หลังจากเดินช้อปปิ้งเสร็จแล้ว หร่วนซิงหว่านก็ได้ตรงไปที่โจวซื่อกรุ๊ป
เมื่อเธอเดินไปถึงประตูห้องทำงานประธานก็พบเข้ากับหลินหนานที่ออกมาจากด้านในพอดี
หลินหนานปิดแฟ้มเอกสารลงแล้วเอ่ยทักทายว่า "สวัสดีครับคุณหร่วน"
หร่วนซิงหว่านตอบว่า "โจวฉือเซินยุ่งอยู่เหรอคะ?"
"ก็......ไม่ได้ยุ่งมากครับ เพียงแค่ผู้รับผิดชอบของบริษัทย่อยต่างๆ เข้ามารายงานผลเท่านั้น อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงก็คงเสร็จครับ"
หร่วนซิงหว่านพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้นฉันรอข้างนอกแล้วกันค่ะ"
หลินหนานพูดว่า "ผมจะพาคุณหร่วนไปที่ห้องรับรองครับ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันรู้ว่าไปทางไหน คุณจัดการธุระของตัวเองเถอะค่ะ ฉันไปเองได้"
ตอนนี้หลินหนานมีเรื่องต้องทำมากมายจริงๆ ดังนั้นเขาจึงรับคำแล้วรีบจากไป
หร่วนซิงหว่านนั่งอยู่ในห้องรับรอง ผ่านไปไม่นานผู้ช่วยคนหนึ่งก็ได้รินน้ำเข้ามาให้เธอ
ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ไฟทั้งสองข้างถนนประดับประดาค่ำคืนอันเงียบเหงาให้กลายเป็นชีวิตชีวาขึ้นมา
ดวงไฟเหล่านั้นเรียงร้อยกันเป็นสาย ส่องสว่างเป็นประกายแวววาว
หร่วนซิงหว่านรออยู่ประมาณสองชั่วโมง แต่ห้องรับรองก็ไม่มีทีท่าว่าใครจะผลักประตูเข้ามาสักคน
ดูเหมือนว่าโจวฉือเซินจะยังไม่เสร็จธุระของเขา
เธอก้มลงมองดูเวลา แล้วลุกขึ้นเดินไปทางห้องผู้ช่วย เอ่ยถามขึ้นว่า "ผู้รับผิดชอบบริษัทย่อยไปแล้วหรือยังคะ?"
ผู้ช่วยตอบว่า "เพิ่งจะเดินทางจากไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้เองคะ"
หร่วนซิงหว่านจึงยิ้มขึ้นแล้วตอบว่า "ขอบคุณค่ะ"
เธอยืนอยู่ที่ประตูห้องทำงานของประธาน หร่วนซิงหว่านยื่นมือออกไปเคาะประตูจากนั้นก็เปิดประตูเข้าไป
ภายในห้องทำงาน โจวฉือเซินยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เขากำลังโทรศัพท์อยู่ เมื่อหันมาเห็นเธอจึงได้ส่งสายตาเป็นความหมายว่าให้เธอรอก่อน
หร่วนซิงหว่านนั่งลงบนโซฟา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นเพื่อฆ่าเวลา
ผ่านไปไม่นาน โจวฉือเซินก็เดินมานั่งข้างกายเธอ เขายื่นมือมาโอบเอวของเธอเอาไว้แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า "คุณไปช้อปปิ้งไม่ใช่เหรอครับ?"
"ก็ฉันช้อปปิ้งเสร็จแล้วนี่คะ" หร่วนซิงหว่านพูดขึ้นว่า "คุณจะเสร็จธุระดึกมากมั้ยคะ"
โจวฉือเซินตอบว่า "จะให้เสร็จตอนนี้เลยก็ได้"
ไม่รอให้หร่วนซิงหว่านพูดอะไรออกมา เขาก็ใช้ศีรษะพิงไปที่บ่าของเธอ "เหนื่อยจัง"
หร่วนซิงหว่านพูดขึ้นว่า "ให้ฉันนวดให้ไหมคะ?"
"ไม่ต้องหรอกครับ ให้ผมกอดคุณอย่างนี้ก็พอแล้ว"
ทั้งสองนิ่งเงียบไปชั่วครู่ หร่วนซิงหว่านจึงได้พูดขึ้นว่า "เรื่องในวันนี้ฉันได้ยินมาหมดแล้วนะคะ โจวฉือเซิน......"
"ครับ?"
"เรื่องของโจงเสียน คุณอย่าไปสนใจเลย"
โจวฉือเซินเอียงศีรษะมองดูเธอ "หมายความว่ายังไงครับ?"
หร่วนซิงหว่านพูดขึ้นอย่างตั้งอกตั้งใจว่า "เรื่องนี้เดิมที่ก็เป็นเพียงแค่ปัญหาระหว่างฉันกับเธอ ให้ฉันจัดการก็พอแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้น คุณกับโจวจู้นเหนียนก็ไม่ต้อง......"
"คุณคิดอะไรอยู่?" โจวฉือเซินถามขึ้น "หร่วนซิงหว่าน นี่ไม่ใช่เป็นปัญหาส่วนตัวระหว่างคุณกับหล่อน การที่หล่อนเข้ามายุ่งกับคุณ นั่นก็เป็นเพราะหล่อนต้องการจัดการผม หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะผม"
"แต่ว่า......"
โจวฉือเซินรีบพูดขึ้นขัดเธอว่า "ไม่มีแต่ทั้งนั้น คุณจัดการเรื่องในสตูดิโอของคุณไปให้ดีก็พอ ไม่ต้องมาคิดเรื่องพวกนี้หรอก"
"กรรมการโจวพูดได้ถูกต้องแล้วละครับ เรื่องนี้ไม่คุ้มค่ากับเงินมากขนาดนี้หรอก แต่ถ้าผมจะบอกกับท่านว่านอกจากคนที่นายท่านต้องการหาตัวแล้ว ผมยังมีข่าวของคนอีกคนหนึ่งละครับ"
"ลองพูดมาสิ ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าใครกันที่มีค่าพอให้ฉันใช้เงินจำนวนมากขนาดนี้เพื่อซื้อข้อมูลของเขาได้"
จอนพูดว่า "คนที่มีค่ามากพอ แน่นอนว่าจะต้องเป็นว่าที่ทายาทผู้สืบทอดตระกูลโจวสิครับ"
ท่านใหญ่โจวขมวดคิ้วขึ้น "แกพูดเรื่องไร้สาระอะไร โจวฉือเซินหรือโจวจู้นเหนียน? ฉันจะต้องการข้อมูลของพวกเขาไปทำไม?"
จอนพูดว่า "แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งสองคนนี้ครับ แต่เป็นคนที่เล็กกว่านั้น เล็กมากเสียจนกรรมการโจวสามารถควบคุมได้ จะไม่เอ่ยขัดแย้ง และเป็นตัวหมากที่ไม่พลิกผันอย่างแน่นอน"
วินาทีนี้สีหน้าของท่านใหญ่โจวเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเล็กน้อยทีเดียว "ไหนลองว่าต่อไปซิ"
"ข่าวนี้ผมก็เพิ่งจะได้รับก่อนเดินทางมาถึงบ้านตระกูลโจว ต้องขอยอมรับว่าประธานโจวลำบากมากเลยทีเดียว ที่สามารถเก็บซ่อน ความลับใหญ่โตขนาดนี้ได้ต่อหน้าต่อตาท่าน ผมคิดว่าคงไม่มีใครเชื่อว่าในตอนนั้นคุณชายน้อยของตระกูลโจว ที่เดิมทีควรจะสิ้นใจตายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในครั้ง ตอนนี้กลับแข็งแรงดี และมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข อีกทั้งอยู่ในเมืองหนานเฉิงด้วย"
ท่านใหญ่โจวมองไปที่เขาด้วยสายตาเยือกเย็น "รู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?"
จอนยิ้มขึ้น "ผมเป็นนักธุรกิจนะครับ แน่นอนว่าต้องมีช่องทางของตนเอง เป็นยังไงล่ะครับ เรื่องนี้กรรมการโจวคิดว่ามีค่าพอไหม?"
ท่านใหญ่โจวไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาได้แต่หรี่ตาครุ่นคิด
ตอนนั้นที่หร่วนซิงหว่านเกิดอุบัติเหตุขึ้น เขาไม่ได้เห็นกับตาว่าเด็กคนนั้นตายแล้ว ที่จริงก็ใช่ว่าเขาจะไม่เคยคิดสงสัยมาก่อน
เพียงแต่เขาสืบหาข้อมูลอะไรไม่ได้เลย
คนของเขาก็คอยจับตามองดูหร่วนซิงหว่านตลอดเวลา และแน่ใจว่าข้างกายของเธอไม่เคยมีเด็กคนไหนปรากฏตัวขึ้นมาก่อน
ข่าวที่จอนนำมานี้ไม่ใช่ว่าเชื่อถือไม่ได้ แต่มันอันตรายเหลือเกิน
ตระกูลโจวที่เมืองหนานเฉิงมีรากฐานหยั่งลึกมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นอำนาจหรือตำแหน่ง แม้กระทั่งชื่อเสียงเงินทอง
แต่ว่า แม้แต่เขาก็ไม่อาจสืบข้อมูลใดพบ จอนเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่มีสัญชาติอังกฤษคนหนึ่ง และเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองหนานเฉิงเท่านั้น เขากลับได้ยินข่าวเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายไม่ต้องออกแรง
จะไม่ให้สงสัยถึงภูมิหลังของเขาและจุดประสงค์ได้อย่างไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว
เอาอีกแล้ว รวบรัดตัดจบในสามบทสุดท้าย ตัดทิ้งดื้อๆ ไม่เล่าว่าพี่กับพ่อพระเอกเป็นยังไง และตระกูลของหนิงหนิงเป็นไงกัน น้าชั่วของหนิงหนิงตายจริงไหม...