กวินนั่งบนเก้าอี้ทำงานในห้อง บุคลิกสง่าน่าเกรงขามราวกับราชาผู้ยิ่งใหญ่
ที่มีท่าทีสุขุมเยือกเย็นแลดูองอาจอย่างสง่าผ่าเผย แววตาคมทรงเสน่ห์ จ้องมองโทรศัพท์อย่างเงียบๆ
กำลังตัดสินใจจะโทรหาใครบางคน แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจโทรไปหาอีกคนแทน
" สวัสดีค่ะท่านประธานกวิน "
เคธี่รับสายแล้วเอ่ยออกมาเสียงหวานอย่างสุภาพ กวินนั่งหน้านิ่งแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุขุม
" เรียกผม กวิน เฉยๆก็พอ "
" ค่ะ คุณกวินโทรมาหาเคธี่ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ "
เคธี่ที่อยู่ในสายเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกแปลกใจ ร้อยวันพันปี ท่านประธานกวินไม่เคยโทรหาแกและไม่เคยโทรหาใคร ที่ไม่สนิทมักคุ้น ความเย่อหยิ่ง เย็นชา ที่มีในตัวเขา ทุกคนต่างรู้กันดี
แต่วันนี้ เขากลับโทรมาหาแกด้วยตัวเอง แกรู้สึกว่ามันไม่ปกติ จะต้องมีอะไรแน่นอน
กวินได้ยินเคธี่เอาถามแบบนั้น เขาก็รีบเอ่ยเข้าประเด็น เพื่อไม่ให้เสียเวลา
" ผมอยากกระชับความสัมพันธ์กับนับหนึ่ง "
" หะ หา! นี่คุณกวินไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ยคะ "
" ไม่ได้ล้อเล่น "
กวินเอ่ยตอบเสียงเย็น
ได้ยินดังนั้นเคธี่อึ้งจนอ้าปากค้างไปเลย นึกไม่ถึงว่า ท่านประธานกวิน จะมาถูกใจนับหนึ่ง จนถึงขั้นโทรมาหาแกด้วยตัวเองแบบนี้
เมื่อได้ยินเคธี่ อุทานออกมาอย่างตกใจเช่นนั้นกวินจึงยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ยต่อ
" คืนพรุ่งนี้ คุณช่วยพาเธอออกมาทานข้าวกับผมหน่อย ไม่ต้องเอาพี่ของเธอมาด้วย คุณทำได้มั้ย "
เคธี่ไม่ได้ตอบตกลง ว่าได้หรือไม่ได้ แต่กลับเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง เนื่องจากวงในต่างรู้กันดี
ว่าในวงการบันเทิงนี้ ใครคือตัวจริงของท่านประธานกวินและใครเป็นผู้หญิงของเขาบ้าง
ดังนั้นเพื่อเซฟตัวนับหนึ่งแล้ว แกต้องตัดสินใจด้วยความรอบคอบ
เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อนับหนึ่ง แกจึงเอ่ยถามออกไปอย่างตรงไปตรงมา
" ท่านประธานแค่จะทานข้าวกับน้องนับหนึ่งอย่างเดียวใช่มั้ยคะ "
" ใช่ ผมแค่ต้องการทานข้าวกับเธอ คุณคิดว่าผมต้องการอะไรอีกล่ะ "
กวินเอ่ยตอบอย่างสุขุมด้วยความรำคาญใจ
" ค่ะ ถ้าแค่ทานข้าวกันในฐานะเจ้าของบริษัทกับผู้ถูกจ้างงาน เคธี่คงไม่อาจปฏิเสธได้ค่ะ
แต่ถ้ามากกว่าทานข้าวทั่วไป เคธี่คงตอบรับคำคุณกวินไม่ได้ค่ะ
น้องนับหนึ่งยังอ่อนต่อโลกมายา เคธี่ไม่อยากทำร้ายเธอที่บริสุทธิ์ผุดผ่องค่ะ
หวังว่าคุณกวินจะเข้าใจและให้เกียรติน้องนับหนึ่งนะคะ "
" ผู้หญิงคนอื่น ผมไม่เคยลงทุน ทำถึงขนาดนี้มาก่อน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องให้ความสำคัญเลย
แต่กับนับหนึ่ง ผมโทรมาหาคุณด้วยตนเอง เพียงเพื่อต้องการจะทานข้าวกับเธอ อยากจะทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น
การกระทำของผม มันยังให้เกียรติและดูจริงใจไม่พออีกเหรอ "
กวินเอ่ยเสียงเรียบ เคธี่ที่อยู่ในสายยิ้มออกมาอย่างพอใจ แล้วเอ่ย
" เอ่อ ค่ะ งั้นก็ขอบคุณคุณกวินมากนะคะ ที่เมตตาและให้เกียรติน้อง เดี๋ยวพรุ่งนี้เคธี่จะให้น้องไปทานข้าวด้วยค่ะ "
" อือ "
เขาส่งเสียงออกมาเพียงสั้นๆ เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาก็วางสายไปทันที
ทำเอาเคธี่ถึงกับยืนงง มองโทรศัพท์ของตัวเองพร้อมกับพึมพำเบาๆ
" นี่คงเป็นนิสัยของท่านประธานผู้เย่อหยิ่งสินะ นึกจะวางสายก็วางไปแบบไม่บอกใครเลย "
หลังจากวางสาย กวินก็นั่งยิ้มน้อยด้วยความพอใจ ในขณะที่เขากำลังอารมณ์ดีอยู่นั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น เขารีบปรับสีหน้าให้กลับมาสุขุมแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเย็น
" เข้ามาได้ "
อิงฟ้าที่อยู่หน้าห้องพอได้ยินเสียงกวิน เธอจึงยิ้มออกมาแล้วผลักประตูเข้ามาในห้อง
พอคนในห้องเห็นว่าเป็นอิงฟ้าก็รู้สึกไม่สบอารมณ์แล้วเอ่ย
" ถ้าจำไม่ผิด วันนี้ผมไม่ได้เรียกคุณมานะ "
เขาเอ่ยเสียงเย็นในขณะที่แววตาจับจ้องอิงฟ้าอย่างสุขุมเยือกเย็น
กวินนั่งอย่างเงียบๆด้วยความหงุดหงิดใจ แล้วเดินเข้าไปในห้องพักผ่อน จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า ที่ติดกลิ่นน้ำหอมของอิงฟ้า ถอดทิ้งลงในตะกร้า
ตั้งแต่ได้ใกล้ชิดนับหนึ่งที่ตัวหอมอ่อนๆ ทำให้เขาไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมอื่น แค่ได้กลิ่นก็หงุดหงิดใจแล้ว
อิงฟ้าปาดน้ำตาออกจากบริษัทไปที่รถแล้วขับรถกลับไปที่บ้านทั้งน้ำตา
พอกลับถึงบ้าน เธอก็รีบลงจากรถปิดประตูเสียงดังปัง! แล้วเดินกลับเข้าบ้าน
วิ่งขึ้นไปยังห้องของตัวเอง ล็อคประตูไว้ไม่ให้ใครมารบกวน ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงร้องให้เสียใจที่ถูกไล่กลับมา
การได้เจอกวินวันนี้ เธอรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนจนรู้สึกสังหรณ์ใจ เหมือนกำลังจะถูกเขาทิ้งในเร็วๆนี้
รานีกับธำรงเห็นลูกสาวร้องให้กลับมา เลยหันไปถามภรรยาด้วยความสงสัย
" วันนี้ลูกไปหาใครมา ทำไมถึงร้องให้กลับมาแบบนั้นล่ะ มันเกิดอะไรขึ้น "
" ลูกบอกว่าจะไปหาคุณกวินค่ะ สงสัยจะทะเลาะกัน งอนกันตามประสาหนุ่มสาวล่ะมั้ง "
รานีเอ่ยอย่างไม่คิดอะไรมาก ได้ยินดังนั้นธำรงก็เอ่ยกับภรรยาด้วยความเป็นห่วงลูกสาว
" อ๋อ คุณ คุณกวินนั่น จริงใจกับลูกเราหรือเปล่า ผมรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกลูก
กลัวว่าลูกจะเป็นแค่ของเล่นให้พวกไฮโซน่ะ ถึงตอนนั้น คนที่จะเจ็บหนักที่สุด ก็คือลูกเรานะ
คุณสนิทกับลูกมากกว่าผม ควรจะเตือนลูก ให้ลูกหัดพึ่งพาตัวเองได้แล้ว "
รามีมองค้อนใส่สามีแล้วเอ่ยขึ้น
" เอ๊ะ...คุณนี่ยังไงน่ะ ของล่นของเล่นอะไรกัน คนเขาเป็นแฟนกัน มันก็ต้องพึ่งพากันสิ
อีกอย่าง ลูกสาวเราสวยและดังขนาดนั้น ใครจะไม่อยากครอบครองบ้าง
หากคุณกวินคิดจะทิ้งลูกสาวเรา ก็ให้ทิ้งไปสิ ยังมีไฮโซคนดังอีกตั้งมากมาย ที่อยากจะจีบลูกสาวเราค่ะ "
รานีเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจในตัวลูกสาวสุดที่รัก ธำรงเห็นดังนั้นก็ได้แต่เงียบไป
ในใจแอบคิดถึงนับหนึ่งที่รักเกียรติรักศักดิ์ศรีของตัวเอง
จนหนีออกไปจากบ้าน เพื่อไปตาบเอาดาบหน้า ดีกว่าอยู่บ้านแล้วต้องขายตัว
ความรู้สึกผิดต่อลูกคนเล็กที่มีในใจ ไม่สามารถลบล้างได้และไม่สามารถพูดออกมาให้ภรรยากับลูกฟังได้เช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก