่ปิดสนิทก็ถูกเปิดออกด้วยแรงผลักจากคนด้านนอก พร้อมกับเสียงประกาศดังลั่นตามมาติดๆ ว่า “พวกเขาแต่งงานกันไม่ได้”
เป็นเสียงของเฉียวเสวี่ยเม่ยนั่นเอง เธอตะโกนออกไปราวกับคนคลุ้มคลั่ง “ฉันต่างหากที่เป็นเจ้าสาว”
ประโยคนั้นทำเอาบรรดาแขกทั้งหมดหันหลังมามองด้วยความตะลึงงันไปตามๆกัน ทำไมที่นี่ถึงมีเจ้าสาวสองคนกันล่ะ
เฉียวเสวี่ยเม่ยเดินผ่านพรมแดงเข้ามา พรางดึงผ้าคลุมหน้าออกอย่างไม่ใส่ใจ เผยให้เห็นใบหน้าของเธอ
แขกเหล่านั้นล้วนรู้ดีว่าเธอคือเจ้าสาวของวันนี้ ถ้าอย่างนั้น เจ้าสาวที่กำลังยืนจับมือกับคุณชายอยู่บนเวทีนั้นคือใครกัน
คุณนายเจียนที่ตกใจไม่ต่างกัน เธอยืนขึ้นมองดูสีหน้าโกรธจัดของเฉียวเสวี่ยเม่ย และหันกลับไปมองยังเจ้าของร่างบางที่ถูกหลานชายตัวดีกุมมือเอาไว้บนเวที จู่ๆ เธอก็พอจะเดาออก นี่เจ้าหลานชายเปลี่ยนตัวเจ้าสาวอย่างนั่นหรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ค่าต่อการอ่านหน้าต่อไปแพงจังค่ะ...
มาแล้ว พึ่งเข้ามาดู...
รอๆๆคะ...
สรุปเรื่องไม่ไปต่อแล้วเหรอค่ะ ติดตามมาตลอดหายไปอีกรอบ เสียดายจังค่ะ กำลังสนุกเลย ด้วยเพราะเหตุผลอะไร ยังไงก็ขอขอบคุณค่ะที่ทำให้การอ่านมีความสุขกับตัวละครที่สร้างจินตนาการให้นะ่ค่ะ...
เรืองหยุดชะงักอีกรอบแล้ว ผู้แต่งไม่สบายหรือเปล่าค่ะ หรือติดอะไรยังก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ รอการกลับมาของนิยายเรื่องนี้อยู่ตลอดค่ะ...
หายไป 3 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน.....
หายไป 2 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน...
สนุกมากค่ะ อยากให้ลงสักวันล่ะ 20 ตอนเลยค่ะ สนุกมากๆๆและมีลุ้นด้วยว่าจะยังไงต่อ ต่อไปจะเป็นคู่ของท่านรองปะค่ะ รองประธาน น่ะจะมีนะ555...
น่าสงสารนางเอกจัง และสงสารพระเอกที่จะบอกคนที่ตนเองรักยังไง ว่าคู่หมั้นตัวเองเป้นญาติกัน...
ติดตามต่อค่ะ สนุกมากๆๆๆ...