หลังจากที่เดินออกมาไกลแล้ว หร่วนซิงหว่านถึงได้รู้สึกเย็นไปทั่วแผ่นหลัง
ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยรู้เลยว่าโจวฉือเซินจะว่างมาก ถึงขนาดที่รู้ว่าเธอกินข้าวหรือยัง สระผมหรือเปล่า นัดกับใครไว้ไหม
การกระทำของตาหมาบ้าคนนี้นับวันก็ยิ่งเข้าใจยากขึ้นเรื่อยๆ
หร่วนซิงหว่านเรียกแท็กซี่ ตรงไปยังบ้านของเพ้ยซานซาน
เมื่อเธอมาถึง ก็พบว่าประตูเปิดแง้มเอาไว้ ข้างในมีเสียงสะอื้นหลุดรอดออกมา
หร่วนซิงหว่านยืนอยู่หน้าประตูสักพัก ก็หันหลังเดินออกไปเงียบๆ
ถ้าเป็นเธอ ในเวลานี้เธอก็คงอยากอยู่เงียบๆคนเดียวเหมือนกัน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หร่วนซิงหว่านก็นั่งลงบนโต๊ะหนังสือ มองกระดาษสีขาวอย่างเหม่อลอย
ความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อนค่อยๆปกคลุมไปทั่วหัวใจ
เพ้ยซานซานกับหลี่อ๋างคบกันมาตั้งห้าปี ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่เขาแอบนอกใจ
จริงๆแล้วเรื่องของเธอก็เหมือนกัน ตลอดสามปีที่เธอแต่งงานกับโจวฉือเซิน เธอสวมบทบาทเป็นคุณนายโจวอย่างสงบเสงี่ยม เพราะรู้ว่าเขาเกลียดเธอเข้าขั้นสุด ดังนั้นเธอจึงรู้ตัวมาตลอดว่าตัวเองควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ส่วนเรื่องนั้น เธอยิ่งไม่เคยคิดถึงมันเลยด้วยซ้ำ
แต่เธอเองก็ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก อยู่ด้วยกันทุกเช้าทุกเย็นมาตั้งสามปีขนาดนั้น
ถ้าไม่มีซูซือเวยปรากฏตัวมา เธอก็คงคิดว่าต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต
แต่ว่าในวันคืนเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสายตาเย็นชาของโจวฉือเซินที่มองมาที่เธอ หรือความอบอุ่นของเขาที่มีให้กันแค่ตอนเมา ในท้ายที่สุดมันก็ไม่ใช่ของเธออยู่ดี
ตอนนี้พอลองย้อนกลับไปคิด ไม่ใช่ว่าเธอไม่สนใจการแต่งงานตลอดสามปีที่ผ่านมานี้ เธอเพียงแค่คิดว่าต่อให้สนใจก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เดิมทีเธอคิดว่าถ้าหย่ากันแล้วทุกอย่างคงจะดีขึ้น และได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่พอเห็นแบบนี้แล้ว เหมือนตาหมาบ้าคนนั้นไม่คิดจะปล่อยเธอไปง่ายๆ
ราวกับมีเข็มทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจ รู้ทั้งรู้ว่ามันเสียบอยู่ในนั้น แต่กลับดึงมันออกมาไม่ได้
……
วันต่อมา หร่วนซิงหว่านรอเวลาที่โจวฉือเซินไปทำงานที่บริษัท แล้วค่อยมาที่คฤหาสน์ซิงหู
เมื่อคนใช้เห็นว่าเธอพาพนักงานขนของมาด้วยสองคน ก็เริ่มเหงื่อตก ทำได้แค่หาข้ออ้างว่า “คุณนาย คุณผู้ชายสั่งเอาไว้ว่า ห้ามคนนอกเข้า......”
หร่วนซิงหว่านรู้จักนิสัยของผู้ชายคนนั้นดี “พวกเขาไม่ตามเข้าไปหรอก ฉันจะเข้าไปขนออกมาคนเดียว”
เธอพูดพร้อมกับลากกระเป๋าขึ้นไปข้างบน
คนใช้เดินตามหลังมาติดๆ พยายามโน้มน้าวคุณนายที่กำลังทำให้เรื่องมันวุ่นวาย “คุณนาย รอให้คุณผู้ชายกลับมาก่อนค่อยขนเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นเขาต้องโกรธแน่ๆ”
“มีตอนไหนที่เขาไม่โกรธด้วยเหรอ ตอนนี้เขาคงคิดว่าของของฉันเกะกะพื้นที่และสายตาของเขาด้วยซ้ำ ดูซิถ้าฉันย้ายออกไปแล้วเขาจะหาอะไรมาว่าฉันอีก”
“เฮ้อ คุณนายคะ........”
คนใช้โน้มน้าวไม่สำเร็จ จึงทำได้เพียงแอบไปโทรหาโจวฉือเซิน
หร่วนซิงหว่านเดินเข้ามาในห้องเสื้อผ้า เมื่อเห็นตู้เสื้อผ้าตรงหน้า เส้นเลือดตรงขมับก็เต้นตุบๆ
เสื้อผ้าพวกนี้สั่งตัดตามไซส์ของเธอ แต่เธอกลับไม่เคยใส่ และไม่มีตัวไหนเป็นของเธอจริงๆเลยด้วยซ้ำ
การที่โจวฉือเซินให้เธอมาขนออกไปก็พอจะเข้าใจได้ ไม่แน่ในอนาคตอีกไม่นาน อาจจะได้ต้อนรับคุณผู้หญิงคนใหม่ของคฤหาสน์ซิงหูก็ได้
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า โจวฉือเซินสะท้อนคำว่าทุนนิยมให้เห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ยอมเสียกำลังคนเลยสักนิด
หร่วนซิงหว่านเก็บได้แค่ไม่กี่ชุด กระเป๋าของเธอก็เต็มแล้ว
เมื่อเธอมองเสื้อผ้าที่กองพะเนินเป็นภูเขา จู่ๆก็รู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นตอบตกลงย้ายมาที่นี่อย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง
เอาแค่ตอนนี้ อย่าว่าแต่ขนเสื้อผ้าทั้งหมดนี้ออกไปเลย แค่ในกระเป๋านี่ เธอก็ไม่รู้ว่าจะขนลงไปได้หรือเปล่า
ในตอนที่เธอไม่รู้ว่าควรต้องทำยังไงดี คนใช้ก็เดินถือโทรศัพท์เข้ามา “คุณนาย คุณผู้ชายอยากคุยด้วยค่ะ”
หร่วนซิงหว่านรับมา จู่ๆก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง “ประธานโจว ฉัน.......”
เสียงเย็นชาไร้ความอบอุ่นของชายหนุ่มดังขึ้นมา “ไม่ต้องขนแล้ว”
“คุณชายใหญ่ให้คุณหร่วนออกแบบสร้อยคอให้นายหญิงเป็นของขวัญวันเกิด”
“เธอออกแบบแล้ว?”
“ครับ.........”
นิ้วมือของโจวฉือเซินเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ กระนั้นก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา
ผ่านไปสักพัก หลินหนานก็เอ่ยพูดหยั่งเชิงขึ้นมาว่า “ประธานโจว งานเลี้ยงวันเกิดของนายหญิงที่จะถึงนี้ ให้ผมหาคู่ควงให้ไหมครับ”
“ตามใจ”
พูดจบ โจวฉือเซินก็ก้มลงไปจัดการกับเอกสารต่อ
หลินหนานขานรับเสร็จก็เดินออกไป รู้สึกว่าตัวเองต้องแบกภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงเข้าให้แล้วสิ
ในเมื่อประธานโจวไม่ได้ปฏิเสธออกมาตรงๆ งั้นก็แปลว่าเขาตกลง
ซึ่งคำว่าตามใจที่ออกมาจากปากของเขา บ่งบอกชัดเจนว่าไม่ใช่ว่าจะทำตามใจยังไงก็ได้
ต้องหลอกล่อให้หร่วนซิงหว่านไปร่วมงานได้ยังไง ตอนนี้ถือเป็นโจทย์ปัญหาที่แก้ยากมากๆ
ช่วงบ่าย เป็นเวลาที่หลินหนานไม่อยู่ ตอนนี้เองก็มีโทรศัพท์จากพนักงานต้อนรับว่ามีนักออกแบบจากเซิ่งกวางต้องการพบประธานโจว
ก่อนหน้านี้หลินหนานเป็นคนรับผิดชอบติดต่อเรื่องของหร่วนซิงหว่านกับเซิ่งกวาง เพราะฉะนั้นผู้ช่วยคนอื่นๆจึงไม่รู้เรื่องอะไร จึงทำได้แค่ไปสอบถามที่ห้องประธาน
โจวฉือเซินวางปากกาในมือลง แล้วนวดหัวคิ้วพร้อมพูดว่า “ให้เธอขึ้นมา”
รู้ทั้งรู้ว่ามาแล้วจะแพ้ งั้นก็ช่วยไม่ได้แล้วกัน
สิบนาทีต่อมา เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
โจวฉือเซินส่งเสียงราบเรียบออกไป “เข้ามา”
ในตอนที่ประตูเปิดเข้ามา เขาไม่แม้แต่จะมองมาที่เธอ เหยียดกายลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งบนโซฟา จากนั้นก็ออกคำสั่งว่า “ไปเอากาแฟมาให้หน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว
เอาอีกแล้ว รวบรัดตัดจบในสามบทสุดท้าย ตัดทิ้งดื้อๆ ไม่เล่าว่าพี่กับพ่อพระเอกเป็นยังไง และตระกูลของหนิงหนิงเป็นไงกัน น้าชั่วของหนิงหนิงตายจริงไหม...