สอนรักอดีตภรรยา นิยาย บท 866

ไป๋ลู่ยวี๋ดูไม่ออก แต่เฮ่อเซินกลับดูมู่โจวออกในแวบแรก

เขากับมู่โจวไม่คุ้นเคยกัน เจอกันแค่ครั้งสองครั้งเพราะแม่กับน้าฟาง ตอนนั้นเห็นเขาเป็นเพียงผู้อาวุโสธรรมดาเท่านั้น แต่เมื่อได้เจอกันอีกครั้งในวันนี้ อารมณ์แตกต่างกันมาก

นี่คือพ่อแท้ ๆ ของเสี่ยวซู

เมื่อคิดถึงความขมขื่นที่ซูอิงมีมาตั้งแต่เล็กจนโต เฮ่อซินความคิดซับซ้อน อารมณ์ที่มีต่อมู่โจวก็ปะปนกัน

มู่โจวก็เช่นกัน

เมื่อก่อนมองดูเฮ่อเซิน ปฏิบัติต่อเขาในฐานะคนรุ่นหลังธรรมดา ๆ ที่ค่อนข้างสนิทสนมเหมือนกับหนานซ่ง แต่ตอนนี้ปฏิบัติต่อเขาเป็นเหมือนลูกเขย

นี่คือสามีของลูกสาวของเขา คือพ่อของหลานชายของเขา

จะเหมือนกันได้ยังไง

ตอนที่เดินทางกลับ ไป๋ลู่ยวี๋พูดคุยถามนู่นถามนี่ไม่หยุด เขามีคำถามเต็มท้อง

“ทำไมพี่ใหญ่กลับมากะทันหัน? ฉันถามเขาเขาก็ไม่สนใจฉัน แถมอารมณ์ของเขาก็ไม่ปกติ เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?”

“เกือบลืมถามไป พวกเธออยู่ที่เมืองกั่งเป็นยังไงบ้าง? จัดการซ่งซีแล้วยังไง?”

“อ่อใช่ พวกเธอรู้แล้วยังว่าอาสะใภ้ท้องแล้ว?”

พึมพำ ๆ ถามไม่หยุด

หนานซ่งกับยวี่จิ้นเหวินตอบกลับเขาทีละคน อย่าว่าแต่ไป๋ลู่ยวี๋เลย พวกเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย

แต่ตอนนี้ พวกเขาให้ความสำคัญกับอารมณ์ของมู่โจวและเฮ่อเซินมากกว่า

พ่อตาลูกเขยนั่งด้วยกัน แต่กลับไม่คุยกัน

มู่โจวพยายามระงับอาการไอไว้ในลำคอ แต่การไอก็เหมือนกับการจาม อดกลั้นไว้ก็กลั้นไม่อยู่ จึงไอขึ้นมาอีก

กู้ฟางนั่งอยู่ข้างหลังเขา จึงตบหลังเขาเบา ๆ อย่างเคยชิน

เฮ่อเซินก็มองไปทางมู่โจว ต่อให้เขาไม่ได้เรียนแพทย์มา แต่ก็ดูออกว่าสถานการณ์ของมู่โจวไม่ค่อยดีนัก สีหน้าดูป่วย เอวไม่สามารถยืดตรงได้ ส่วนหลังก็ค่อม

เป็นนักแสดง สิ่งที่ถนัดที่สุดคือสังเกตคนทุกประเภท ผู้ป่วยมะเร็งเขาก็เคยแสดงและศึกษามาก่อน จู่ ๆ มีความรู้สึกถึงลางร้ายในหัวใจ

“ทานยาก่อนเถอะ”

กู้ฟางมองดูเวลาว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว จึงถามมู่โจวขึ้น

มู่โจวกลับส่ายมือไปทางเธอ เขาไม่อยากกินยาต่อหน้าลูกเขย เขากลับมาหาลูกสาว ไม่ได้มาแสดงความน่าสงสาร

ต่อให้ไม่ได้หยิบยาออกมา แต่การคาดเดาของเฮ่อเซินก็ได้ข้อสรุปแล้ว เขาเงยหน้ามองไปทางลั่วอิน ลั่วอินก็สบตากับลูกชาย แล้วพยักหน้าให้เขาด้วยสีหน้าจริงจัง

หัวใจของเฮ่อซินจมดิ่ง มือที่อยู่บนกำแน่น

ตอนที่ลั่วอินโทรมาถึงแม้จะบอกกับเขาถึงความสัมพันธ์ระหว่างซูอิงกับมู่โจวและชีวิตของซูอิง แต่ไม่ได้บอกกับเขาเกี่ยวกับอาการของมู่โจว แม้แต่ลั่วอินก็ยังคิดว่า

เรื่องนี้มันโหดร้ายเกินไปสำหรังซูอิง

เฮ่อเซินอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา ก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน

พวกเขาส่งกู้ฟางและมู่โจวไปยังบ้านของกู้ฟางก่อน ตอนที่มู่โจวจะลงจากรถ จู่ ๆ ก็จับมือของเฮ่อเซินไว้

มือของเขาผอมมาก เหมือนโครงกระดูกยืนได้ แต่แรงเยอะมาก จับจนเฮ่อเซินรู้สึกเจ็บ เขาเงยหน้าสบตากับดวงตาของมู่โจวที่ขุ่นมัวด้วยเส้นเลือดแดง

ชายที่เคยสง่างามในตอนนี้ป่วยหนัก หน้าซูบเซียว เหมือนคนแก่ที่ผอมเพรียว

มู่โจวบีบมือของเฮ่อเซิน จ้องมองเขา ปากที่เม้มอยู่สั่นเล็กน้อย แต่กลับพูดไม่ออกสักคำ

เฮ่อเซินสัมผัสได้ถึงสายตาแบบนี้ เขาอยากจะพูดอะไร แต่คำพูดติดคอ พูดไม่ออกอยู่นาน

สุดท้ายพ่อตาลูกเขยก็ไม่มีใครพูดอะไร มู่โจวลงจากรถเงียบ ๆ

ถูกกู้ฟางพยุงไว้ เขาตัวค่อม เดินไปทางประตูใหญ่ทีละก้าวช้า ๆ แต่ละก้าวเดินนั้นยากลำบากมาก

แผ่นหลังนี้ เฮ่อเซินมองดูจนรู้สึกเห็นใจ

เขาทนไม่ไหว จึงลงมาจากรถ แล้วเรียกเสียงเบา “อาจารย์มู่ครับ”

หนานซ่งถึงได้ปล่อยมือจากปากเขา ฝ่ามือยังมีน้ำลายของเขาติดอยู่ เธอหน้าตารังเกียจแล้วเช็ดกับตัวไป๋ลู่ยวี๋

ยวี่จิ้นเหวินยิ้มแล้วดึงมือของหนานซ่งมา เขาดึงทิชชูเปียกมาเช็ดมือให้เธอ

ไป๋ลู่ยวี๋ไม่สนใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ เขาเร่งเร้าหนานซ่ง “รีบพูด ๆ เล่าเรื่องทุกอย่างที่เธอรู้ให้ฉันฟัง!”

“...”

หนานหนิงซงก็ลงจากรถ เขาเห็นสีหน้าของเฮ่อเซินที่สับสนและเจ็บปวด จึงตบบ่าเขา แล้วพูดกล่อมเขา “อย่าคิดมากขนาดนั้น เหมือนกับที่ลูกพูด สิทธิในการเลือกขึ้นอยู่กับเสี่ยวซู ไม่ว่าเธอจะยอมรับมู่โจวหรือไม่ มันเป็นสิทธิของเธอ พวกเราเคารพการตัดสินใจของเธอ เพียงแต่ต้องบอกให้เธอรู้ อย่าให้เธอตกอยู่ในวังวน เมื่อพลาดไปแล้ว จะเสียใจตลอดชีวิต พวกเรารับผิดชอบไม่ไหว”

“แต่ว่า” เฮ่อเซินถามขึ้นอย่างสงสัย “ร่างกายของอาจารย์มู่...”

“มะเร็งปอดขั้นสุดท้าย ไม่มียารักษา”

ลั่วอินบอกเขาตรง ๆ “ดังนั้นลูกต้องคิดให้ดี ต่อให้พวกเขาสองพ่อลูกเจอยอมรับซึ่งกันและกัน ก็มีเวลาเหลือเพียงน้อยนิดที่จะเป็นพ่อลูกกัน”

เฮ่อเซินดวงตาแดงก่ำ เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ

อาจเป็นเพราะหลังจากเป็นพ่อคน ก็เข้าใจถึงความรู้สึกนี้ได้มากขึ้น

ถ้าเสี่ยวซูได้พบพ่อผู้ให้กำเนิดของเขาแล้วมีความสุข แต่เขากลับจากเธอไปด้วยวิธีอื่น สำหรับเธอคือความเจ็บปวดอย่างหนึ่ง เขารับมันไหวไหม?

ลั่วอินเห็นความทุกข์ใจและเป็นห่วงที่เฮ่อเซินมีต่อซูอิง เธอพูดขึ้น “ลูกชาย เสี่ยวซูผ่านอะไรมาเยอะกว่าลูก และก็เข้มแข็งกว่าที่ลูกคิดไว้เยอะ ต้นกำเนิดครอบครัวคือบาดแผลของชีวิตเธอ ไม่ใช่ว่าบาดแผลอยู่ตรงนั้นไม่ไปสัมผัส มันก็สามารถหายได้เอง ถ้าหากสามารถรักษาแผลเป็นในใจเธอได้ ให้เธอได้สัมผัสความสัมพันธ์แบบพ่อลูกที่แท้จริง อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ทุกอย่างจะต้องคิดด้านบวกเสมอ”

คำพูดของแม่ขจัดความหวาดระแวงของเฮ่อเซิน เขาวางแผนว่าจะกลับไปคุยกับซูอิงถึงเรื่องนี้

สิ่งที่ควรเผชิญ ไม่ช้าก็เร็ว

เฮ่อเซินกลับมาที่บ้านของตัวเอง หลังจากที่หนานซ่งและคนอื่นไปเยี่ยมซูอิงและหลานชายเฟิงเอ่อร์ ก็พากันกลับสวนกุหลาบ

ไกลออกไป ก็เห็นลั่วจวินหังรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่หน้าประตู เขาสูบบุหรี่รอพวกเขาอยู่ ควันที่เอ้อระเหยปกคลุมดวงตาสีฟ้าของเขา ปิดบังอารมณ์ของเขา

ไม่ได้เจอพี่ใหญ่นานมากแล้ว เขาดูเงียบกว่าที่เคย เขายืนอยู่ตรงนั้นสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนรูปปั้น

ทำให้หนานซ่งหนักใจเล็กน้อย

พี่ใหญ่ต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดในใจอีกครั้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา