หร่วนซิงหว่านพูดขึ้น "ซานซาน......"
เพ้ยซานซานรู้ว่าเธออยากจะพูดอะไร ยิ้มแล้วก็พูดขัดขึ้นว่า "วางใจเถอะ ฉันคิดรอบคอบแล้ว และอีกอย่างการคบหาดูใจกัน ก็ไม่ได้เป็นการแต่งงานสักหน่อย ถ้ารู้สึกว่าไม่เหมาะสมกันเมื่อไหร่ แค่เลิกกันก็พอแล้ว ไม่ได้ทำให้ฉันเสียเวลาในการตามหาคนต่อไปเลยสักนิด"
พอได้ยินแบบนี้ หร่วนซิงหว่านเองก็ยิ้มขึ้นมา "ก็จริง ผู้ชายมีเป็นหมื่นเป็นพัน ถ้าไม่ไหวคนหนึ่งเราก็เปลี่ยนเลย"
"เอ่อ แบบนี้ซิถึงจะถูก ไม่แน่ฉันกับโจงเหวินป๋อคบกันไปคบกันมา แล้วต่างก็เกิดความรักขึ้นมา ก็อาจจะจัดงานแต่งขึ้นมาก่อนพวกเธอเลยก็ได้นะ" พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เพ้ยซานซานก็พูดขึ้นอีกว่า "อ๋อ ใช่แล้ว ฉันเกือบลืมไปเลย พวกเธอจะจัดงานแต่งกันเมื่อไหร่เหรอ ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้เคยเห็นเธอเคยคอนเฟิร์มรายละเอียดชุดแต่งงานแล้วนี่"
หร่วนซิงหว่านเดินไปข้างหน้าช้า ๆ แล้วค่อย ๆ พูดขึ้นอย่างช้า ๆ ว่า "ยังไม่รู้เลยมั้ง ช่วงนี้ก็ค่อนข้างยุ่ง รอผ่านไปสักช่วงค่อยว่ากันเถอะ"
"งั้นเธอก็ต้องจัดไว้ในหมายกำหนดการซิ ไหนเธอกะว่าจะมีลูกอีกคนไม่ใช่เหรอ? ถ้าเกิดท้องโตขึ้นมาตอนงานแต่ง ก็จะไม่สะดวกเอานะซิ ต้องทำให้คนเหนื่อยตายแน่"
หร่วนซิงหว่านรู้สึกว่าหล่อนพูดได้มีเหตุผล เพียงแต่ว่าเธอเพิ่งจะเริ่มกินยาปรับสภาพร่างกายตัวเอง จะสามารถตั้งท้องขึ้นมาได้เมื่อไหร่นั้นก็ยังไม่แน่นอนเลย
ส่วนทางด้านโจวฉือเซินดูไปแล้วก็มีแต่ยิ่งอยู่ยิ่งงานยุ่ง ไม่ว่าจะเป็นงานแต่ง หรือว่าตั้งท้อง คาดว่าคงจะต้องใช้เวลานานเลยล่ะ
หร่วนซิงหว่านพยักหน้าขึ้นมา "รู้แล้วล่ะ ฉันจะเก็บกลับไปคิดดูดี ๆ นะ"
ระหว่างที่พูด ก็มาถึงสำนักงานแล้ว
หร่วนซิงหว่านพูดกับเพ้ยซานซานขึ้นว่า "งั้นฉันเข้าไปวาดภาพก่อนนะ ถ้ามีเรื่องอะไรก็เรียกฉันนะ"
เพ้ยซานซานพูดขึ้น "ไปเถอะ ไปเถอะ ข้างนอกมีฉันอยู่ทั้งคน"
พอเข้ามาในห้องทำงานแล้ว หร่วนซิงหว่านก็มานั่งลงตรงหน้าโต๊ะวาดภาพ แล้วเปิดสมุดภาพสเกตช์ออก แล้วเปิดคอมพิวเตอร์และกระดานวาดภาพดิจิตอลขึ้นมา แล้วก็คัดลอกพวกภาพสเกตช์เข้าไปทีละรูปทีละรูป แล้วก็ค่อย ๆ ทำการแก้ไขในจุดที่ละเอียดอ่อนไป
ในตอนที่กินข้าวเที่ยงนั้น เพ้ยซานซานก็พูดกับหร่วนซิงหว่านขึ้นว่า เมื่อช่วงสายสวี่วานได้โทรศัพท์มาหาเธอแล้ว บอกว่าหล่อนได้ติดต่อคนได้แล้ว ช่วงบ่ายก็จะมาปรึกษารายละเอียดโดยรวมของด้านพรีเซนเตอร์และโฆษณากับพวกเธอเลย รวมทั้งควรจะดำเนินการยังไงด้วย
เพื่อไม่ให้หร่วนซิงหว่านเป็นกังวลใจ และจะได้สามารถออกแบบได้อย่างสบายใจ เพ้ยซานซานก็รั้งงานพวกนี้ไว้คนเดียวหมดเลย
เรื่องพรีเซ็นเตอร์เรื่องที่ใหญ่แบบนี้ รวมทั้งสถานะของสวี่วานก็มาวางอยู่ด้วย มีชื่อเสียงที่โด่งดังและเป็นที่นิยมระดับสูงอยู่ แล้วทางเรื่องการเป็นพรีเซนเตอร์ ก็มีหลายด้านที่เพ้ยซานซานไม่รู้เรื่อง ถ้าจะทำคนเดียวก็ต้องเหนื่อยมากพอสมควรเลย
เมื่อเป็นแบบนี้ หร่วนซิงหว่านก็นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา
และแล้วในช่วงตอนบ่าย เสิ่นจื่อซีก็เลยมาปรากฏตัวที่สำนักงานแล้ว
เสิ่นจื่อซีจ้องมองคนสองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างระมัดระวัง มือทั้งสองข้างปกป้องความบริสุทธิ์ของตัวเองเอาไว้ "พวกคุณอยากจะทำอะไร ผมเป็นคนที่ทำอาชีพสุจริตนะ ไม่ใช่พวกคนที่จะมาอะไรง่าย ๆ ได้นะ ถ้าพวกคุณอดทนกับใบหน้าที่หล่อเหลาของผมไม่ไหวจริง ๆ แล้วคาดหวังอะไรกับผมละก็ มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเจรจากันได้......"
หร่วนซิงหว่าน "......"
เพ้ยซานซาน "......"
เพ้ยซานซานมองไปที่หร่วนซิงหว่าน แล้วพูดขึ้นเสียงเบาว่า "นี่เขาเชื่อถือได้จริง ๆ เหรอ?"
มุมปากของหร่วนซิงหว่านกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย "น่าจะพอได้อยู่มั้ง ยังไงก็ดีกว่าไม่มีน่ะ"
เสิ่นจื่อซี "?"
เสิ่นจื่อซีพูดขึ้น "นี่คุณกำลังสงสัยความสามารถด้านไหนของผมอยู่? ต้องพูดให้ชัดเจนนะ ถ้าเกิดทำร้ายโดนเกียรติในความเป็นลูกผู้ชายของผมละก็ ผมไม่ยอมจริง ๆ ด้วยนะ!"
หร่วนซิงหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วมองไปที่เขาใหม่อีกครั้ง "ฉันอยากให้คุณช่วยเขียนสัญญาร่วมงานฉบับหนึ่ง รวมทั้งสัญญาหุ้นส่วนด้วย"
หร่วนซิงหว่านเอาเรื่องที่สวี่วานจะเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วน รวมทั้งเรื่องที่มาเป็นพรีเซนเตอร์ บอกให้เสิ่นจื่อซีฟังไปคร่าว ๆ รอบหนึ่ง
พอเขาฟังจบ ก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แล้วปรับท่านั่งเล็กน้อย "ไม่พูดมาตั้งแต่แรก ผมก็นึกว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรซะอีก อีกนิดเดียวผมก็จะกระโดดแม่น้ำเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์แล้วนะ เป็นเรื่องที่สามารถคุยกันผ่านโทรศัพท์ก็ได้ แต่กลับต้องให้ผมวิ่งมาหาเที่ยวหนึ่งด้วย ข้าวเย็นพวกคุณต้องรับผิดชอบเลยนะ"
"แน่นอน ว่าไม่ใช่แค่เรื่องนี้เท่านั้น"
แล้วเสิ่นจื่อซีก็หวาดระแวงขึ้นมาอีก "ยังมีเรื่องอะไรอีก?"
หร่วนซิงหว่านยิ้มอ่อน ๆ ขึ้นมาทีหนึ่ง อย่างดูเป็นมิตร "ฉันจำได้ว่าตอนที่คุณทำงานให้หลินซื่อนั้น โจวฉือเซินเคยจ่ายเงินให้คุณแล้วใช่ไหม แต่ว่าจริง ๆ แล้ว คุณกลับไม่ได้อยู่ที่นั่นเป็นเวลานานเท่าไหร่ ดังนั้น......"
เรื่องที่สวี่วานมาเป็นพรีเซนเตอร์ ก็ถือได้ว่าได้อยู่ในแผนการแล้ว
แต่ว่าความสามารถของเสิ่นจื่อซีนั้น ไม่เพียงแค่แสดงออกมาทางด้านข้อสัญญาที่วุ่นวาย แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพรีเซนเตอร์ทุกอย่าง เขาก็จัดการได้อย่างดีทุกอย่าง
พอนาน ๆ เข้า ก็เหมารวมเรื่องทุกเรื่องไปเลย
สมแล้วที่เป็นคุณชายลูกผู้ดี ที่ถ้าเป็นทนายที่ดีไม่ได้ ต่อไปก็ต้องกลับไปรับช่วงกิจการงานของตระกูลจริง ๆ
ในช่วงหลายวันต่อมา คำพูดที่หร่วนซิงหว่านได้ยินจากเสิ่นจื่อซีที่บ่อยที่สุดในทุกวันก็คือคำพูดประโยคที่ว่า "ทำไมผมยังไม่ตายอีก"
พอมีความช่วยเหลือจากเสิ่นจื่อซีแล้ว ทางเพ้ยซานซานก็คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว หาสถานที่ได้หลายแห่ง พอไปตรวจสอบแต่ละที่แล้ว สุดท้ายก็เลือกได้ในร่มที่หนึ่งกับกลางแจ้งที่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มสื่อสารกับทีมงานเรื่องจัดสถานที่และวันเวลาในการถ่ายภาพ......
ส่วนหร่วนซิงหว่านก็ถือโอกาสตอนที่โจวฉือเซินไม่อยู่ แอบดื่มยาและฉีดยาไป ถ้าเช้าวันไหนหาโอกาสไม่ได้จริง ๆ ก็จะเอายามาอุ่นที่สำนักงานแล้วค่อยดื่ม
พอถึงตอนที่ครบหนึ่งอาทิตย์ เจียงหยวนก็ส่งยาใหม่มาให้เธออีก
ไม่ว่ายาอันนี้ดื่มแล้วสุดท้ายจะสามารถตั้งท้องได้หรือเปล่า แต่ว่าช่วงนี้สภาพร่างกายของหร่วนซิงหว่านกลับดีขึ้นมาไม่น้อย ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่ายาออกฤทธิ์แล้ว หรือเป็นเพราะผลของการนอนเร็วตื่นเช้าหรือเปล่า
เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่ฉีดยาเสร็จ เธอก็จะมีช่วงเวลาหลายนาทีที่รู้สึกไม่สบาย
ความเจ็บปวดที่เหน็บหนาว ครั้งแล้วครั้งเล่า แทรกซึมเข้าไปในเส้นเลือดอย่างไม่มีสุ้มเสียง เกาะเกี่ยวกับเซลล์ทุกเซลล์เอาไว้ ในขณะที่ทำให้คนสั่นเทา แล้วก็เป็นชินชาที่เกิดขึ้นตามปกติ
ในตอนที่เปิดยาจีนและยาฉีดที่เจียงหยวนส่งมาให้นั้น จู่ ๆ หร่วนซิงหว่านก็รู้สึกมีความรู้สึกสะอิดสะเอียนเกิดขึ้นมา
โจวฉือเซินเดินเข้ามาจากห้องรับแขก พอเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ค่อยปกติ ก็เดินเข้าไปใกล้แล้วก็ถามขึ้นว่า "เป็นอะไรไป? ไม่สบายเหรอ?"
หร่วนซิงหว่านรีบปิดฝาลง "ไม่มีอะไรค่ะ น่าจะเป็นเพราะว่าวันนี้ทำงานนานไปหน่อย ก็เลยรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยค่ะ"
โจวฉือเซินมองไปที่กล่องโฟมที่อยู่ตรงหน้าเธอ "ข้างในนี้คืออะไร?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว
เอาอีกแล้ว รวบรัดตัดจบในสามบทสุดท้าย ตัดทิ้งดื้อๆ ไม่เล่าว่าพี่กับพ่อพระเอกเป็นยังไง และตระกูลของหนิงหนิงเป็นไงกัน น้าชั่วของหนิงหนิงตายจริงไหม...