“นายทำเอง?”
ฟู่ยวี่มองไปดูเด็กน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม อย่างไม่อยากจะเชื่อ
จำได้ว่าครั้งก่อนที่เขาได้กินผัดหมี่เต้าหู้ที่เขาทำ ได้คิดว่าฝีมือยังขาดอีกเยอะ แต่มาวันนี้แทบจะคิดว่าเป็นพ่อครัวติงที่เป็นคนทำ
นี่ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว พวกวัยรุ่นพัฒนาเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?
ริมฝีปากของฟู่ยวี่ค่อยๆ ยืดตรง และก็เริ่มแยกข้อบกพร่อง "หัวสิงโตตัวนี้...... นายปั้นมันกลมเกินไป และพื้นผิวต้องไม่เรียบถึงจะดูดี เข้าใจไหม? และปลาโครกเกอร์เหลืองผัดน้ำส้มสายชูนี้ ถึงแม้ว่าโฟกัสที่กรอบนอกนุ่มใน แต่นายได้ทอดมันไหม้จนเกินไปเหมือนกัน......”
เขาเสนอความคิดเห็นชี้นำมากมายอย่างเสียงดัง แต่ทั้งหมดนี้เหมือนกับการเลือกกระดูกในไข่ และในที่สุดก็เหลือบไปสบสายตาที่เย็นชาของหนานซ่ง เขาถึงได้หุบปากแต่โดยดี
หนานซ่งมองฟู่ยวี่ด้วยสายตาที่เย็นชา “นายรู้ไหม ว่าร้านของเรายึดถือหลักการใดมาปฏิบัติต่อลูกค้าแบบนายมาโดยตลอด?”
ฟู่ยวี่ “?”
หนานซ่ง “จะกินก็กิน ไม่กินก็ไสหัวไป”
ฟู้ยวี่ “......”
มีปฏิบัติแบบนี้กับลูกค้าด้วยเหรอ?
แน่นอนว่าฟู่ยวี่ไม่อยากไสหัวไป ดังนั้นสามารถทำได้เพียงกินไปอย่างเงียบๆ ซือเจ๋อจะนำเอาอาหารที่ทำเสร็จใหม่สองอย่างออกมา
หนานซ่งพูดเบาว่า “อาหารพวกนี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องทำแล้ว วันนี้กลับเร็วหน่อย เหนื่อยมาทั้งวัน พักผ่อนให้สบายเถอะ”
ซือเจ๋ออยากจะบอกว่าเขาไม่เหนื่อย แต่เมื่อเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของหนานซ่ง เขารู้สึกว่าไม่ดื้อรั้นจะดีกว่า จากนั้นตอบไปอย่างเชื่อฟังว่า “ครับ”
เมื่อจะถอยกลับ ซือเจ๋อยังบอกลายวี่จิ้นเหวินกับฟู่ยวี่อย่างมีมารยาท “เชิญนายท่านทั้งสองทานให้อร่อยครับ”
“......”
ฟู่ยวี่ถูกคนเรียกคุณชายน้อยฟู่มายี่สิบกว่าปี แต่ไม่เคยถูกคนเรียกว่า “นายท่านฟู่” เลยแม้แต่ครั้งเดียว เรียกจนเขารู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นมากอย่างอธิบายไม่ถูก มีทั้งโกรธและยังมีความเศร้าอยู่เล็กน้อย
เมื่อซือเจ๋อออกไป ฟู่ยวี่รู้สึกเพียงว่าไฟที่ถูกกลั้นไว้ทั้งคืนยังไม่มีที่ระบายออกมา และพูดอย่างโมโหว่า “เจ้าเด็กคนนี้ต้องจงใจแน่นอน? ใครเป็นลุงของเขา เอาเปรียบใครกัน!”
“แกจะพอหรือยัง?” หนานซ่งก็โมโหขึ้นมาแล้ว ขมวดคิ้วอย่างเย็นชา ราวกับว่าอาหารมื้อนี้จะสิ้นสุดลงไปในวินาทีหน้านี้ให้ได้
ยวี่จิ้นเหวินหมุนโต๊ะกระจกกลมๆ แล้วหมุนอาหารจานเนื้อให้อยู่ตรงหน้าหนานซ่ง “นี้มันอยู่ในช่วงวัยทอง ไม่ต้องไปสนใจมัน คุณกินเยอะๆ ดูสิตัวเองผอมแค่ไหนแล้ว”
“……”
หนานซ่งขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไร วันนี้ทั้งสองคนคือมีเจตนาที่จะอยากให้เธอกินอาหารมื้อนี้ไม่ลง
ฟู่ยวี่ใช้สายตาเจ้าชู้คู่นี้ยั่วเย้า เหล่ตามาที่ยวี่จิ้นเหวินเป็นเวลานาน ไอ้ง่าวนี้ตอนนี้รู้จักกล่าวว่าคู่แข่งไม่ดีแล้ว และยังคอยเอาอกเอาใจทุกอย่าง คืนนี้ถูกเขาวางหมากเดินนำไปก่อน กลยุทธ์ผิดพลาดไปหน่อย
——
วันถัดมา เป็นงานแต่งงานของหนานหยา
ฟ้าเพิ่งจะสาง แต่หนานซ่งได้ถูกเสียงโทรศัพท์รบกวนจนตื่น
หนานหยาได้เริ่มวางระเบิดใส่หนานซ่งและหนานหยาโดยผ่านการคุยโทรศัพท์แต่เช้าตรู่ เพราะกลัวว่าพวกเธอจะไม่ไปงานแต่งงานของเธอ และแน่นอนว่าหนานซ่งไม่มีแผนที่จะไปร่วมงานอยู่แล้ว
“ให้เหตุผลที่ฉันต้องไปมาหนึ่งข้อ”
หนานซ่งง่วงนอน และยังไม่ลืมตา พร้อมน้ำเสียงที่หมดความอดทนและเย็นชา “อย่าอ้างถึงเรื่องความเป็นพี่น้องอะไรกับฉัน คำพูดบ้าๆ ที่ว่ามาเป็นสักขีพยานกับความสุขของแก ความสุขของแก ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันไม่แคร์”
น้ำเสียงของหนานหนิงไป่เปลี่ยนเป็นเฉียบแหลมขึ้นทันที “นี้เวลาไหนแล้ว พวกเรายุ่งจนตัวจะเป็นเกลียวแล้ว พวกเธอยังไม่รีบมาช่วยรับแขกอีก ยังกินข้าวอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจ? ยังมีจิตสำนึกของวงศ์ตระกูลอยู่ไหม? รีบโผล่หัวมาให้เร็ว ก่อนที่ฉันจะโกรธ!”
“อาก็โกรธสิ ก็ไม่มีใครห้ามไว้นี่”
หนานซ่งกินขนมปังรสนมนุ่มๆ แล้วพูดเบาๆ ว่า “อาสองอาการบาดเจ็บของอาที่เอวยังไม่หายดี เพื่อหลีกเลี่ยงอาการอัมพาต อย่าพยายามเดินบนพื้น ให้นั่งอยู่บนรถเข็นดีกว่า”
“……”
หนานหนิงไป่ไม่ใช่นั่งอยู่บนรถเข็นหรอกหรือ!
เอ็นข้อต่อกระดูกได้รับบาดเจ็บนานถึงร้อยวันถึงจะรักษาให้หายได้ เขาอายุมากขนาดนี้ ถูกตีหนึ่งทีเอวก็หักแล้ว และได้นอนอยู่บนเตียงนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ เดิมทีก็เตรียมที่จะไม่ไปงานแต่งงานด้วยซ้ำ แต่หนานหยาให้ตายก็ไม่ยอม จึงให้คนดูแลยกเขาขึ้นรถเข็น
และยังขู่เขาว่า “พ่อลองคิดดูให้ดี นี่เป็นงานแต่งงานครั้งเดียวในชีวิตของลูกสาว ถ้าพลาดไปจะไม่มีวันได้เห็นอีกเลย และวันสำคัญของหนูแบบนี้พ่อก็จะไม่ไปร่วมงาน งั้นรอพ่อแก่แล้วหนูก็จะไม่ดูแลพ่อ รวมทั้งตอนนี้พ่อพึ่งพาได้เพียงแค่หนูกับพี่หยวนเท่านั้น”
......ดังนั้นเขาจึงอดกลั้นกับอาการบาดเจ็บที่เอวเอาไว้ สุดท้ายก็ต้องไป
เดิมทียังคาดหวังให้หนานซ่งกับหนานหลินพวกเธอสองพี่น้องมาช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกเธอเลย คนของบ้านฝ่ายหญิงก็มาแค่ไม่กี่คนเท่านั้น นี่ไม่ใช่เป็นการให้คนหัวเราะเยาะหรือ?
หนานซ่งยิ้มอย่างเย็นชา “ตระกูลหนานของเราถูกคนหัวเราะเยาะนี่ยังน้อยเหรอ? พี่น้องแตกคอฆ่าฟันกันเอง เรื่องใหญ่ที่น่าขายหน้าก็ผ่านไปหมดแล้ว”
หนานหนิงไป่ทื่ออยู่ครู่หนึ่ง “แกกำลังพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ…... รีบมาที่นี่ เร็วเข้า!”
จากนั้นก็“พ่ะ” วางสายโทรศัพท์ไป
เว้นระยะไม่ห่างกันนัก หนานหลินได้ยินคำพูดของหนานหนิงไป่อย่างชัดเจน และไม่นานเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากหนานหนิงจู๋พ่อของเธอ ซึ่งได้ตะโกนด่าออกมาเหมือนกัน และเร่งให้พวกเธอรีบไป เหมือนกับทวงหนี้อย่างไรอย่างนั้น
หนานซ่งเช็ดมือ ลุกขึ้น แล้วก็ค่อยๆ ยกมุมปากขึ้น
“ไปกันเถอะ กินอย่างอิ่มหมีพีมันแล้ว เราไปดูละครกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ต่อๆค่ะรอนานแล้ว...
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...