ริษยาร้ายซ่อนรัก นิยาย บท 65

กรขับรถออกมาจากบริษัทแล้วก็เอ่ยถามเจ้านายด้วยความระมัดระวัง

" เอ่อ...ท่านประธานจะให้กลับไปที่บ้านไหนครับ "

เขาไม่รู้จริงๆว่าควรจะไปบ้านไหน เพราะเจ้านายของเขามีหลายบ้าน หลายโรงแรมตามความสำคัญของหญิงสาว

กวินจึงเอ่ยตอบขึ้นเสียงเย็นด้วยสีหน้าสุขุมเคร่งขรึม

" กลับคฤหาสน์ "

" ห๊ะ! "

กรตกใจเมื่อได้ยินเจ้านายเอ่ยแบบนั้น เพราะยังไม่เคยมีหญิงสาวคนไหน

ได้ไปหรือเห็นคฤหาสน์ที่เป็นบ้านพักส่วนของเจ้านายมาก่อน แม้แค่คุณอิงฟ้าก็ยังไม่เคยเห็น

กวินเหลือบไปมองกรผ่านกระจกมองหลังอย่างเย็นชาแบบเงียบๆ

กรรีบหลุบตา กลับไปสนใจทางข้างหน้าบนท้องถนนต่อพร้อมกับเอ่ยตอบรับคำอย่างนอบน้อมด้วยสีหน้านิ่งเฉย

" ครับ "

มีมี่เองก็เหลือบมองคนข้างๆแวบๆด้วยความสงสัย ว่าทำไมจะต้องถามด้วยว่า กลับบ้านไหน

จากนั้นหล่อนก็เอ่ยขึ้นลอยๆอย่างหน้าตาเฉย

" บ้านเยอะหรือไง ถึงต้องถาม ว่า กลับบ้านไหน "

กรเหลือบมองหล่อนด้วยหางตาอย่างเย็นชาแวบหนึ่งก่อนจะกลับมาตั้งใจขับรถ

ส่วนนับหนึ่งก็นั่งหน้าบูดในอ้อมกอดของชายหนุ่มหน้าหล่อที่มีรูปร่างสูงใหญ่

เพราะเธอถูกเขาโอบกอดไว้ด้วยมืออันแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า

เธอทำได้แค่อยู่นิ่งๆในอ้อมอกเขาด้วยสีหน้าบูดบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์ ส่วนมีมี่ก็หันมาดูน้องเป็นพักๆอย่างช่วยอะไรไม่ได้

[ เอาไงดี ขืนปล่อยให้น้องอยู่กับผู้ชายคนนี้ แบบนี้ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงมากที่ใจน้องจะอ่อนยวบลง

หรือว่าเราควรจะบอกน้อง ว่าผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกันกับคนที่สักชื่อลงบนตัวเธอ

แต่ก็บอกตอนนี้ไม่ได้อยู่ดี หากจะบอกก็ต้องปรึกษากับบอส จะต้องคิดให้รอบคอบ ]

มีมี่รู้แค่ว่ากวินต้องการตัวนับหนึ่งและเป็นคนสักชื่อลงบนตัวเธอ

หล่อนก็เคยสงสัยว่าเขาสักชื่อลงบนตัวน้องได้ยังไง ตอนไหน แต่บอสก็ไม่ยอมบอกหล่อน

ส่วนนับหนึ่ง รู้ว่าคนที่สักชื่อลงบนตัวเธอได้ มีเพียงชายสวมหน้ากากที่ย่ำยีเธอเท่านั้น

เธอไม่เคยรู้จักกวินผ่านสื่อใดมาก่อนและไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่รู้ว่าเขากำลังคบกับอิงฟ้าด้วย

เพราะหลังจากวันที่เกิดเรื่อง เธอก็ปฏิเสธที่จะรับรู้เรื่องราวของอิงฟ้าเพื่อให้ใจสงบสุข

จริงๆแล้ว ลึกๆในใจ เธออิจฉาอิงฟ้ามาก ที่มีชีวิตราบรื่นมาตลอด

ซึ่งแตกต่างจากเธอ ที่เส้นทางชีวิตลุ่มๆ ดอนๆ ขรุขระ บาดเท้าเดินลำบากมาก

บรรยากาศภายในรถหรูเย็นฉ่ำจนนับหนึ่งรู้สึกหนาว

ในขณะที่คนหนึ่งนั่งพิงแผงอกแกร่งอย่างเงียบๆด้วยสีหน้าบูดบึ้งไม่เต็มใจ แต่อีกคนกลับอมยิ้มด้วยความพอใจ

เขาคิดไม่ถึง ว่าหญิงสาวของตนจะมีหน้าตาสวยขนาดนี้ แถมยังใจเด็ด ปากกล้าไม่กลัวใคร

ตอนนี้ในสายตาเขา เธอเหมาะที่จะเป็นผู้ให้กำเนิดทายาทของเขามาก

เพราะอีกไม่กี่ปี ก็จะถึงวัยที่เขาควรจะมีทายาทไว้สืบสกุลแล้ว และหญิงสาวในอ้อมกอดก็คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

หน้าตาสวย ผิวขาว ตัวหอม ฉลาด เด็ดเดี่ยว รู้จักเอาตัวรอด ปากกล้า ใจนักเลง ตรงตามสเปกของเขาเลย

เขานั่งยิ้มอย่างเงียบๆจินตนาการถึงใบหน้าลูกชายที่มาจากDNAของเขากับคนในอ้อมกอด

[ พ่อหล่อ แม่สวย ลูกเกิดมา ไม่ว่าจะหน้าเหมือนใครก็หล่อหมด ]

พอรถเข้าไปจอดลงตรงหน้าคฤหาสน์ ธนินกุล กวินก็เปิดประตูลงจากรถแล้วรอให้นับหนึ่งลงมา

มีมี่ลงมาแล้วมองเข้าไปในคฤหาสน์ ยืนตะลึงกับคฤหาสน์อันหรูหรากว้างใหญ่ตรงหน้า จนลืมสนใจน้องสาวสุดที่รักไป

กวินพานับหนึ่งเข้าไปในบ้าน ส่วนมีมี่ก็ยังยืนมองรอบๆชื่นชมความงดงามอลังการของคฤหาสน์และสวนที่จัดไว้สวยงามรอบบริเวณบ้าน

[ มีเนื้อที่กว้างขวาง มีสระว่ายน้ำหรู มีที่ให้นั่งเล่นสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ]

" ว้าว...อะไรมันจะดีเว่อร์วังอลังแบบนี้ สวยมากราวกับพระราชวังแหน่ะ ต้องรวยเบอร์ไหนถึงจะมีบ้านแบบนี้ได้ ว้าว "

พอมาเจอคฤหาสน์หลังใหญ่อันหรูหรา มีมี่รู้สึกว่าตัวเองกับนับหนึ่งดูตัวเล็กเท่ามดเลย

เหมือนตัวเองกับน้องเป็นมดน้อยที่เจ้าของบ้านต้องการเลี้ยงไว้ดูเล่นเลย

แม้น้องจะเป็นมดที่กัดเจ็บ แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรเจ้าของบ้านหลังใหญ่นี้ได้เลย

[ แล้วแบบนี้ เราจะพาน้องออกไปยังไงเนี่ย บอสจะช่วยน้องยังไง ในเมื่อบอสไม่มีอำนาจหรือร่ำรวยเท่าคุณกวินเลย ]

ตอนนี้หล่อนยืนคอตกด้วยสีหน้าคิดหนัก อยู่ตรงหน้าคฤหาส กรรอจนหงุดหงิด จึงเอ่ยขึ้นเสียงเย็นอย่างสุขุม

" จะเข้าไปได้หรือยัง "

เมื่อเสียงกรดังขึ้นข้างหู หล่อนจึงหันมามองหน้ากรแล้วทำหน้ามุ่ยใส่ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินเชิดเข้าไปในบ้าน

กวินพานับหนึ่งเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยแนะนำขึ้น

" ฉันจะไปหาพี่มีมี่ "

นับหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกับหมุนตัวออกไป

กวินไม่ห้ามและไม่รีบที่จะเผด็จศึกกับเธอ เพราะเขามีแผนในใจที่จะทำให้เธอยอมเขาด้วยความเต็มใจอยู่แล้ว

ที่เขาไม่ให้เธอมาอยู่ห้องข้างๆเขา เพราะเธอยังไม่ใช่ผู้หญิงที่เขารักและไม่ใช่ผู้หญิงที่อยากจะแต่งงานด้วย

นับหนึ่งเดินออกมาจากห้องนอนอันหรูหรากว้างขวางแล้วเดินลงบันไดไปอย่างเงียบไ

พอมีมี่เห็นเธอ ก็รีบเข้ามาหาแล้วสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

" ตอนอยู่ในห้อง เขาได้ทำอะไรน้องบ้างหรือเปล่า "

นับหนึ่งส่ายหน้าเบาๆแล้วเอ่ยเสียงเบาพอให้ได้ยินเพียงสองคน

" ไม่ค่ะ แล้วโทรศัพท์พี่ล่ะ พี่ติดต่อคุณธีร์ให้มาช่วยเราได้มั้ย "

" ถูกพวกเขายึดไปหมดแล้ว ตอนนี้เราไม่สามารถขอให้ใครช่วยได้อีก นอกจากทำงานให้เขาจนเสร็จถึงจะมีโอกาสได้กลับไปเจอบอส "

ได้ยินดังนั้นสีหน้านับหนึ่งก็ดูสิ้นหวังลงทันทีแล้วเอ่ยด้วยแววตาเศร้า เพราะเธอกลัวการถูกขังที่สุด

" เท่าที่นับหนึ่งฟังจากคำพูดเขาแล้ว มันเหมือนจะให้เราอยู่ที่นี่ไปตลอดยังไงไม่รู้ค่ะ

พี่มี่น้องเริ่มกลัวสถานที่แห่งนี้แล้ว น้องกลัวจะถูกขังให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเหมือนตอนเด็กๆ "

นับหนึ่งเอ่ยด้วยสีหน้าหวั่นกลัว ดวงตาสั่นไหวอย่างกังวล มีมี่จึงดึงเธอเข้ามากอดแล้วเอ่ยปลอบประโลมเสียงเบา

" น้องไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกังวลใจด้วย เราต้องได้ออกไปแน่

แต่ตอนนี้เราต้องแกล้งทำเป็นเชื่อฟังพวกเขา ทำให้พวกเขาตายใจก่อน

พอทำงานให้เสร็จแล้ว ถ้าเขายังไม่ให้เราออกไป เราค่อยวางแผนหนีนะ "

" ค่ะ "

นับหนึ่งกลัวมากจริงๆ แม้แต่โทรศัพท์ก็ถูกยึดไปทำให้เธอนึกถึง ความทรงจำในวัยเด็ก

ตอนที่เธอถูกรานีกับอิงฟ้าขังไว้ในห้อง ไม่ให้ได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน

ไม่ให้กินข้าว ไม่ให้กินน้ำ ปล่อยให้เธอต้องอดทนกับความหิวโหยอย่างทรมาน

มันเป็นอีกหนึ่งความทรงจำอันเลวร้ายที่เธอไม่เคยลืมเลย และสักวัน เธอจะกลับไปคิดบัญชีกับสองแม่ลูกนั่นแน่นอน

ในขณะที่สองพี่น้องกอดกันแน่นราวกับพี่ชายกับน้องสาวกลางห้องโถง

คนที่อยู่บนชั้นสองกำลังยืนจับราวบันไดมองทั้งสองด้วยแววตาสุขุมเย็นชา และตรงประตูทางเข้าก็มีกรจับจ้องทั้งสองอย่างไม่วางตาเช่นกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก