ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นได้ ครั้งก่อนที่อันนั่วบอกว่าเธอหมั้นแล้ว ไม่รู้ว่าคู่หมั้นของเธอหน้าตาเป็นอย่างไร พวกเธอสองคนเป็นพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกัน มีเรื่องอะไรก็จะเป็นคนแรกที่เล่าสู่กันฟังทุกอย่าง
ตอนนี้เองมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พอเธอเปิดออกก็เห็นเนี่ยเหยียนเฟิงยืนอยู่หน้าประตู เขาพูดกับเธอว่า "ช่วยรีบเก็บของด้วย อีกสิบนาทีเราจะไปกันแล้ว"
“สิบนาที?” อันฉีรู้สึกว่าให้เวลาน้อยเกินไป!
"คุณมีเวลาแค่สิบนาทีเท่านั้น ถ้ายังเก็บของไม่เสร็จ คุณก็แค่ขึ้นรถไปเลย" น้ำเสียงของเนี่ยเหยียนเฟิงเต็มไปด้วยคำสั่ง
อันฉีกระพริบตา เธอรู้สึกว่าตนเองกลายเป็นผู้เข้าฝึกอบรมทหารแล้ว จำใจพยักหน้าพลางพูดว่า "ค่ะ ฉันจะรีบเก็บของให้เร็วที่สุด"
อันฉีรีบหากระเป๋าใบหนึ่งเก็บข้าวของสำคัญ รวมทั้งเสื้อผ้าและรองเท้าที่ใส่แล้ว จากนั้นก็มัดผมใหม่ที่หน้ากระจก พอมองดูเวลาอีกทีก็เหลือแค่สองนาทีเท่านั้น
เธอรีบเปิดประตูออกมาพร้อมกับกระเป๋า มีรถออฟโรดสีดำสามคันจอดข้างๆ สนามบาสเก็ตบอลด้านนอก มันดูลึกลับมากเป็นพิเศษ
เมื่ออันฉีเดินออกมา เสี่ยวซื่อยิ้มแย้มพลางเปิดประตูให้เธอ "คุณอันฉี เชิญขึ้นรถครับ"
อันฉียืนอยู่ที่หน้าประตูมองดูก็มีคนนั่งอยู่ข้างในแล้ว เนี่ยเหยียนเฟิงนั่นเอง
อันฉีเข้าไปในรถโดยไม่ลังเล หลังจากนั่งลงยังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็หันมามองเธอแวบหนึ่ง "คาดเข็มขัดด้วย"
อันฉีจึงต้องคาดเข็มขัดนิรภัยแต่โดยดี เสี่ยวซื่อเปิดประตูขึ้นไปนั่ง หันหน้าไปหาอันฉี แล้วพูดว่า "คุณอันฉี ผมจะบอกข่าวดีกับคุณ ไอ้สารเลวจี้เจ๋อถูกขังที่สถานีตำรวจแล้วครับ"
อันฉีมองเขาค่อนข้างตะลึง “คุณรู้ได้ยังไงคะ”
"พี่น้องของพวกเราเป็นคนพบหลักฐานในคอมพิวเตอร์ของเขา ก็เลยส่งเขาให้ตำรวจ"
อันฉีฟังแล้วก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก “ขอบคุณที่ช่วยฉันสอนบทเรียนเขาค่ะ”
“มันเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้วครับ” เสี่ยวซื่อเห็นเธอดีใจ เขาก็พลอยรู้สึกดีใจไปด้วย
เดิมทีอันฉีเข้าใจว่าพวกเขาจะแวะหยุดกินอาหารสักมื้อ เพราะในรถมีแค่ขนมปังกับน้ำดื่ม ทว่าพวกเขายังคงเดินทางต่อไปไม่หยุดพัก นอกจากผลัดเปลี่ยนคนขับรถแล้ว อันฉีรู้สึกว่านั่งจนปวดเมื่อยเนื้อตัวทรมานแทบแย่
อีกทั้งสะลืมสะลือง่วงนอน พอเธอหลับ หัวก็โยกคลอนไปมา ทำให้รู้สึกไม่สบายมาก และยังรู้สึกค่อนข้างมึนหัวด้วย ในที่สุด เธอเอ่ยปากขอร้องว่า "หัวหน้าทีมเนี่ย ให้ฉันพิงหน่อยได้ไหมคะ!"
เนี่ยเหยียนเฟิงมองดวงตาง่วงนอนของเธอก็ขยับตัว อันฉีย้ายไปนั่งตรงกลางแล้วเอนศีรษะลงบนไหล่ของเขา หลับไปอย่างมั่นคงและเงียบสงบ
เสี่ยวซื่อที่นั่งอยู่ข้างหน้าเหลียวหลังไปมองหยอกล้อชายหนุ่ม เป็นนัยว่าลูกพี่โชคดีมาก
อันฉีนั่งอยู่ในรถนานถึงสิบชั่วโมง ในที่สุด ทิวทัศน์โดยรอบก็เปลี่ยนจากเขตเมืองไปเป็นเขตภูเขาป่าไม้โบราณ พวกเขาเดินทางในพื้นที่ภูเขาไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไหร่ กระทั่งท้องฟ้ายามค่ำคืนนอกหน้าต่างเต็มไปด้วยดวงดาวดารดาษ อันฉีถูกหลุมหินที่สั่นสะเทือนรถปลุกให้ตื่น เธอหันไปดูนอกหน้าต่างก็เห็นว่าท้องฟ้ามืดสนิทจนยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นแล้ว
ในที่สุด เธอก็เห็นแสงไฟริบหรี่สองสามดวงบนยอดเขา รถของพวกเขาขับเข้าไปในถ้ำที่ลึกลับอย่างมาก
ทางเข้าถ้ำไม่ใหญ่นัก แต่กลับมีอีกโลกหนึ่งดั่งสรวงสวรรค์อยู่ในถ้ำ ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความรู้สึกหรูหรา ราวกับตอนที่ลึกลับในภาพยนตร์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ค่าต่อการอ่านหน้าต่อไปแพงจังค่ะ...
มาแล้ว พึ่งเข้ามาดู...
รอๆๆคะ...
สรุปเรื่องไม่ไปต่อแล้วเหรอค่ะ ติดตามมาตลอดหายไปอีกรอบ เสียดายจังค่ะ กำลังสนุกเลย ด้วยเพราะเหตุผลอะไร ยังไงก็ขอขอบคุณค่ะที่ทำให้การอ่านมีความสุขกับตัวละครที่สร้างจินตนาการให้นะ่ค่ะ...
เรืองหยุดชะงักอีกรอบแล้ว ผู้แต่งไม่สบายหรือเปล่าค่ะ หรือติดอะไรยังก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ รอการกลับมาของนิยายเรื่องนี้อยู่ตลอดค่ะ...
หายไป 3 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน.....
หายไป 2 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน...
สนุกมากค่ะ อยากให้ลงสักวันล่ะ 20 ตอนเลยค่ะ สนุกมากๆๆและมีลุ้นด้วยว่าจะยังไงต่อ ต่อไปจะเป็นคู่ของท่านรองปะค่ะ รองประธาน น่ะจะมีนะ555...
น่าสงสารนางเอกจัง และสงสารพระเอกที่จะบอกคนที่ตนเองรักยังไง ว่าคู่หมั้นตัวเองเป้นญาติกัน...
ติดตามต่อค่ะ สนุกมากๆๆๆ...