"เพิ่งจะกลับมาจากวัดจยาเยี่ยแล้วก็ยังต้องกลับไปอีกรอบ ชีวิตดีจริง ๆ "
วันนี้ลั่วอินมากินข้าวที่งานแต่งงาน ดื่มไวน์เข้าไปไม่น้อย ตอนนี้เลยมีอาการกรึ่ม ๆ เธอพิงตัวไปกับเบาะแล้วบ่นออกมา
ไม่ได้สนใจสายตาสองคู่ที่มองมายังเธอ
อารมณ์ในการไปวัดจยาเยี่ยในครั้งนี้ ต่างกับเมื่อกี้ลิบลับ
อารมณ์ของหนานซ่งวันนี้เรียกได้ว่าลงสู่จุดต่ำสุดแล้วก็เหวี่ยงกลับขึ้นไปยังจุดสูงสุด ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่มีเวลาให้พักสงบ ๆ สักนาที
แถมเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้นยิ่งกว่า เรื่องหนึ่งยังไม่ทันสงบก็เกิดอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา เหมือนกับเธอดวงตกอย่างนั้นแหละ
เริ่มจากได้เจอกับพี่สะใภ้ แล้วก็จดหมายของเจี่ยงฟาน ความรู้สึกหลังจากอ่านจดหมายของเธอยังไม่ทันเข้าที่ แม่ก็มาบอกว่าอาจารย์มู่ยังไม่ตายอีก
ศพปลอมอย่างนั้นเหรอ?
อารมณ์ของยวี่จิ้นเหวินเองก็เช่นเดียวกัน
ตอนที่เขาเห็นลายมือบนจดหมาย เขาก็จำได้ทันทีว่าเป็นลายมือของอาจารย์มู่ ก็เลยตกใจขนาดนั้น
แต่เขาก็ไม่คิดเลย ว่าอาจารย์จะยังไม่ตาย!
นี่......มันจะเป็นไปได้ยังไง?
หนานซ่งจ้องไปที่แม่ ด้วยสีหน้าไม่พอใจ "คุณนายลั่ว ไม่คิดจะพูดอะไรให้หนูฟังหน่อยเหรอคะ? ตกลงแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?"
ยวี่จิ้นเหวินก็จับจ้องไปที่ลั่วอินเหมือนกัน
"ทำไมถึงจ้องฉันกันหมด?"
ลั่วอินหาคนมารับผิดชอบแทนเธอ เธอหันไปมองหนานหนิงซง "เรื่องนี้พอแกก็มีเอี่ยว พวกเราสองคนคิดเรื่อง 'ศพปลอม' ขึ้นมาด้วยกัน"
หนานหนิงซง: "......."
เขามองภรรยาด้วยความหน่ายใจ "เรื่องนี้คุณรับมือคนเดียวก็พอแล้วนี่ มาลากผมไปเกี่ยวด้วยทำไม?"
"ฉันไม่!" ลั่วอินบอก: "สองคนนี้กำลังจ้องฉันพร้อมกันอยู่นะ ถ้าคุณไม่ยอมออกหน้ามาช่วย ฉันโดนสองคนนี้กินเข้าไปแน่"
ตอนนี้หนานซ่งโกรธมาก เธอพูดออกมาเสียงเย็น: "ถ้าเกิดว่าคุณกลัวขนาดนั้น ก็คงไม่กล้าจะทำเรื่องผิดศีลธรรมแบบนี้"
"เสี่ยวซ่ง......" ยวี่จิ้นเหวินเห็นว่าหนานซ่งพูดออกมาแรงมาก ก็เลยรีบห้ามเธอเอาไว้
ลั่วอินก็บอกออกมาอย่างไม่พอใจ: "ใครผิดศีลธรรมจ๊ะ? แผนของพวกเราเรียกว่าทนรอไม่ไหว แกไม่เข้าใจหรอก!"
หนานซ่งไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อย เธอยังคงมีท่าทีหงุดหงิด "โกหกพวกเรา ทำให้พวกเรากลายเป็นกบในกะลา เรียกว่าแผนทนไม่ไหว? แบบนี้มันแผนบ้าแผนบออะไรกัน!"
เห็นว่าสองแม่ลูกเริ่มพูดคำหยาบใส่กัน หนานหนิงซงก็รีบเข้าไปห้าม
"พอแล้ว ลูกไม่ต้องพูดต่อแล้ว"
หนานหนิงซงขอให้ลูกสาวหยุด จากนั้นก็หันไปบอกกับภรรยา: "คุณก็หยุดพูดได้แล้ว"
ลั่วอินยังไม่ทันหายโมโหเลย
"ทำไมฉันจะต้องหยุดด้วย? เห็นลูกสาวคุณไหม ไม่มีมารยาท ไม่รู้จักใครเด็กใครผู้ใหญ่ แต่งงานไปแล้วก็ปีกกล้าขาแข็งแล้วสิ"
"ยังไม่เท่าไหร่ ไม่แข็งเท่าคุณหรอก ถ้าเกิดหนูปีกกล้าขาแข็งแล้วจริง ๆ ก็คงจะไม่โดนคุณหลอก" หนานซ่งเองก็กำลังโมโหเหมือนกัน
ลั่วอินหรี่ตามองหนานซ่ง "จะเอาแบบนี้ใช่ไหม?"
"ใช่น่ะสิ จะเอาแบบนี้แล้วจะทำไม!"
"มาสิ!"
ระหว่างที่พูด สองแม่ลูกก็เริ่มกางกรงเล็บใส่กัน แล้วก็เริ่มข่วนอีกฝ่าย เหมือนกับแมวป่าอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีใครยอมใคร
โชคดีที่รถคันนี้กว้าง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีที่มากพอให้พวกเธอทะเลาะกัน
หนานหนิงซงกับยวี่จิ้นเหวินคนหนึ่งเอื้อมตัวมาอุ้มไว้จากด้านหน้า อีกคนจากทางด้านหลัง ในที่สุดก็สามารถแยกพวกเธอออกจากกันได้
ในเวลานี้พวกเขาก็เข้าใจถึงความสำคัญของลั่วจวินหัง ก็มีแต่ตอนที่พี่ใหญ่อยู่เท่านั้น ถึงจะเอาสองคนนี้ลงได้
พวกเขาหันไป ก็ได้พบกับกู้ฟางที่กำลังพยุงอาจารย์มู่โจวอยู่ใต้ต้นไม้ มองมาทางพวกเขา แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย
ฝนเพิ่งจะหยุด ในอากาศจึงยังมีความชื้นหลงเหลืออยู่เล็กน้อย
ยวี่จิ้นเหวินและหนานซ่งยืนมองมู่โจวและกู้ฟางที่ยืนอยู่ด้วยกันด้านหน้า ก็รู้สึกเหมือนตัวเองหลุดไปอีกโลก
มู่โจวและกู้ฟางพักอยู่ที่ตึก ๆ หนึ่งในวัดจยาเยี่ยมาได้หลายวันแล้ว
ตึกที่พวกเขาพักค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะมากกับการรักษาตัว
หนานหนิงซงนั่งชงชาอยู่บนเบาะรองนั่ง แล้วก็พูดคุยกับกู้ฟางไปด้วยสองสามประโยค แล้วหันไปมองมู่โจวที่มีทุกคนล้อมรอบอยู่
เดิมทีมู่โจวนั้นผอมอยู่แล้ว ไม่เจอกันมานานขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะผอมลงยิ่งกว่าเดิม เรียกว่าหนังหุ้มกระดูกเลยก็ได้ เบ้าตาของเขาก็โผล่ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน แถมยังไออยู่ตลอด ทุกครั้งที่เขาไอใบหน้าของเขาเกร็งจนเห็นได้ชัด หนานซ่งมองออกว่าเขากำลังฝืนอยู่ ถึงแม้อาจารย์มู่จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะไม่แข็งแรงเท่าไหร่
ลั่วอินลองแมะให้มู่โจว ผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็เลยไม่ไอออกมาก
ยวี่จิ้นเหวินกับหนานซ่งนั่งมองอยู่ข้าง ๆ ในใจของพวกเธอกังวลเป็นอย่างมาก ยวี่จิ้นเหวินไม่กล้าเอ่ยถาม หนานซ่งกลับไม่รีรอที่จะถาม "เป็นยังไงบ้าง?"
ลั่วอินราวกับคนละคน เธอนั่งหันหลังให้เธอ ไม่สนใจเธอ แล้วบอกกับมู่โจว: "มืออีกข้าง"
มู่โจวส่งมืออีกข้างให้อย่างว่าง่าย
เขาเงยหน้าขึ้นมามองหนานซ่งที่นั่งเม้มปากด้วยใบหน้าหงุดหงิด แล้วถามขึ้น: "ทะเลาะกับแม่อีกแล้วเหรอ?"
"อืม" หนานซ่งมองอาจารย์มู่: "ไม่ใช่แค่เถียง แต่สู้กันด้วย"
อาจารย์มู่ได้ฟังก็ดวงตาเป็นประกาย แล้วยกนิ้วโป้งให้กับหนานซ่ง "สุดยอดมาก"
จบเสร็จ ก็ทนไม่ไหวจนต้องไอออกมา ยวี่จิ้นเหวินเลยรีบเข้าไปลูบหลังให้อาจารย์มู่
หนานซ่งย่อตัวลง เธอขมวดคิ้วมากอาจารย์มู่ แล้วก็เลิกสนใจเรื่องการทำสงครามเย็นกับแม่ "แม่ ตกลงแล้วอาจารย์มู่อาการเป็นยังไงบ้าง?"
ลั่วอินถึงได้ยอมหันมาหาเธอครึ่งตัว แต่ก็ยังไม่ได้มีท่าทีจะดีต่อเธอ
"มะเร็งปอดระยะสุดท้าย อยู่ได้อีกไม่กี่วันแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ต่อๆค่ะรอนานแล้ว...
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...