สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน นิยาย บท 372

ตอนที่372สาวใช้ตัวแสบ276

“ได้ ขอบคุณนะ! ฉันจะรีบไป” ส้งหลิงหลิงเก็บของไปบางส่วน เมื่อคืนเธออยู่นอนในห้องเย่เชินหลิน อาจจะเป็นเพราะสาวใช้สองคนคิดความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเย่เชินหลินดีขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องเฝ้าเธอแน่นขนาดนั้น จึงทำให้เธอมีโอกาสเอามือถือที่เธอซ่อนไว้ยัดใส่เข้าไปในกระเป๋าเดินทางที่ติดตัวเธอไว้ได้

เมื่อเธอออกมา สาวใช้สองคนก็เดินตามเธอไป เดินไปถึงระเบียงทางเดิน เย่เชินหลินกำลังจะออกไปทานข้าวเช้า

“เชินหลิน ฉันไปแล้วนะ” เธอพูดเสียงต่ำอีกรอบหนึ่ง เลียนแบบท่าทางของเซี่ยชีหรั่นอย่างไม่รู้ตัวไปซะแล้ว

“รอแปบนึง” ท่าทางของเธอจู่ๆ ก็ทำให้เย่เชินหลินนึกถึงเซี่ยชีหรั่น หลังจากที่เธออยู่กับเขาทุกครั้ง ก็จะดื่มยาคุมกำเนิดหนึ่งถ้วย

ไม่ได้ขึ้นเตียงกับเธอนานเกินไป ในใจของเขาก็คิดแต่เรื่องของผู้หญิงคนนั้น เกือบลืมเรื่องนี้ของส้งหลิงหลิงไปเลย

“พ่อบ้าน แกไปบอกคุณหมอห่าวให้เตรียมยาคุมกำเนิดหนึ่งชุดให้คุณส้ง ให้เธอดื่มก่อนแล้วค่อยไป!” คำพูดของเย่เชินหลินไร้ความรู้สึกเลยจริงๆ

เขายอมปล่อยให้เธอรู้สึกว่าเขาใจร้าย ก็ไม่อยากให้ผู้หญิงไม่ว่าคนไหนมีลูกให้เขาในสถานการณ์ที่ยังไม่ได้เตรียมพร้อม

น้ำตาของส้งหลิงหลิงไหลเทลงมา เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้อย่างกะทันหัน ยังดีที่เธอจัดการคุณหมอห่าวเรียบร้อยก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นประโยคเดียวของเขาก็ทำให้เธอหมดโอกาสแล้วจริงๆ

ดวงตาคู่แดงของเธอมองเย่เชินหลินอยู่ เนิ่นนานกว่าจะพูดออกมา: “ก็แค่ยาคุมกำเนิดไม่ใช่เหรอ มีเต็มทั้งถนนเลย ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณหมอห่าวแล้วไหม หรือว่าฉันไปซื้อเองคุณไม่เชื่อ”

เย่เชินหลินยังคงเฉยชา พูดเรียบๆ ว่า: “ก็ไม่เชิงไม่เชื่อ ยาคุมกำเนิดของที่นี่เป็นยาจีน ไม่ทำร้ายร่างกาย”

“ได้!” ส้งหลิงหลิงยิ้มอย่างอ้างว้างและพูดว่า: “ถ้าเป็นแบบนี้แล้วฉันจะไปกับพ่อบ้านเอง ถ้าหากว่าคุณไม่เชื่อ ก็ไปเฝ้าฉันด้วยก็ได้ ฉันจะดื่มลงไปต่อหน้าทุกคนแน่นอน!”

“ไปเลย!” เย่เชินหลินโบกมือ ยังคงไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา

เย่เชินหลินปรากฏตัวอยู่ในห้องทานข้าว ห้องทานข้าวหลักวิเวกวังเวง มีแค่ฟางลี่น่าคนเดียวนั่งอยู่ตรงนั้น

เขากวาดสายตาไปที่ที่นั่งว่างนั้นซึ่งเป็นของเซี่ยชีหรั่นอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

ฟางลี่น่ามองดูแล้ว วันนี้ส้งหลิงหลิงไม่อยู่ เซี่ยชีหรั่นก็ไม่ได้มา เธอสามารถทานข้าวเช้ากับคุณเจ้าชายสองต่อสองได้เป็นเรื่องที่ดีงามมากจริงๆ เธอแอบเดาว่าช่วงนี้เขาไม่ชอบผู้หญิงสองคนนั้นแล้วใช่ไหม คราวนี้ควรจะเป็นบทของเธอฟางลี่น่าแล้วไหมหนอ

เธอลุกขึ้นยกจานเดินไปถึงที่นั่งที่เซี่ยชีหรั่นนั่งเป็นประจำและยิ้มพูดว่า: “คุณเจ้าชายคะ! อรุณสวัสดิ์ค่ะ! วันนี้มีแค่เราสองคน ฉันนั่งข้างๆ คุณนะ จะได้สะดวกดูแลคุณกินข้าว”

เย่เชินหลินขมวดคิ้วเข้ม มองเธอแวบหนึ่งอย่างหมดความอดทนแล้ว เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา: “ไปให้พ้นเลย! ถ้ายอมเป็นสาวใช้ต่อก็อยู่ที่นี่เป็นสาวใช้ต่อ ถ้าไม่ยอมก็รีบเก็บของออกไปเลย!”

“ฉัน…” ฟางลี่น่าเพิ่งพูดคำว่าฉันคำเดียวออก น้ำตาก็รินไหนลงมาอย่างน่าสงสาร

สองวันนี้เขาเห็นน้ำตามามากเกินไปแล้ว รู้สึกน่ารำคาญมากเลยจริงๆ

เขามองแรงไปที่ฟางลี่น่าแวบหนึ่ง แต่น้ำเสียงก็ยิ่งเข้มเข้าไปอีก: “ถ้ายังร้องไห้อีกก็ออกไปเลย!”

ฟางลี่น่าหยุดน้ำตาทันที พูดขอโทษออกไปหลายคำต่อๆ กัน วางข้าวเช้าลงและหนีออกจากห้องทานข้าว

เขากวาดสายตามองไปที่ที่นั่งของเซี่ยชีหรั่นอีกครั้ง เขวี้ยงมีดและส้อมที่อยู่ในมือตัวเองสุดแรง ไม่ได้กินอะไรเลย หันหลังก็เดินออกไป

“หรั่นหรั่น! ยังไงเธอทานสักนิดหนึ่งก็ยังดี อย่าลำบากตัวเองแบบนี้สิ มันไม่มีความหมายเลยนะ” จิ่วจิ่วอยู่ในห้องนอนของเซี่ยชีหรั่นพยายามหาวิธีพูดให้เธอไปทานข้าว

เซี่ยชีหรั่นเพิ่งอาบน้ำเรียบร้อย ไม่มีความอยากอาหารสักนิดเลยจริงๆ

“ไปเหอะ ไปทานข้าวเช้านะ” เธอไม่ได้เห็นส้งหลิงหลิงออกไป ก็ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคนด้วย เธอไม่อยากจะสมใจส้งหลิงหลิง

เธอก็ไม่อยากให้เย่เชินหลินคิดว่าเธอตั้งใจจะให้เขาเอ็นดู ยังไงในใจของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำก็เป็นการจงใจและมีแบบแผนอยู่แล้ว เธอก็อยู่ที่นี่เฉยๆ ใช้ชีวิตไปตามปกติ ทำเหมือนไม่เรื่องมีอะไรเกิดขึ้นเลยยังจะดีกว่าซะอีก

เมื่อเซี่ยชีหรั่นกำลังจะลุกขึ้นออกไปข้างนอก อยู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออกจากข้างนอกแรงๆ เย่เชินหลินทำหน้ามืดมนยืนอยู่ตรงประตู

จิ่วจิ่วเห็นเข้าจู่ๆ ก็รู้สึกน่ากลัวนิดหน่อย กลัวว่าเขาจะหาเรื่องเซี่ยชีหรั่นอีกก็รีบบังเธอไว้ข้างหลัง

“ไม่เป็นไร เธอออกไปก่อนเลย” เซี่ยชีหรั่นบอกให้จิ่วจิ่ว เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเย่เชินหลินจะทำอะไร แต่เธอไม่อยากให้จิ่วจิ่วต้องโดนไปด้วย

“เธอคิดว่าเธอมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายร่างกายตัวเอง อย่าลืมล่ะ เธอเป็นของฉัน! ถ้าเธอกล้าไปทำอะไรให้ร่างกายตัวเองเสียหาย ก็คือทำผิดสัญญา รีบไปทานข้าวเดี๋ยวนี้เลย! ฉันจะเฝ้าเธอเอง!”

คำพูดเหล่านี้ของเย่เชินหลิน ทำเอาจิ่วจิ่วหัวเราะออกอย่างไหวหน้า

ตอนแรกบรรยากาศในที่นี้เคร่งเครียดมาก ถูกเธอหัวเราะออกแบบนี้ทีกลับทำให้รู้สึกแปลกๆ

แต่เซี่ยชีหรั่นหัวเราะไม่ออกเลย พอเธอนึกถึงภาพที่เขาขึ้นเตียงกับผู้หญิงคนอื่นทีไร ก็รู้สึกว่าถึงแม้ตอนนี้เขาจะเป็นห่วงเธออยู่ แต่เธอก็ดีใจไม่ขึ้นอยู่ดี

“ฉันรู้แล้วค่ะ คุณเย่ ฉันจะรีบไปกิน ไม่รบกวนคุณไปเฝ้าเอง”

คิ้วของเย่เชินหลินดิ้นเล็กน้อย ไม่พูดอะไรออกสักคำก็หันหลังเดินออกไป

หรือว่าเย่จื่อห้านจะกลับบ้านแล้ว เย่เชินหลินไม่ทันเปลี่ยนรองเท้าแตะก็เดินก้าวยาวเข้าไปข้างใน

คนไม่ได้อยู่ในห้องรับแขก เสียงของคุณแม่ดังมาจากห้องนอนของเธอ

“คุณแม่! ผมกลับมาแล้ว!” เย่เชินหลินพูดไปและเดินเข้าไปในห้องนอนของคุณแม่ จากนั้นก็สังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบห้า ยี่สิบหกนั่งอยู่บนเตียงของคุณแม่

ฝู้เฟิ่งหยีกำลังกุมมือของเขาร้องไห้อยู่ เย่เชินหลินอึ้งไปสักพัก

“หลินเอ๋อร์ รีบมาตรงนี้! ฉันจะบอกแกนะ เขาคือน้องชายของแก เขาก็คือน้องชายของแก เย่จื่อห้านไง! ในที่สุดแม่ก็หาเขาเจอแล้ว!”

“คุณก็คือพี่ชายของผม?” ชายหนุ่มลุกขึ้นกวาดสายตามองเย่เชินหลินตั้งแต่หัวจรดเท้า

นึกไม่ถึงเลยว่าพี่ชายของเขาจะเป็นคนที่มีเสน่ห์และล้ำเลิศแบบนี้ เขาเองก็ถือว่าหล่ออยู่แล้ว แต่พออยู่หน้าพี่ชายเขาแล้วเขาก็กลายเป็นคนธรรมดาไปเลย

“แม่? ท่านหาเจอเขาที่ไหนเหรอ” เย่เชินหลินไม่ได้มีความปีติยินดีเท่าฝู้เฟิ่งหยีอย่างนั้น

ถึงแม้เขาก็อยากจะปีติยินดีมาก แต่เขาก็ดีใจไม่ขึ้นอยู่ดี ถึงแม้ว่าเขาไม่เชื่อคำพูดของเซี่ยชีหรั่น แต่พอมีผู้ชายแบบนี้คนหนึ่งโผล่ออกมายืนอยู่ตรงข้างหน้าเขา เขากลับรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นน้องชายของเขาแน่นอน

“ก็บนเว็บไซด์ค้นหาญาติไง อ๊าย แกอย่าถามละ ไม่มีผิดหรอก เด็กคนนี้ก็คือเย่จื่อห้านของฉัน แกดูสิ ดูจมูกและตาของเขา เหมือนฉันไหมอ่ะ” ฝู้เฟิ่งหยีหยุดน้ำตาไว้ ดูออกว่าเย่เชินหลินมีความสงสัย รีบดึงมือของเขามาและชี้ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นให้เย่เชินหลินดู

“แม่! เรื่องนี้เราควรจะรอบคอบหน่อยไหม” เย่เชินหลินถามเสียงเบา

ตอนแรกผู้ชายคนนั้นก็ยิ้มอยู่ พอเห็นเย่เชินหลินพูดแบบนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็หายไปแล้ว

เขาหัวเราะออกด้วยความประชด พูดกับเขาว่า: “ผมเข้าใจแล้ว คุณไม่เชื่อว่าผมเป็นคนตระกูลเย่น่ะสิ ฐานะของครอบครัวพวกคุณนั้นสูง คิดว่าผมอยากจะมาเกาะที่นี่ใช่ไหมล่ะ จะบอกคุณนะ ผมไม่แคร์เงินทองอำนาจพวกนั้นหรอก ถ้าคุณไม่เชื่อผม ผมไปตอนนี้เลยก็ได้ หาครอบครัวของตัวเองไม่เจอ ผมก็อยู่เองแบบนี้มาตั้งหลายปีอยู่แล้ว!”

“อย่าไปนะ! ลูก เธออย่าไปเลยนะ กว่าแม่จะหาลูกเจอมันยากมากเลยนะ” ฝู้เฟิ่งหยีดึงมือของผู้ชายคนนั้นไว้ แทบจะเป็นขอร้องเขาแล้ว

เห็นสีหน้าของเขาดูไม่ดี ฝู้เฟิ่งหยีตะคอกใส่เย่เชินหลิน: “แกหมายความว่าไง ขอโทษให้กับน้องชายแกเดี๋ยวนี้เลย! ลูกอยู่ข้างนอกตั้งหลายปีแล้ว ลำบากแค่ไหน แกมีสิทธิ์อะไรมาสงสัยเขา ฉันบอกว่าใช่ก็คือใช่ แกมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าไม่ใช่”

เย่เชินหลินยังคงทำหน้านิ่งเฉยอยู่ มองไปที่ผู้ชายซึ่งถูกคุณแม่เขาบอกว่าเป็นน้องชายของเขา เขาดูไม่ออกเลยว่าหน้าตาของผู้ชายคนนั้นเหมือนส่วนไหนของใบหน้าคุณแม่ แต่คนที่อยู่ๆ ก็โผล่ออกมาคนนี้ จะไม่ให้เขาสงสัยก็เป็นไปไม่ได้แน่นอน

เขาก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจของคุณแม่เหมือนกัน ก็เลยยิ้มอ่อนๆ และพูดว่า: “ผมเคยบอกเหรอว่าไม่ใช่ ผมก็แค่บอกให้แม่รอบคอบหน่อยแค่นั้นเอง ดูแม่สิ อารมณ์ขึ้นขนาดนี้ ไม่มีคนแย่งลูกชายของแม่ไปหรอก ของแม่ก็คือของแม่ ถึงไม่ใช่ของแม่ แม่อยากได้ก็จะเป็นของแม่ ได้แล้ว พวกเรามานั่งลงคุยนะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน