“สัญญากับผมว่าจะไม่ทำเรื่องที่อันตรายต่อชีวิตของคุณอีก” ชายหนุ่มออกคำสั่งที่หนักแน่นและเด็ดเดี่ยว
อันฉีเพิ่งเคยรู้สึกถึงคำสั่งที่ฝังเข้าไปในจิตวิญญาณของเธอเป็นครั้งแรก เธอพยักหน้าเล็กน้อยื “ฉันสัญญา”
“ชีวิตของคุณสำคัญมาก” เนี่ยเหยียนเฟิงพูดย้ำอีกครั้ง
อันฉีรู้สึกว่านี่เป็นประโยคสารภาพรัก เธอเม้มริมฝีปากและก้มหน้าลง “ชีวิตของฉันสำคัญต่อคุณมากเลยเหรอ”
นำเสียงหนักแน่นของชายหนุ่มเอ่ยขึ้น “ใช่”
อันฉีใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา เธอพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของชายหนุ่มและกอดเขาไว้ “อือ ถ้างั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรที่อันตรายอีกให้คุณต้องเป็นห่วงอีก”
เนี่ยเหยียนเฟิงอึ้งอยู่สักพักก็ยื่นมือออกมาลูบผมของเธอ ดวงตาสีดำขลับจ้องหญิงสาวในอ้อมแขนด้วยความคิดที่ยุ่งเหยิง
ยังยั้งชั่งใจ อ่อนโยน และรอคอย…
อันฉีไม่ได้เงยหน้ามามองชายหนุ่มแต่อย่างใด ถ้าหากเธอเงยหน้ามามองเขากคงมองเห็นสิ่งเหล่านี้ที่อยู่ในแววตาของเขา ในเวลานั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านหลังพวกเขา อันฉีออกมาจากอ้อมแขนของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรุกเขาก่อนและเธอก็คิดที่จะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอ
แววตาของชายหนุ่มแสดงความไม่พอใจออกมา เมื่อทหารทั้งสองที่อยู่ตรงมุมเห็นเนี่ยเหยียนเฟิงและอันฉีกำลังยืนอยู่ก็ตกใจมาก โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นสายตาดุดันของหัวหน้าทีมเนี่ยที่มองมายังพวกเขา พวกเขายิ้มอายๆ “พวกเราเดินมาผิดทาง…” พูดจบ ทั้งสองก็ผลัดกันดันอีกฝ่ายให้เดินจากไป
อันฉีกลั้วหัวเราะเบาและยิ้มออกมา รู้สึกว่าพวกเขาจะอายมากกว่าตัวเธอเองเสียอีก
อันฉีจูงมือชายหนุ่มข้างๆ “ปะ! กลับกันเถอะ”
เนี่ยเหยียนเฟิงเดินตามเธอไป อันฉีเดินนำหน้าอย่างมีความสุขเหมือนกับกำลังจูงสิงโตดุร้ายตัวหนึ่งอยู่ เธอรู้สึกราวกับผู้ชนะ
แต่เมื่อถึงหน้าประตูฐานทัพ อันฉีก็ปล่อยมือเขาออก เธอแค่อยากมีความสัมพันธ์กับเขาแบบไม่เปิดเผยให้ใครรู้
“หัวหน้าทีมเนี่ย คุณกลับมาแล้ว” เป็นเสียงของจั่วอันอันที่แต่งตัวด้วยชุดเดรสสีแดงรัดรูป ทั้งตัวของเธอราวกับเป็นดอกกุหลาบที่สวยสดงดงามดึงดูดสายตา
ในหัวของเธอเต็มไปด้วยรสจูบของเนี่ยเหยียนเฟิงเมื่อเช้า เธอนิยามจูบของเขาว่าเป็นจูบที่ดุดันเหลือเกิน
เพราะเขาเผด็จการจริงๆ แถมยังให้ความรู้สึกหยาบคายอีกตั่งหาก แต่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่เธอกลับชอบมัน
อันฉีปิดหน้าลงบนฝ่ามือ หัวเราะแหะๆ ออกมาอย่างมีความสุข
เธอหัวเราะอยู่ดีๆ จู่ๆ เธอก็ลุกขึ้นนั่งเอามือเท้าคางอย่างเครียดๆ เนี่ยเหยียนเฟิงถูกหมั้นหมายแล้ว การที่เธอทำแบบนี้ก็เหมือนกับข้ามเส้นเกินไป แถมยังรู้สึกผิดกับคู่หมั้นของเขาอีก ตราบใดที่เนี่ยเหยียนเฟิงไม่ได้ยกเลิกงานหมั้นอย่างเป็นทางการ เธอก็รู้สึกเหมือนกับกำลังแอบลักกินขโมยกินของคนอื่นอยู่
ในห้องประชุม
เนี่ยเหยียนเฟิงกำลังประชุมทางไกลกับผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ บนผนังของโปรเจ็กเตอร์มีภาพของห้องประชุมและผู้ที่นั่งประชุมอยู่ที่นั่น มีทั้งวัยรุ่นและวัยกลางคนที่กำลังพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์เหตุฉุกเฉินที่เพิ่งเกิดขึ้น
“หัวหน้าทีมเนี่ย ครั้งนี้พวกเราได้รับคำสั่งมาว่าไม่อนุญาตให้คุณเข้าร่วม” ชายวัยกลางคนในจอมอนิเตอร์เอ่ยขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ค่าต่อการอ่านหน้าต่อไปแพงจังค่ะ...
มาแล้ว พึ่งเข้ามาดู...
รอๆๆคะ...
สรุปเรื่องไม่ไปต่อแล้วเหรอค่ะ ติดตามมาตลอดหายไปอีกรอบ เสียดายจังค่ะ กำลังสนุกเลย ด้วยเพราะเหตุผลอะไร ยังไงก็ขอขอบคุณค่ะที่ทำให้การอ่านมีความสุขกับตัวละครที่สร้างจินตนาการให้นะ่ค่ะ...
เรืองหยุดชะงักอีกรอบแล้ว ผู้แต่งไม่สบายหรือเปล่าค่ะ หรือติดอะไรยังก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ รอการกลับมาของนิยายเรื่องนี้อยู่ตลอดค่ะ...
หายไป 3 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน.....
หายไป 2 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน...
สนุกมากค่ะ อยากให้ลงสักวันล่ะ 20 ตอนเลยค่ะ สนุกมากๆๆและมีลุ้นด้วยว่าจะยังไงต่อ ต่อไปจะเป็นคู่ของท่านรองปะค่ะ รองประธาน น่ะจะมีนะ555...
น่าสงสารนางเอกจัง และสงสารพระเอกที่จะบอกคนที่ตนเองรักยังไง ว่าคู่หมั้นตัวเองเป้นญาติกัน...
ติดตามต่อค่ะ สนุกมากๆๆๆ...