ขณะเดียวกัน ณ ตระกูลหลิน
หลินจื้อหย่วนได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องบอกว่าหร่วนซิงหว่านไปที่บ้านโจวฉือเซิน เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงให้ลูกน้องจับตามองต่อไป
เมื่อวางสายลง หลินจื้อหย่วนก็มองไปนอกหน้าต่าง เขาลุกขึ้นเดินออกจากห้องหนังสือไปยังรถที่จอดอยู่ในสวนดอกไม้
สถานที่กักขังหร่วนจุนคือโกดังเล็กที่อยู่ไม่ไกลออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลหลิน ก่อนหน้านี้ใช้เก็บพวกเศษขยะ แต่มันถูกทิ้งให้รกร้างในช่วงสองปีที่ผ่านมา จึงไม่มีใครผ่านไปที่นั่นอีก หลังจากที่เซ่หรงหนีไปแล้ว หลินจื้อหย่วนจึงจับเขามาขังไว้ที่นี่
ข้างในโกดัง หร่วนจุนกำลังนอนอยู่บนเตียงเดี่ยวยาวหนึ่งเมตร บริเวณไม่ไกลออกไปนักมีโทรทัศน์เครื่องเก่ากำลังเปิดอยู่
บริเวณรอบข้างไม่ได้รกมากแต่ก็ไม่ได้เรียบร้อยเช่นกัน
ทั้งเศษอาหารขยะและหนังสือพิมพ์ถูกวางทิ้งอยู่บนโต๊ะและบนพื้น
ดูเหมือนจะมีคนเดินทางมาทำความสะอาดเป็นครั้งคราว
ขาข้างที่หักของหร่วนจุนวางอยู่บนเตียง เขาฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ไม่รู้สึกว่าตนเองถูกกักขังแต่อย่างใด และไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่อึดอัดใจ
ผ่านไปไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก แสงไฟจากถนนเข้ามาด้านใน
หร่วนจุนลุกขึ้นนั่งแล้วเหลือบมองคนที่เดินทางมา
เมื่อหลินจื้อหย่วนเดินทางเข้าไปในโกดัง ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังก็เปิดไฟขึ้น
หร่วนจุนรู้สึกลืมตาไม่ขึ้นจึงได้รีบยกมือขึ้นบ้างดวงตาเอาไว้
หลินจื้อหย่วนเหลือบมองไปยังลูกน้องเขา ลูกน้องคนนั้นเข้าใจทันทีและเดินออกจากห้องไปไม่ลืมที่จะปิดประตูโกดัง
หลินจื้อหย่วนเดินเข้าไปใกล้หร่วนจุนแล้วนั่งบนโซฟาตรงข้ามเขา "คุณคิดดูแล้วเป็นยังไงบ้าง?"
หร่วนจุนหัวเราะขึ้นแล้วใช้มือสองนิ้วถูไถกันเป็นรูปสัญลักษณ์ของเงิน "ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ เพียงแค่ผมได้ตัวเลขนี้ คุณอยากจะรู้อะไรผมก็จะตอบ"
"ตะกละไม่เบา"
"ผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นนี่ ผมเลี้ยงดูนังนั่นมาตั้งแต่เล็ก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรอจนเธอเติบใหญ่แล้วแต่งงาน เห็นได้ชัดว่า ชีวิตดีๆ กำลังรอคอยอยู่ แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอจะพลิกเกมแล้วไม่ให้เงินผมใช้สักบาท ผมก็คงต้องพึ่งพาตัวเอง"
หลินจื้อหย่วนเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ ว่า "ไม่กลัวหรือไงว่ามีเงิน แต่ไม่รู้จะเอาไปใช้ได้ยังไงถ้าไม่มีชีวิต"
หร่วนจุนพูดขึ้นอย่างไม่สนใจไยดีว่า "ผมไม่สนใจมากมายขนาดนั้นหรอก เพียงแค่ผมมีเงินไว้ในมืออย่างอื่นค่อยว่ากัน ต่อให้ตายก็ตายไปพร้อมกับเงิน ชาติหน้าเกิดมาจะได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้"
หลินจื้อหย่วนหัวเราะออกมาเบาๆ "ความคิดเปิดกว้างดีนี่"
"เหอะๆ แค่เอาเงินมาให้ผมทุกอย่างก็พูดง่าย" หร่วนจุนพูดขึ้นอีกครั้งว่า "ถึงอย่างไรเงินนี้ที่คุณจ่ายมาก็ไม่สูญเปล่า คุณอาจรำคาญที่เห็นผม เพียงแค่ผมได้เงินมาผมก็จะหายไปเหมือนกับคนตายทันที ผมจะหายไปจากสายตาของคุณ ชีวิตนี้จะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าคุณอีก แต่ถ้าคุณไม่ให้ล่ะก็ อย่าหาว่าผมเอาความลับของคุณออกไปพูดแล้วกัน"
หลินจื้อหย่วนยังคงสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงไป "ผมมีความลับอะไร?"
ใบหน้าที่ถูกไฟไหม้ของหร่วนจุนส่องกระทบภายใต้แสงสลัวในโกดัง มันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขายิ้มแล้วหัวเราะออกมาด้วยความแปลกประหลาด "คุณไม่ใช่หลินจื้อหย่วน ต่อให้คุณจะเลียนแบบเหมือนขนาดไหน แต่คุณก็ไม่ใช่เขา"
หลินจื้อหย่วนหรี่ตาลงมองแววตาอาฆาตแค้น
หร่วนจุนกล่าวว่า "ในเมื่อผมกล้าพูดประโยคนี้ออกมา แน่นอนว่าผมไม่กลัวคุณฆ่าปิดปากผมหรอก คนที่หนีออกไปคนนั้นคุณรู้หรือเปล่าว่าผมบอกเรื่องนี้กับเขาแล้ว เพียงแค่ผมตายไปเขาก็จะบอกเรื่องนี้กับสาธารณชน แต่ถ้าผมได้เงินผมก็จะแบ่งกับเขาครึ่งหนึ่ง คนโง่เท่านั้นที่จะไม่ทำการค้าแบบนี้คุณว่าไหมล่ะ"
"ถ้าคุณบอกออกไปว่าผมไม่ใช่ คิดว่าคนอื่นก็จะเชื่อเหรอ?"
"แน่นอนว่าผมมีหลักฐาน" หร่วนจุนยิ้มกว้าง "หลักฐานอยู่ในหลุมฝังศพของภรรยาผม หลินจื้อหย่วนคงคิดไม่ถึงเหรอว่า ภรรยาของเขาจะแต่งงานกับผม ฮ่าๆ เมื่อไหร่ที่ผมร่างฝังลงดิน ผมจะไปบอกเรื่องนี้กับเขา เพียงแค่คิดว่าเขาจะทำท่าทางอย่างไรออกมาตอนที่รู้ แม้ตายผมก็มีความสุข"
หลินจื้อหย่วนลุกขึ้นยืนแล้วมองไปทางเขาเหมือนเช่นวัตถุที่ตายแล้ว "ผมยังมีอีกหนึ่งคำถามที่ต้องการถามคุณ เพียงแค่ตอบมาผมจะให้ทุกอย่างที่ต้องการ"
หร่วนจุนพูดออกมาอย่างใจดีว่า "อย่าว่าแต่หนึ่งคำถามเลยสักร้อยคำถามผมก็ตอบ"
"หร่วนเฉิน เป็นลูกใครกันแน่?"
เมื่อได้ยินคำถามนี้ หร่วนจุนก็ฟังดูเหมือนได้ยินเรื่องตลก รอยแผลเป็นบนใบหน้าเขาดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น "แน่นอนว่าเป็นลูกผม"
หลินจื้อหย่วนถามว่า "คุณแน่ใจเหรอ?"
เธอพูดว่า "ฉันทำให้ตัวเองกิน ขอบคุณค่ะ"
โจวฉือเซินเลิกคิ้วขึ้น "คุณบอกว่าจะลดน้ำหนักเลยไม่กินข้าวเย็นไม่ใช่หรือไง?"
หร่วนซิงหว่านเคยพูดเรื่องแบบนี้ก็จริง นั่นเป็นเพราะเธอกินอะไรจุกจิกในตอนบ่ายจึงทำให้ไม่หิวในตอนกลางคืน ดังนั้นจึงเป็นการลดน้ำหนักในตัว
"ฉันก็แค่พูดไปลวกๆ คุณเชื่อด้วยเหรอคะ?"
เธอตอบกลับคำพูดของชายหนุ่มที่มักจะพูดกับเธอ
โจวฉือเซินจึงพูดขึ้นว่า "ผมเข้าใจแล้ว ถ้าคุณบอกว่าไม่ แสดงว่าอยาก"
หร่วนซิงหว่านยังไม่ทันมีเวลาไปคิดทบทวนหักล้างประโยคนี้ของเขา เธอถูกชายหนุ่มดึงไหล่ออกมา แล้วเขาก็ประกบไปที่ริมฝีปากเธอทันที
หร่วนซิงหว่านรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ในขณะที่จะผลักเขาออกไป โจวฉือเซินก็คว้าข้อมือของเธอยกขึ้นแล้วกดไว้ที่เคาน์เตอร์หินอ่อน
หลังจากการจูบกันอย่างยาวนาน หร่วนซิงหว่านก็อ้าปากหายใจเหนื่อยหอบ "คุณนี่น่ารำคาญจริงๆ ฉันจะทำข้าวกิน อย่ามารบกวน"
ริมฝีปากของโจวฉือเซินกระตุกขึ้นเล็กน้อย เขาถอยออกไปหนึ่งก้าวเพื่อให้พื้นที่แก่เธอ
หร่วนซิงหว่านจึงหันกลับไป แต่เธอชะงักลงแล้วถามว่า "เมื่อครั้งที่แล้วคุณบอกว่าพวกหลี่เสวี่ยจะไปต่างประเทศกัน เขาไปกันหรือยังคะ?"
โจวฉือเซินที่ยืนพิงกำแพงอยู่ข้างๆ ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "ยัง"
หร่วนซิงหว่านหันมามองเขาด้วยความสงสัย "ทำไม?"
"ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าการอพยพไปต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้ขั้นตอนต่างๆ ยังดำเนินการไม่เสร็จ"
หร่วนซิงหว่านตอบรับเบาๆ แล้วหันสายตากลับไป "ตอนนั้นคุณบอกกับฉันอย่างมั่นใจ ฉันคิดว่าพวกเขาจะไปในไม่ช้านี้เสียอีก"
"คุณอยากให้พวกเขาไป หรือว่าไม่อยาก?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามี....เซ็นใบหย่าไปเลย
ไม่เชื่อใจคนอื่นเพราะคิดว่าตัวเองเก่ง แต่ก็เอาตัวเองไม่เคยจะรอด ก็มั่นหน้าให้คนรอบตัวเดือดร้อนต่อไปค่ะซิงซิง...
ใครที่อ่านเรื่องนี้อยู่ไปอ่านต่อให้จบได้ ในชื่อเรื่อง สามีเก่า....มาขอแต่งงานอีกแล้ว นะคะเป็นเรื่องดียวกันค่ะ...
รออัพเดทตอนต่อไปอยู่นะคะ ช่วยลงให้จบทีค่ะ...
รออ่านตอนไปอยู่นะคะ ช่วยลงให้จบด้วยค่ะ...
เรื่องนี้สนุกค่ะ แต่ทำไมลงไม่จบเรื่องคะ ช่วยลงให้จบได้ไหมคะ รอติดตามอยู่นะ...