สอนรักอดีตภรรยา นิยาย บท 347

เหยียนยวนมองไปทางไป๋ลู่ยวี๋ ราวกับว่าเขาจะพูดมากเกินไปแล้ว

ไป๋ลู่ยวี๋ชะงักไปชั่วขณะ เขาไม่ได้มองแววตาของเหยียนยวน เขาเพียงแค่มองแววตาที่กระชับแน่นของยวี่จิ้นเหวิน "โอ้ แกไม่รู้เรื่องนี้เหรอ"

เขาก้าวเท้าไปด้านหน้าและเดินไปกดลิฟต์

ยวี่จิ้นเหวินรีบเดินเข้ามาขวาง "เสี่ยวซ่งกลับมาวันนี้จริงๆเหรอ?"

"ใช่ไง ฉันดูไม่เหมือนคนที่กำลังเตรียมตัวไปรับเธอเหรอ"

ไป๋ลู่ยวี๋ยกข้อมือขึ้นและมองดูนาฬิกาของเขา "ไอยา ฉันต้องรีบแล้ว อีกสี่สิบนาทีเธอก็มาถึงแล้ว เด็กน้อยคนนี้ต้องการที่จะได้เห็นเฉียวเหลิ่งถูกนำตัวขึ้นเครื่องบินด้วยตัวเอง"

ประตูลิฟต์เปิดออก เหยียนยวนและยวี่จิ้นเหวินเดินเข้าลิฟต์พร้อมกัน พวกเขาเกือบกระแทกไหล่กัน

ทั้งสองต่างจ้องมองกันและกัน ต่างก็เอ่ยคำว่าขอโทษด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ไป๋ลู่ยวี๋เงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคน เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ

เมื่อออกจากลิฟต์ เหยียนยวนก็เดินขึ้นรถของไป๋ลู่ยวี๋

ยวี่จิ้นเหวินก็เดินขึ้นรถของตนเอง

เหอจ้าวพาบอดี้การ์ดมาจำนวนไม่น้อย เพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่คาดคิด

ขบวนรถวิ่งไปในทิศทางของสนามบิน

*

หนานซ่งยังคงอยู่บนเครื่องบิน

เหมือนอย่างเคย เธอต้องหลับไปในความมืดเมื่อขึ้นเครื่องบิน แต่วันนี้เธอนอนไม่หลับ เธอไม่กล้านอน

ดวงตาของเธอเบิกกว้างและสดใส

เครื่องบินส่วนตัวของนายท่านเชลบี้นั้นหรูหรามาก ใหญ่กว่าและสบายกว่าของหนานซ่ง มีโซฟาเบาะหนัง ทีวี และเคาน์เตอร์บาร์ ราวกับว่ากำลังอยู่ที่บ้าน

"เธอเป็นอะไรไป?"

เฮ่อเซินหยิบแก้วไวน์สามแก้วจากบาร์ นำแชมเปญหนึ่งขวดมา จากนั้นเขามองไปทางหนานซ่ง "เธออยู่บนเครื่องบิน ไม่ใช่ว่าชอบนอนฆ่าเวลาหรอกหรือ? ทำไมวันนี้ดูมีพลังเหลือล้น?"

"นอนไม่หลับน่ะ"

หนานซ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึม "ฉันเป็นประเภทที่ห่างจากบ้านนานแล้วเมื่อใกล้จะถึงบ้านแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ"

ลั่วจวินหังส่งเสียงหึอย่างแผ่วเบา จากนั้นเขารับแชมเปญจากมือของเฮ่อเซิน เขาดมกลิ่นแชมเปญและเอ่ยว่า "เธอพูดว่า 'กลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอย' ไม่ดีกว่าหรือ"

เฮ่อเซินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ "ฉันก็ว่างั้น"

หนานซ่งจิบแชมเปญและเม้มริมฝีปากด้วยความโกรธ

ลั่วจวินหังและเฮ่อเซินอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดในลักษณะเดียวกัน "หายากนักที่คนอย่างเธอจะกลัวอะไร"

"........"

เมื่อเผชิญกับ "การยั่วยุ" ของเหล่าพี่ๆ หนานซ่งสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดและเพิกเฉยต่อพวกเขา

ต่อให้เป็นพระเจ้าบางครั้งก็ยังรู้สึกกลัวได้เลย แล้วเธอน่ะเป็นเพียงแค่หญิงสาวธรรมดาที่งดงามคนหนึ่งเพียงเท่านั้น

แต่เมื่อลองคิดไตร่ตรองอย่างละเอียดแล้ว เมื่อตอนหนานซ่งยังเป็นเด็ก ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายเธอเองก็ไม่กลัว เธอยังคงกระโดดโลดเต้นได้อย่างเป็นปกติ เธอรู้สึกว่าต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายก็ยังมีพ่อแม่พี่น้องคอยปกป้องเธอ

ยิ่งเธอโตขึ้น เธอก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากยิ่งขึ้น การกระทำต่างๆต้องคอยชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย คิดให้รอบคอบ ต้องมองถึงผลลัพธ์ในอนาคตและผลกระทบในปัจจุบันด้วย

บางทียิ่งคนโตขึ้น จิตใจก็จะยิ่งซับซ้อนมากขึ้น ไม่ง่ายดายเหมือนเช่นก่อน

เธอพิงหน้าต่างและมองดูก้อนเมฆสีขาวขนาดใหญ่ด้านนอก นอกจากนี้ยังมีบ้านหลังเล็กๆที่ขนาดเท่าห้องน้อยๆ หัวใจของเธอก็รู้สึกว่างเปล่า

ทำไมเมื่อใกล้จะถึงบ้านแล้วภายในใจกลับรู้สึกถึงความไม่สบายใจ?

ยวี่จิ้นเหวินและเหยียนยวนถึงสนามบินแล้ว

ทางด้านตำรวจยังมาไม่ถึง

อาจจะรถติดอยู่บนท้องถนน

ไป๋ลู่ยวี๋ยกข้อมือขึ้นและมองดูนาฬิกา "เรามาถึงก่อนเวลา น้องหกและพวกเขาคาดว่าอีกประมาณ15นาทีถึงจะแลนดิ้ง อีกไม่นาน"

เหยียนยวนพยักหน้าเบาๆ

ยวี่จิ้นเหวินชำเลืองมองเหอจ้าว เหอจ้าวเข้าใจในทันทีจากนั้นเขาก็ลดถอยกำลังคน

ภายในเลานจ์ เมื่อคิดได้ว่าอีกไม่นานก็จะได้เจอหนานซ่ง ยวี่จิ้นเหวินรู้สึกเพียงว่าหัวใจของเขากำลังโลดแล่น เขารู้สึกตื่นเต้นและดีใจ ฝ่ามือของเขามีเหงื่อเย็นไหลซึม

"ใช่แล้วพี่ใหญ่เหยียน" ไป๋ลู่ยวี๋คุยกับเหยียนยวน "ครั้งนี้ไม่ใช่ว่าพี่กลับมาไหว้บรรพบุรุษเหรอ ครอบครัวพี่ยังอยู่ที่เมืองจิงเหรอ?"

ยวี่จิ้นเหวินเงยหน้าขึ้นและมองไปทางเหยียนยวน เขาเองก็อยากรู้เช่นกัน

เหยียนยวนตอบรับ 'อืม' "ไม่ง่ายเลยที่จะได้กลับมาในแต่ละครั้ง พวกเขายังอยู่เมืองจิงต่ออีกสักระยะ ฉันกลับประเทศTไปก่อน เมื่อจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันจะกลับมาอีกครั้ง"

หัวใจของยวี่จิ้นเหวินกระชับแน่นขึ้น เขาจะกลับมาอีก?

"แบบนี้ก็ดี แต่แบบนี้ก็ดูรบกวนพี่มากไป"

ไป๋ลู่ยวี๋รู้สึกเกรงใจมาก "รอพี่กลับมารอบหน้า ฉันและพี่ใหญ่แล้วก็พวกน้องหกจะต้องเลี้ยงข้าวพี่อย่างแน่นอน เดี๋ยวจะให้น้องหกเข้าครัวด้วยตัวเองสักมื้อ เธอทำอาหารอร่อยมาก"

เหยียนหยวนยิ้ม "งั้นก็เป็นลาภปากของฉันแล้ว"

ยวี่จิ้นเหวินหรี่สายตามอง จะกินอะไรกันล่ะ!

เสี่ยวซ่งลงมือเข้าครัวด้วยตัวเอง เขาไม่มีทางได้กินอาหารเหล่านั้น

ขณะที่เขาพูด โทรศัพท์มือถือของยวี่จิ้นเหวินก็ดังขึ้น จากนั้นทางด้านโทรศัพท์มือถือของเหยียนหยวนเองก็ดังขึ้นเช่นกัน

เป็นสายโทรศัพท์จากจ้าวซวี่

"ไอ้ยวี่!!!"

ผู้คนที่วิ่งจากทุกทิศทุกทางพุ่งเข้ามาและเสียงแตรก็ดังขึ้นราวกับเป็นบทเพลงที่กระตุ้นจิตวิญญาณ

*

ในที่สุดหนานซ่งก็ลงจากเครื่องบินและลงจอดอย่างปลอดภัย

วันนี้เมืองหนานอากาศดีมาก ขณะที่หนานซ่งกำลังเดินลงจากบันได เธอยืดเส้นยืดสาย แต่กลับไม่รู้ว่าเธอยืดเหยียดมากเกินไปหรือไม่ เพียงแต่หัวใจของเธอนั้นกระชับแน่นขึ้น ภาพตรงหน้าเธอวูบไปและเธอเกือบจะเป็นลมล้มพับไป

ลั่วจวินหังประคองเธอไว้ได้ทันเวลา เขามองดูเธอด้วยความเป็นห่วง "เป็นอะไร?"

หนานซ่งประคองตนเองไว้กับมือของพี่ใหญ่ เธอส่ายศีรษะเบาๆ

"ไม่เป็นไร อาจเป็นเพราะภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ฉันเลยเวียนหัวนิดหน่อย"

เมื่อเฮ่อเซินได้ยินดังนั้นเขาก็รีบกลับไปขอช็อกโกแลตจากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินและนำไปให้หนานซ่งกิน

หนานซ่งกินช็อกโกแลตแต่กลับไม่รู้ว่าเพราะอะไรรสชาติถึงได้ทั้งฝืดทั้งขม ความรู้สึกใจสั่นนั้นก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น

"ทำไมสีหน้าของเธอดูแย่ขนาดนั้น?"

เฮ่อเซินจ้องมองสีหน้าที่ซีดเผือดของหนานซ่งและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว "กลับไปพักผ่อนก่อนไหม?"

"ไม่เป็นไร ไปเถอะ แดดอาจจะร้อนเกินไป ออกไปก่อนค่อยว่ากัน พวกเฉียวเหลิ่งน่าจะใกล้ถึงแล้ว"

หนานซ่งฝืนยิ้มและเดินออกมาพร้อมกับเหล่าพี่ๆของเธอ จากระยะไกลก็เห็นว่าไป๋ลู่ยวี๋กำลังรออยู่ตรงทางออก พวกเขาโบกไม้โบกมือให้กับเขา ไป๋ลู่ยวี๋เห็นพวกเขา แต่สีหน้าของเขานั้นไร้ซึ่งความปิติยินดี

"พี่เล็กเป็นอะไรไป? เห็นพี่ใหญ่แล้วทำหน้าตาตื่นตระหนก?"

หนานซ่งพยายามพูดประโยคติดตลก

เมื่อออกจากประตู ขณะที่กำลังจะพูดแกล้งพี่เล็ก ดวงตาของไป๋ลู่ยวี๋ก็เป็นสีแดงระเรื่อ เขาคว้าไหล่ของหนานซ่งไว้และรีบเอ่ยว่า "น้องหก สัญญากับฉัน ต้องตั้งสติเอาไว้ เธอยังมีพวกฉัน พวกฉันจะคอยอยู่กับเธอเสมอ"

"พี่เป็นอะไรไป? ผีเข้าเหรอ?"

หนานซ่งมึนงง เธอยกมือขึ้นแตะหน้าผากของไป๋ลู่ยวี๋ "ไม่ได้เป็นไข้ใช่ไหมเนี่ย?"

ลั่วจวินหังเห็นถึงความผิดปกติ แววตาของเขาสงบนิ่งและเอ่ยถาม "เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"

ไป๋ลู่ยวี๋ดวงตาแดงก่ำ เขาจ้องมองหนานซ่งและไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หนานซ่งหยิบขึ้นมา ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของเธอถึงกระตุกสองครั้งและไร้เรี่ยวแรงในการถือโทรศัพท์

เมื่อรับสาย เธอวางมันแนบหู และคนที่อยู่ปลายสายก็พูดประโยคหนึ่งออกมา ร่างกายของหนานซ่งแข็งทื่อ โทรศัพท์หลุดจากฝ่ามือและร่วงหล่นลงบนพื้น

"แกร่ก" ชิ้นส่วนต่างๆแยกออกจากกัน

ร่างกายของเธอสั่นเทา วินาทีนั้นเธอรีบวิ่งออกไปราวกับคนบ้า

"เสี่ยวซ่ง!!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา