หนานซ่งเห็นว่าซุนเย่ว์และจ้าวจิ้งยืนอยู่หน้าประตูอยู่นานและไม่เดินไปไหนเลย เธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นจากนั้นเธอก็เห็นยวี่จิ้นเหวินที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ไหน
เธอขมวดคิ้ว เธอจะพบเขาทุกที่ได้อย่างไรกัน?
เป็นเหมือนวิญญาณตามติดเสียจริง
เธอวางโน๊ตบุ๊คไว้ข้างกาย หนานซ่งลุกขึ้นและเดินไปที่ประตูจากนั้นเธอก็เริ่มปล่อยระเบิด "ยังไม่ไปอีก รอให้ฉันเลี้ยงข้าวพวกนายหรือไง?"
น้ำเสียงที่เยือกเย็น แสดงความไม่พอใจของเธอ
"กำลังจะไปแล้วครับ ลาก่อน ประธานหนาน"
ซุนเย่ว์ยิ้มและหัวเราะจากนั้นเขาก็ผลักจ้าวจิ้งออกไป ผ้าเช็ดตัวยังคงหล่นอยู่บริเวณหน้าประตู ยวี่จิ้นเหวินมองเห็น แววตาของเขาดูเหมือนจะลุกเป็นไฟ
เขาแอบกัดฟัน เส้นเลือดบริเวณหน้าผากนูนขึ้นอย่างชัดเจนและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "เธอหัดใช้เส้นสายตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?"
หัดใช้เส้นสาย?
หนานซ่งดูตกตะลึงเล็กน้อยและเข้าใจในทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องง่ายมากที่จะเข้าใจผิดได้ แต่เข้าใจผิดก็เข้าใจผิดไปเถอะ เธอไม่จำเป็นจะต้องอธิบายอะไรให้เขาฟัง
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย?"
เธอเพิกเฉยต่อเขาและหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ เธอสั่งให้บอดี้การ์ดที่อยู่ตรงหน้าประตูแจ้งให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดอีกครั้งและเธอก็ปิดประตูลง
"เดี๋ยวก่อน!"
ยวี่จิ้นเหวินยกมือขึ้นและขวางประตูไว้ จากนั้นเหลือบมองเสื้อผ้าที่ยังคงเรียบร้อยของหนานซ่งรวมทั้งเครื่องสำอางบนใบหน้าที่ยังไม่ได้เช็ดทำความสะอาด เขาจึงรู้ว่าเขาเข้าใจเธอผิดเสียแล้ว
"เมื่อกี้เป็นเรื่องร้อนใจ ความโกรธฉันพลุ่งพล่าน เธอไม่ใช่คนแบบนั้น" แววตาของยวี่จิ้นเหวินอ่อนโยนลงและเม้มริมฝีปากแน่น "คนประเภทนั้นคงไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอ"
เขากำลังอธิบายเรื่องที่เข้าใจเธอผิดไป แต่หนานซ่งไม่ได้ใส่ใจมัน
"ประธานยวี่รู้จักฉันดีขนาดนั้นเชียว?"
มุมริมฝีปากของเธอเผยรอยยิ้มเย้ยหยันและเยือกเย็นมากยิ่งขึ้น "มีอะไรก็พูดมา ถ้าไม่มีก็ไปซะ ฉันจะพักผ่อน"
"มีธุระจะคุย!"
ยวี่จิ้นเหวินขวางประตูไว้อีกครั้งในขณะที่เธอกำลังจะปิด การแสดงออกที่สงบนิ่งเผยให้เห็นถึงความร้อนรน "ฉันอยากถามเธอ เกี่ยวกับเรื่องของหมอเกรซ"
หนานซ่งตอบรับ อ่อ และเอ่ยว่า "ถามว่า"
"........."
ยวี่จิ้นเหวิน "ฉันเข้าไปได้ไหม?"
หนานซ่ง "ไม่ได้"
"......."
แววตาของยวี่จิ้นเหวินจมลง เขาจึงทำได้เพียงแค่ยืนอยู่หน้าประตูและเอ่ยว่า "เธอรู้จักกับหมอเกรซ?"
หนานซ่งยังคงแสดงท่าทีนิ่งเฉย "อืม"
"สนิทมาก?"
"อืม"
"สนิทขนาดไหน?"
"........"
หนานซ่งขมวดคิ้ว "นายป่วยหรือไง?"
"ความจริง"
ยวี่จิ้นเหวินเอ่ยตอบเธอ "ฉันอยากจะขอให้เธอช่วยดูสภาพการฟื้นตัวของขาฉันและอยากจะตอบแทนการช่วยชีวิตฉันเมื่อสามปีก่อน"
"ไม่ต้องหรอก"
หนานซ่งหมดความอดทนและมองไปที่ขาของเขาอย่างเฉยเมย "จากเมืองหนานมาถึงที่นี่ได้ ขาของนายก็คงเป็นปกติดีแล้วล่ะ ไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไรหรอก ออกจากโรงแรมไปมีคลินิกอยู่ซ้ายมือ ไปเถอะ ไม่ส่งนะ"
ยวี่จิ้นเหวินยังคงยืนหยัด "เธอไม่ใช่เกรซ คำพูดเธอ ฉันไม่นับ"
เมื่อเห็นสีหน้าขุ่นเคืองของหนานซ่ง ยวี่จิ้นเหวินก็ถามต่อในทันที "สามปีก่อน หมอเกรซลงเครื่องที่เมืองเป่ยเพื่อทำการผ่าตัดให้ฉัน ใช่เธอเป็นคนเชิญมาหรือเปล่า?"
ดวงตาสีเข้มและล้ำลึกจ้องมองหนานซ่งอย่างไม่ละสายตา แม้ว่าสีหน้าของเธอจะไม่เผยให้เห็นถึงอารมณ์ใด แต่ดวงตาของเขาสดใสและทรงพลังด้วยความคาดหวัง
คนในกองถ่ายต่างก็คุ้นชินกับการปรับและเปลี่ยนแปลงตัวเองตามสถานการณ์ ก่อนหน้านี้ไม่มีใครให้ความสนใจกับนักแสดงตัวเล็กๆ แต่เมื่อเห็นว่าตอนนี้จ้าวจิ้งเป็นถึงพระรอง ทั้งยังเป็น'บุคคลที่ประสบความสำเร็จ'จากการที่โปรดิวเซอร์และผู้อำนวยการร่วมกันเลือก เหมือนกับว่าเขาอยู่ห่างไกลความดังอีกเพียงก้าวเดียวและพวกเขาไม่กล้าละเลยอีกต่อไป จึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า "พี่จิ้ง เมื่อคืนพี่นอนไม่ค่อยหลับเหรอ?"
จ้าวจิ้งหลับตาและเอ่ยตอบ 'อืม'
ตอนนี้ความคิดในสมองของเขานั้นฟุ้งซ่าน เขายังคงอยู่ในห้วงแห่งความหวาดกลัวของเมื่อคืนนี้และไม่รู้ว่าสองฉากที่ต้องถ่ายทำวันนี้จะแสดงอย่างไร ช่างแต่งหน้าแต่งลุคหันชังให้กับเขา แต่เมื่อเขาส่องกระจก จะมองอย่างไรเขาก็รู้สึกอึดอัดใจและไม่มีความมั่นใจ
ไม่ใช่เพียงแค่เขา แต่กองถ่ายละครเองก็รู้สึกอึดอัดใจเช่นกัน
พูดตามตรง วิสัยทัศน์ของผู้กำกับในการคัดเลือกนักแสดงนั้นแม่นยำมาก หันชังเป็นคนที่มีลักษณะเย็นชาและใจอ่อน เขามีเป้าหมายที่ชัดเจนในสิ่งที่เขาต้องการจะทำ นัยน์ตาชัดเจนและแน่วแน่ ใบหน้าของซือตั๋วนั้นสุขุมและงดงาม หุ่นเพรียวบางและสูงโปร่งซึ่งเหมาะมากสำหรับการแต่งกายชุดโบราณ
แต่จ้าวจิ้งนั้นดูเข้มกว่า ใบหน้าอ่อนหวานไม่พอและสายตาของเขานั้นไม่แน่วแน่
หากว่ารูปลักษณ์แตกต่างกว่านี้อีกหน่อย ในแง่ของอารมณ์ ความแตกต่างห่างไกลกันอย่างลิบลับ
จ้าวจิ้งลองแสดงฉากแรก เมื่อแสดงจบ ผู้ชมต่างก็เงียบ บรรยากาศที่น่าอึดอัดและเงียบสงัดเป็นสิ่งที่เกินจะทนสำหรับนักแสดง
สติแตกกระเจิง
ความมั่นใจและศรัทธาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักแสดง เมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับบทนี้ก็จะไม่สามารถแสดงได้ ดังนั้นไม่ว่าจะแสดงออกมาอย่างไร มันก็จะพัง ในเมื่อตัวเองยังไม่เชื่อมั่นแล้วจะทำให้ผู้ชมเชื่อมั่นได้อย่างไร?
หนานซ่งไปยังกองละครเพื่อดูการแสดงของจ้าวจิ้ง เป็นไปตามที่คาดไว้ เธอรู้ว่าเขาไม่สามารถทำได้
ควรชั่งน้ำหนักตัวเองก่อนทำสิ่งต่างๆ อย่าทำสิ่งที่เกินความสามารถของตัวเอง
นี่คือสิ่งที่เธอพยายามจะสอนเขา——มันไม่มีอะไรที่เป็นของเขามาตั้งแต่แรก หากเขาต้องการเขาก็ต้องใช้ความพยายามของเขาเอง
ไม่อย่างนั้น มันไม่ใช่บทบาทของคุณ คุณคว้ามันมาได้อย่างไร คุณต้องก็คืนมันกลับไปอย่างนั้น
"ประธานหนาน"
กู้เหิงรับสายโทรศัพท์และรีบไปรายงานกับหนานซ่ง "ซือตั๋วได้ยินว่าบทบาทของเขาถูกสับเปลี่ยน เขาอาละวาดจะออกจากโรงพยาบาล"
หนานซ่งขมวดคิ้ว “ไป ไปโรงพยาบาลกันเถอะ”
ตลอดทั้งวัน ภายในจิตใจของเธอไม่มีความสงบเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ต่อๆค่ะรอนานแล้ว...
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...