สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา นิยาย บท 144

กู้ฉางฉิงจ้องเขาอย่างเคือง ๆ จากนั้นจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาและกวาดข้าวเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยหวังว่าจะใช้ท่านี้ปิดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอไว้

แม้ว่าเธอจะบังใบหน้าเอาไว้ได้ แต่ใบหูสีชมพูนั้นก็ยังฟ้องเธออยู่ดี

"อย่าเอาแต่กินข้าวอย่างเดียวสิครับ คนที่ไม่รู้จะคิดว่าผมบังคับจิตใจอะไรคุณ"

เมื่อมองไปที่ท่าทางเขินอายของเธอ เฟิงจิ่งเหยาก็อดไม่ได้ที่จะแหย่เธอเพิ่มว่า "อีกอย่าง เดิมทีก็ไม่ค่อยจะมีเนื้ออยู่แล้ว ถ้าผอมไปกว่านี้อีกก็จะยิ่งกอดไม่สบาย"

จากประโยคหลังของเขาทำให้กู้ฉางฉิงยิ่งโกรธขึ้ง พวงแก้มทั้งสองก็ยิ่งร้อนผ่าวขึ้นไปอีก

"เฟิงจิ่งเหยา อย่ามาทะลึ่งนะ!"

เธอกัดฟันพูด เฟิงจิ่งเหยารีบคีบกับข้าวให้เธอ และพูดอย่างเอาใจว่า "เอาล่ะ ไม่ทะเลาะกันนะ ทานข้าวกันดีกว่า"

กู้ฉางฉิงมองดูเนื้อในชามแล้วส่งเสียงฮึดฮัด

เธอทานข้าวหมดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดทิ้งท้ายโดยไม่เปิดโอกาสให้เฟิงจิ่งเหยาได้ปฏิเสธแล้วจากไปเลย

"ฉันอิ่มแล้วค่ะ ที่บ้านยังมีงานดีไซน์ให้ต้องเตรียมอีก ขอตัวก่อนนะคะ"

เฟิงจิ่งเหยามองตามหลังที่จากไปด้วยความโกรธของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

พลันสายตาก็กวาดไปยังตำแหน่งที่กู้ฉางฉิงเพิ่งนั่งเมื่อครู่ก็พบว่ามีสิ่งของของผู้หญิงคนนี้อยู่บนนั้น

"ผู้หญิงคนนี้ ช่างซุ่มซ่ามลืมนู่นลืมนี่เสียจริง"

เขาพึมพำพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือบนโซฟาขึ้นมา แล้วเดินออกไปที่ประตู

กู้ฉางฉิงไม่รู้เลยว่าเฟิงจิ่งเหยาตามเธอออกมา

หลังจากที่เธอลงไปถึงชั้นล่าง ก็พบเข้ากับคนที่เธอไม่อยากจะพบ นั่นก็คือกู้หงเซินที่มาด้วยท่าทางข่มขู่คุกคาม

และเธอก็เดาออกถึงสาเหตุที่กู้หงเซินมาปรากฎอยู่ที่นี่ในเวลานี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องค่าปรับ

เมื่อคิดดังนั้น เธอก็ก้าวขึ้นหน้าไปขวางเขาไว้

"คุณมาที่นี่ทำไม?"

กู้หงเซินมองไปที่กู้ฉางฉิงที่ปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหัน เขาผงะไปชั่วขณะ จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีว่า "แกถามว่าฉันมาทำไม? ฉันถามแกหน่อยเถอะ เฟิงจิ่งเหยาจะฟ้องฉันมันหมายความว่าอะไร? นี่เขาไม่สนใจความสัมพันธ์แล้วหรือ? อย่าลืมว่าฉันเป็นถึงพ่อตาของเขานะ!"

หลังจากที่กู้ฉางฉิงฟังเขาพูดจบก็แทบอยากจะกลอกตามองบนทันที

"หึ ในเวลานี้คุณเพิ่งจะมาคิดได้ว่าเป็นพ่อตาของเขา แล้วตอนที่วางแผนเอาเปรียบเขาทำไมถึงคิดไม่ได้?"

เธอหัวเราะเย้ยหยัน "คุณไม่มองดูว่าตัวเองทำเรื่องอะไรลงไปบ้าง กลับยังกล้ามาว่าคนอื่นอีก ตอนนี้บริษัทของเราต้องมาลำบากเพราะคุณ ที่ฟ้องคุณนั้นก็สมควรแล้ว"

ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับกู้หงเซินมาก่อน โดยเฉพาะคนคนนั้นยังเป็นคนที่เขาไม่เคยยอมรับอย่างกู้ฉางฉิง

ทันใดนั้น สีหน้าของเขาโศกเศร้าอย่างหนัก

"นี่คือท่าทีที่แกพูดกับฉันอย่างนั้นเหรอ? นี่ยังไงล่ะ ถึงได้เปิดเผยตัวตนไม่ได้ ไอ้คนไม่ได้รับการสั่งสอน!"

เขาตำหนิให้เธออับอาย แต่กู้ฉางฉิงก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอออกมาและตอบโต้กลับไปทันควันว่า

"ก็แน่ล่ะ เพราะพ่อของฉันก็เหมือนกับตายไปแล้วตั้งแต่ฉันยังเด็ก จึงไม่มีใครสอน ก็เลยกลายเป็นคนไม่ได้รับการสั่งสอน"

"แก......นังลูกชั่ว!"

เมื่อกู้หงเซินได้ยินเธอสาปแช่งให้เขาตายก็เดือดดาลอย่างมาก

ใบหน้าของเขาดูดุร้าย เขากางมือขึ้นหมายจะตบกู้ฉางฉิง

ฝ่ามือกำลังจะฟาดลงไปอยู่แล้ว แต่กลับมีมือเรียวหนึ่งยื่นเข้ามาและจับข้อมือของกู้หงเซินไว้แน่น

"คุณกู้ครับ ตอนนี้ฉางซินเป็นภรรยาของผม หากคุณจะตีเธอก็ควรจะถามความเห็นผมก่อนหรือเปล่า?"

เฟิงจิ่งเหยาพูดด้วยเสียงแข็ง แววตาของเขาเย็นชานัก

เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรก่อน แต่กลับนั่งจัดการเอกสารบนโต๊ะทำงาน ทำราวกับกู้หงเซินเป็นอากาศธาตุ

แน่นอนว่าท่าทีของเขาทำให้กู้หงเซินโมโห

แต่เมื่อคิดถึงจุดประสงค์ที่เขามาในครั้งนี้ก็จึงทำได้เพียงอดกลั้นไว้ จากนั้นจึงพูดขึ้นทำลายความเงียบว่า "จิ่งเหยา พวกเราสองครอบครัวในตอนนี้ต่อให้ตีกระดูกจนหักก็ยังมีเส้นเอ็นเชื่อมต่อกัน คุณฟ้องร้องผมก็เท่ากับทำให้เราทั้งสองบ้านต้องขายหน้า จะดีกว่าไหมถ้าถอนฟ้องแล้วเราสองบ้านมาทำข้อตกลงส่วนตัวกัน?"

เฟิงจิ่งเหยายิ้มเล็ก ๆ แต่แววตาเย็นชา

"เกรงว่าประธานกู้จะลืมไปแล้วว่าผมเป็นคนที่แยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวอย่างชัดเจน อีกอย่างฉางซินเองก็น่าจะเคยบอกคุณไว้ก่อนแล้วว่าอย่าใช้ผ้าด้อยคุณภาพ เป็นคุณเองที่ไม่ฟังคำเตือน จนตอนนี้ทำให้บริษัทของผมต้องเสียชื่อเสียง ค่าชดเชยและความเสียหายต่าง ๆ รวมกันมูลค่านับสิบล้าน และความเสียหายเหล่านี้ก็เกิดจากปัญหาเนื้อผ้าของคุณ แน่นอนว่าคุณจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายเหล่านี้"

เขาพูดจนจบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแบบที่ไม่สามารถขัดได้

กู้หงเซินเองก็ถูกพูดจนหน้าแดง อยากจะตอบโต้แต่ก็ไม่มีคำพูด

เฟิงจิงเหยาไม่สนใจเขา แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ก็ได้เน้นย้ำจุดยืนให้เขาอีกครั้ง

"ท่านประธานกู้ ผมหวังว่าในการคุยธุระกันคราวหลังคุณจะไม่ยกเอาเรื่องความสัมพันธ์ขึ้นมาพูดอีก คุยธุรกิจอย่างนักธุรกิจ ผมคิดว่าคุณน่าจะเข้าใจคำนี้ได้เป็นอย่างดี อีกเรื่องหนึ่ง ถ้าหากในภายภาคหน้าคุณยังอยากทำธุรกิจร่วมกับผมอีก ผมจะไม่ปฏิเสธและแน่นอนว่าจะไม่ตกลงง่าย ๆ เช่นกัน"

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็จงใจหยุดสักครู่ รอดูว่ากู้หงเซินมีอะไรจะพูดหรือไม่

เป็นไปตามคาด หลังจากที่เขาหยุดพูด กู้หงเซินก็เลิกคิ้วขึ้นพูดอย่างไม่พอใจว่า "ประธานเฟิง พูดอย่างนี้หมายความว่าอะไร?"

เฟิงจิ่งเหยาเหลือบมองดูเขาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "แน่นอนว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ คุณควรจะเข้าใจว่าบริษัทไม่ใช่ของผมคนเดียว ยังมีผู้ถือหุ้นอีกหลายคน ผมต้องทำแบบนี้เท่านั้นถึงจะทำให้ผู้ถือหุ้นทุกคนสบายใจ ส่วนคุณหากยังต้องการจะร่วมมือกันต่อ ก็ต้องทำตามข้อเสนอของผมเท่านั้น"

กู้หงเซินโมโหมาก นี่เป็นการทำลายช่องทางร่ำรวยและแผนการของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ถ้าหากไม่ตกลง เขาก็จะเสียประโยชน์มากกว่า

ในขณะที่เขายังคงสับสนอยู่นั้น เฟิงจิ่งเหยาที่ดูเหมือนจะหมดความอดทนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มหนักว่า "ถ้าประธานกู้รู้สึกว่ายังไม่เหมาะสม ก็สามารถกลับไปพิจารณาดูก่อนได้ ได้คำตอบเมื่อไหร่ก็ค่อยแจ้งมาที่ผม ตอนนี้ผมยังมีงานต้องสะสาง โปรดให้อภัยที่ไม่สามารถส่งคุณได้ ชวี่ยี่ ส่งแขก!"

เขาต่อสายให้ชวี่ยี่เข้ามา

เมื่อกู้หงเซินถูกเขาไล่ตรง ๆ ก็โมโหจนขึ้นหน้า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่หันตัวและจากไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา