สอนรักอดีตภรรยา นิยาย บท 210

หนานซ่งเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย เธอเห็นยวี่จิ้นเหวินนั่งอยู่บนเก้าอี้ม้านั่ง ในมือของเขาถือบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดสูบ

เขานั่งอยู่เช่นนั้น สีหน้าและอารมณ์แข็งทื่อราวกับว่าเป็นก้อนหินอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อครู่นี้ประตูห้องปิดไม่สนิท เมื่อคิดดูแล้ว บทสนทนาระหว่างเธอและหลินลู่อาจมีคนอื่นได้ยินด้วยและคำพูดสี่คำนั้นของเธอ ยวี่จิ้นเหวินเองก็คงได้ยินอย่างชัดเจน

ทั้งสองสบสายตากัน วินาทีนั้น หนานซ่งละสายตาออกไปก่อนและเดินตรงออกไป

มือของยวี่จิ้นเหวินที่กำลังถือบุหรี่อยู่สั่นเทา เขารู้สึกเพียงแค่ลำคอของเขานั้นแหบแห้ง

หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ

เขาหลับตาลงและก่นด่าตัวเอง

……

หนานซ่งเดินไปยังห้องพักผู้ป่วยเสิ่นเหยียน ไกลออกไป เธอได้ยินฟู่ยวี่ที่อยู่ภายในห้องกำลังดุด่าเสิ่นเหยียน

"แกพูดมา ที่ทำลงไปเรียกว่าอะไร? แกสมองกลับหรือว่าโดนเตะสมองมา? หรือว่าสระน้ำเหม็นๆด้านล่างของโรงพยาบาลไหลเข้าไปในสมองของแก?

บาดแผลบนร่างกายของแกยังหนักไม่พอใช่ไหม ยังจะทำร้ายตัวเองอีก! ถ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วก็บอกพี่บอกน้องสักคำ ฉันจะเอามีดปาดคอแกเอง รับรองว่าฉันจะทำให้แกตายไปอย่างมีความสุขในทันที!"

ริมฝีปากของหนานซ่งยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ฟู่ยวี่ไม่ได้พูดคำพูดที่เหมือนคนปกติมากนัก คำพูดที่ได้พูดกับเธอในวันนี้ค่อนข้างใส่อารมณ์

หลังจากดุด่าอยู่นาน ฟู่ยวี่ก็เริ่มคอแห้งปากแห้งและเสียงของเขาก็ค่อยๆเบาลง

"ฉันจะบอกให้นะไอ้เสิ่น แกอย่ามีชีวิตอยู่อย่างไม่เห็นค่าของความสุข หลินลู่เป็นเด็กสาวที่ดีมาก แกยังไม่คิดจะรักหวงแหนอีก"

ฟู่ยวี่ยืนเท้าสะเอว สีหน้าของเขาหมดคำจะพูด "ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมผู้หญิงดีๆถึงได้ชอบนักกับไอ้พวกผู้ชายที่เย็นชาใจจืดใจดำ พวกแกมันมีดีอะไรถึงได้ชอบกันนักกันหนา?"

ยิ่งเขาพูดเขาก็ยิ่งโมโห "คุณชายน้อยอย่างฉันเป็นผู้ชายที่แสนดีมากขนาดนี้ หล่อเหลาราวสวรรค์สร้างเหมือนดั่งเพชรพลอย เอ๊ะ? หล่อเหลาจนท้องฟ้าและแผ่นดินสะเทือน แล้วทำไมพวกเธอถึงได้หลงใหลได้ปลื้มพวกแกแล้วมองข้ามคนอย่างฉัน? มีตาหามีแววไม่จริงๆ"

เส้นเลือดบริเวณหน้าผากของหนานซ่งกระตุก เมื่อเขาเริ่มชมเชยและยกยอตัวเอง ท่าทีที่เป็นตัวเองก็เขาก็ชัดเจนเช่นเคย

"แฮ่ม" เธอกระแอมเบาๆแล้วก้าวเท้าเข้าประตูไป

ฟู่ยวี่หันกลับไปมองและเห็นว่าเป็นหนานซ่ง เขาตื่นตระหนกรีบหยิบเก้าอี้กั้นขวางไว้ด้านหน้าของเขาและเอ่ย "ฉันไม่ได้ว่าเธอ เธอห้ามตีฉัน!"

เสิ่นเหยียน "........."

ไม่กล้าท้าทายมากกว่านี้หน่อยล่ะ??

"หมอเกรซ เสี่ยวลู่เป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บสาหัสหรือเปล่า?" ตั้งแต่ช่วงเอวลงไปเสิ่นเหยียนยังคงไม่รู้สึกอะไร เขาเพียงแต่พยายามยกตัวเองขึ้นมาอย่างยากลำบากและเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

หนานซ่งขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับฟู่ยวี่ เธอจ้องมองเสิ่นเหยียนด้วยแววตาเย็นชา "ตอนนี้รู้ซึ้งแล้วเหรอว่าก่อนหน้านี้ได้ทำอะไรลงไป?"

เสิ่นเหยียนก้มศีรษะลงด้วยความรู้สึกผิดและความเสียใจ

"เป็นผมเองที่ไม่ดี ควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ได้ อาการบาดเจ็บของเธอ....สาหัสมากหรือเปล่า?"

"ก็สาหัสพอสมควร"

หนานซ่งไม่มีการปลอบโยนเขา "บนร่างกายมีบาดแผลประมาณ20แผล หลอดเลือดแดงที่น่องเกือบฉีกขาด อาการบาดเจ็บที่หลังนั้นรุนแรงกว่า หากว่าช้าไปกว่านี้อีกนิดก็คงลงไปเจอกับท่านยมบาลแล้ว"

หลังจากที่เธอพูดจบ สีหน้าของเสิ่นเหยียนก็เปลี่ยนไปในทันที เมื่อร่างกายของเขาเอนไปด้านหน้าและกำลังจะล้มลง สายตาของฟู่ยวี่ก็เหลือบไปเห็นอย่างรวดเร็วและประคองเขาไว้ "ฉันว่านะพี่ใหญ่ แผลบนร่างกายพี่ยังไม่ค่อยสู้ดีนัก ช่วยหยุดเคลื่อนตัวหน่อยจะได้ไหม?"

"ฉัน...." เสิ่นเหยียนคว้าแขนฟู่ยวี่ไว้ "ฉันอยากไปหาเธอ"

ฟู่ยวี่จ้องมองแววตาร้องขอของเสิ่นเหยียน วินาทีนั้นเขาแทบจะทนไม่ไหว เขามองไปทางหนานซ่งแต่เขากลับต้องเผชิญกับใบหน้าที่เย็นชาจนไร้ซึ่งความเมตตากรุณา

น้ำเสียงของหนานซ่งนั้นเย็นชาและไร้อารมณ์

"ไม่ใช่ว่านายไม่ชอบหลินลู่หรอกเหรอ แล้วนายก็ต้องการจะเลิกกับเธอด้วย? ตอนนี้นายจะมาทำท่าทีเป็นห่วงเป็นใยให้ใครดูเหรอ? ให้พวกฉันดูเหรอว่านายน่ะมีจิตใจที่ลึกซึ้งมากแค่ไหนหรือว่าเพื่อให้พวกฉันรับรองในตัวนายว่านายไม่ใช่คนจิตใจต่ำตม?"

น้ำเสียงของเธอนั้นโหดเหี้ยม เมื่อฟู่ยวี่ได้ยินเหงื่อเย็นไหลซึมในทันที เขาขยิบตาให้หนานซ่งอยู่พักหนึ่งและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "เขายังป่วยอยู่ เธอก็อย่าพูดแรงไปเลย"

*

หนานซ่งอยู่ที่เมืองไป๋เป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ เฉิงเซี่ยนลาพักร้อนครึ่งวันเพื่อที่จะมาเดินเล่นที่เมืองไป๋เป็นเพื่อนเธอและจี้อวิ๋น

ภายในใจของเธอยังคงนึกถึงคุณปู่ หนานซ่งเองก็ไม่ได้อยากอยู่เมืองไป๋นานนัก เธออยากกลับเมืองหนานให้เร็วที่สุด

"ทักทายคุณปู่แทนพี่หน่อย เมื่อพี่ว่างแล้วพี่จะรีบไปเยี่ยมพวกเขาที่เมืองหนาน"

จี้อวิ๋นยื่นบุหรี่ ไวน์และชาที่เขาซื้อให้หนานซานไฉให้แก่กู้เหิง เขาสัมผัสศีรษะของหนานซ่งและเอ่ยว่า "ดูแลตัวเองดีๆด้วย เข้าใจไหม?"

"รู้แล้ว พี่กับพี่เฉิงก็ต้องดูแลตัวเองดีๆด้วย ฉันจะรอดื่มไวน์งานแต่งของพวกพี่" หนานซ่งหัวเราะเบาๆ

เฉิงเซี่ยนและจี้อวิ๋นต่างก็วางแผนที่จะจดทะเบียนสมรสในลาสเวกัสในช่วงครึ่งปีให้หลัง พวกเขากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาเวลาไปฮันนีมูนกับหวานใจ

"เก็บไวน์ให้พี่สักขวด" เฉิงเซี่ยนเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ "อย่างไรแหวนแต่งงานก็ต้องพึ่งเธอให้เธอมาแกะสลักให้แล้วล่ะ"

หนานซ่งยิ้มอย่างอ่อนโยน "ไม่มีปัญหาเลย"

ทันทีที่ขึ้นเครื่องบิน หนานซ่งกำลังจะสวมผ้าปิดตานอน กู้เหิงก็เอนไปข้างหน้าและแจ้งข่าวกับเธอว่าหนานหยากำลังตั้งท้อง

เมื่อเธอได้ฟังข่าวนี้ หนานซ่งก็ผงะไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า "ฉินเจียงหยวน?"

กู้เหิง "...น่าจะ ใช่"

หนานซ่งขมวดคิ้ว

กู้เหิงรีบเอ่ยอีกว่า "หนานหยายืนยันว่าเป็นฉินเจียงหยวน เธอยังไปสร้างความวุ่นวายที่บ้านฉินอีกด้วย ให้ตายอย่างไรก็จะไม่หย่า ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิงตระกูลฉินให้ร้ายกาจ พวกเขาขังหนานหยาไว้และบอกว่าต้องรอแปดสัปดาห์เพื่อที่จะตรวจดีเอ็นเอ"

"....."

หนานซ่งยิ้มเยาะเย้ย "ไม่คาดคิดเลยว่าศตวรรษที่ 21 จะยังเกิดเรื่องที่เว่อร์เกินจริงเช่นนี้อีก อย่างไรก็ตามไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกับฉัน อย่าให้ลามถึงตระกูลฉัน"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา