บทที่ 52 จำเป็นต้องรับเป็นน้องสาวของฉัน
ยิ่งเห็นฝู้เฟิ่งหยีโกรธมากขึ้นพ่อบ้านก็ยิ่งได้โอกาสราดน้ำมันลงในกองไฟ "กระผมคิดว่าถ้าคุณเย่จะรู้สึกชื่นชอบสาวใช้นั้นมันเป็นเรื่องปกติสำหรับของผู้ชายทั่วไป แต่มันสำคัญอยู่ที่ว่าคุณเย่ทำเช่นนี้ จะทำให้คุณหนูส้งรู้สึกอึดอัดได้ ท่านลองคิดดู คุณหนูส้งเป็นถึงลูกสาวของท่านประธานใหญ่ และดูสูงศักดิ์มากนะครับ "
ฟู่เฟิ่งอี๋ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนจริง ๆ เธอต้องการให้พ่อบ้านไปตามเย่เชินหลินมาพบที่นี่ อยากจะสั่งสอนเขาต่อหน้าสักหน่อย และให้เขาขับไล่เซี่ยชีหรั่นออกไปซ่ะ
แต่ในทันใดเธอก็บังคับจิตใจตัวเองให้เย็นลงได้อีกครั้ง เหมือนกับว่าลูกชายของเธอเคยพูดว่าเธอเป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะแล้ว ไม่ควรหุนหันพลันแล่นเกินไป
อย่าเพียงแค่เห็นความกตัญญูกตเวทีของเขาที่มีต่อแม่ของเขามาก เพราะในความเป็นจริงเขาเป็นคนที่มีอุดมการณ์ที่แน่วแน่และหัวแข็งมาก และเป็นเรื่องยากที่ใครหน้าไหนจะไปเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ยิ่งกว่านั้นดูจากสิ่งที่เขากระทำต่อผู้หญิงคนนั้นในตอนนี้นั้น เขายังอยู่ในช่วงเวลาที่เขาลุ่มหลงที่สุด การจัดการโดยใช้อารมณ์ในตอนนี้นั้นมีจะมีแต่ผลเสียย้อนกลับมาเปล่าๆ และจากบทเรียนที่ผ่านมานั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เธอสงบสติอารมณ์ลงได้
เธอไตร่ตรองอย่างหนักอยู่ครู่หนึ่งและพูดเบา ๆ ว่า "เรื่องที่คุณพูดมาฉันเข้าใจล่ะ ต้องรบกวนคุณช่วยฉันอีกสักอย่าง หลิงหลิงเพิ่งจะมา คุณช่วยให้ความดูแลเธอให้ดีที่สุด อย่าให้เธอต้องรู้สึกขาดตกบกพร่องอะไร คุณไม่สนใจฉันแล้วล่ะ ตอนนี้คุณไปดูเธอสักหน่อยและดูว่าเธอต้องการอะไรไหม "
"รับทราบครับนายหญิง!"
แม้ว่าพ่อบ้านจะเป็นกังวลใจอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ค่อยๆตระหนักได้ว่า เธอนั้นรักลูกชายของเธอมาก คงจะไม่ตามสืบดูเขาโดยเปิดเผยเกินไปแน่
ในช่วงเวลานี้เขาคงทำได้เพียงกินลมชมวิวอดทนรออยู่ใกล้ๆเธอ โดยไม่เชื่อว่าเธอจะอดทนได้ดีขนาดนั้น
พ่อบ้านมาถึงประตู ฝู้เฟิ่งหยีเรียกให้เขาหยุดอีกครั้ง และบอกเขาว่า "เกี่ยวกับเมื่อคืนที่ผ่านมานั้นไม่ต้องบอกให้หลิงหลิงรู้ อย่าไปเพิ่มเรื่องวุ่นวายให้เธอเลย"
"ครับนายหญิง กระผมเข้าใจล่ะครับ"
พ่อบ้านเดินไปที่ประตูห้องพักแขกด้านตะวันออกสุดของบ้าน และยกมือขึ้นกำลังจะเคาะประตูทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของหลิงหลิงและผู้ช่วยของเธอสนทนากันอยู่ในห้อง
“พี่หลิงหลิงค่ะ เมื่อคืนนี้พี่กับคุณเย่ได้มี....... "
เพื่อให้ผู้คนรู้สึกว่าเธอเข้าถึงได้ง่าย ส้งหลิงหลิงจะอนุญาตให้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเธอนั้นเรียกชื่อจริงเธอได้ ส่วนผู้ช่วยของเธอนั้นอายุน้อยกว่าเธอเล็กน้อย ก็เลยเรียกเธอว่าพี่หลิงหลิง
ส้งหลิงหลิงหน้าแดง พูดอย่างเย่อหยิ่งว่า "ยัยเด็กเมื่อวานซืนทำไมอะไรๆก็ต้องถามไปหมด" แหมๆ พี่หลิงหลิงก็ พูดแบบนี้งั้นก็แสดงว่าพวกคุณเมื่อคืนนี้...... ฮ่าๆๆๆ ดูเหมือนว่าหนูคงจะหูฝาดไปเอง หนูคิดว่าคุณเย่ออกไปข้างนอกเสียอีกเมื่อคืนนี้"
“ จริงเหรอ!! เธอได้ยินเขาออกไปข้างนอกงั้นเหรอ..” ใบหน้าของส้งหลิงหลิงเริ่มดูเคร่งเครียดขึ้นมาแวบหนึ่ง
พื้นที่ของบ้านหลังใหญ่ทั้งหมดนั้นกว้างขวางมาก และเธอก็พักอยู่ในห้องด้านในสุด ทำให้ไม่ได้ยินอะไรที่เกิดขึ้นข้างนอกนั่นเลย
“ ดูเหมือนว่าจะใช่นะค่ะพี่หลิงหลิง หนูเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ พี่คิดเสียว่าหนูไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกันนะค่ะ” ผู้ช่วยเซียวเสี่ยวลี่รีบพูด แต่กลับได้ยินเสียงถอนหายใจมาจากส้งหลิงหลิง
"เห้อออ! ฉันไม่รู้ว่าเวลาดึกขนาดนั้นเขาจะออกไปไหนกัน"
พ่อบ้านเอื้อมมือไปเคาะประตู คิดในใจว่าเวลานี้ไม่มีใครทำไรเซี่ยชีหรั่นได้ แต่ผู้หญิงคนที่อยู่ในห้องนี่สิคือคำตอบ ฟังจากเสียงการถอนหายใจของเธอแล้วก็รู้ทันทีว่ามีทั้งความอิจฉาริษยา
ไม่มีอะไรที่จะน่ากลัวไปกว่าความริษยาของเพศหญิง รอก่อนนะเซี่ยชีหรั่น รอให้เธอผู้นี้มากำจัดเธอสักวัน
"เข้ามา!" เสียงของส้งหลิงหลิงยังตอบมาอย่างอ่อนหวานเหมือนเดิม
เมื่อพ่อบ้านเดินผ่านประตูเข้ามา เขาก็พูดอย่างเคารพว่า "อรุณสวัสดิ์ครับ, คุณหนูส้ง, นายหญิงใช้ให้กระผมดูว่าคุณมีอะไรจะให้กระผมรับใช้บ้าง โปรดรับสั่งมาได้เลยครับ"
"ต้องรบกวนคุณอีกแล้วค่ะ คุณไปดูแลรับใช้คนอื่นดีกว่าค่ะ เมื่อก่อนปฏิบัติอย่างไรก็อย่างงั้นเถอะค่ะคุณมาดูแลมาฉันเป็นพิเศษแบบนี้ ทำให้ฉันรู้สึกเกรงใจมากเลยค่ะ"
แม้ว่าเธอจะบอกออกไปว่าเธอไม่ต้องการ พ่อบ้านก็ยังเดินเข้าไปหาเธอ ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณหนูส้งนี่ช่างเป็นคนที่เข้าใจอะไรดีเสียจริง ๆ ถ้าทุกคนเป็นคนดีเหมือนคุณมันคงจะดีไม่น้อย"
ทันทีที่ส้งหลิงหลิงได้ยิน คำพูดของเขามันมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่ในนั้น เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วถามเขาว่า "ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นละค่ะ"
พ่อบ้านจ้องมองไปยังเซี่ยวเสี่ยวลี่ ส้งหลิงหลิงเข้าใจในทันทีและพูดกับเขาว่า "ไม่ว่าคุณจะพูดอะไรก็พูดออกมาได้เลย เสี่ยวลี่ก็เป็นเหมือนน้องสาวของฉันคนหนึ่งไม่ใช่คนนอก"
พ่อบ้านสังเกตลักษณะท่าทางของส้งหลิงหลิงก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า "กระผมไม่อยากพูดแบบนี้เลยจริงๆ เพราะนายหญิงของผมได้สั่งไว้ว่าไม่ให้กระผมบอกใคร โดยเฉพาะคุณ แต่กระผมเห็นว่าคุณเป็นคนดีมากเหลือเกิน เลยไม่สามารถทนไม่บอกคุณได้จริง ๆ
ท่าทีของส้งหลิงหลิงดูเปลี่ยนไปดูเคร่งเครียดขึ้น และเธอลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะแต่งตัว แล้วพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า "ขอบคุณคุณมากค่ะ ถ้าหากว่าคุณคิดสะดวกที่จะบอกให้ฉันรู้ก็บอกมาได้เลยค่ะ แต่ถ้าคุณไม่สะดวกละก็ ฉันก็คงต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ ไม่ว่าคุณจะพูดอะไรออกมาก็ตาม ฉันรับรองว่าเสี่ยวลี่และฉันจะไม่พูดในสิ่งที่คุณบอกออกไปให้ใครรู้เลยแม้แต่คำเดียว "
"ครับ อย่างงั้นก็ดีครับ" พ่อบ้านตอบ ช่างเข้าทางเขาพอดี
คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับคุณหนูส้ง เมื่อคืนที่ผ่านมาเซี่ยชีหรั่น บางทีคุณอาจจำไม่ได้ หล่อนที่เป็นแม่บ้านที่ส่งแหวนหมั้นให้คุณและคุณเย่เมื่อวานนี้คนนั้นนะครับ เธอมีไข้แล้วคุณเย่พาฉันกับหมอไปพบเธอกลางดึก และเขาได้นั่งเฝ้าที่ข้างเตียงของเธอทั้งคืน แล้วเซี่ยชีหรั่นได้จับเอามือของเขาเข้ามากัด เขาก็ไม่โกรธหล่อนเลยแม้แต่น้อย เพื่อหล่อน คุณเย่ได้อารมณ์เสียต่อหมอกับกระผมเอง และหญิงสาวใช้คนอื่น ๆ ก็พลอยโดนกันถ้วนหน้า และสาวใช้คนที่นำเต้นรำในคืนนั้นก็โดนเขาไล่ออกไปโดยทันที "
ส้งหลิงหลิงต้องการฟังสิ่งนี้ด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านี้แล้วทำให้เธอไม่สามารถสงบลงได้เลย
หลังจากเขาพูดเสร็จเธอพยายามฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วพูดกับพ่อบ้านว่า "ขอบคุณมากที่บอกเรื่องนี้กับฉัน ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม ตราบใดที่เขาทำแล้วมีความสุขฉันก็ยินดี"
"ครับ กระผมรู้ว่าคุณหนูส้งเป็นคนมีคุณธรรมและมีน้ำใจ เห้อ กระผมหวังว่าเซี่ยชีหรั่นคงจะมีความรู้สำนึกในตัวเองสักนิดก็ยังดี ถ้าหากคุณหนูส้งต้องการความช่วยเหลืออะไรจากกระผมได้โปรดบอกกระผมได้ตลอดเวลาครับ"
"อืม เธอสองคนพยายามเข้าหากันให้ดีๆ ฉันจะกลับไปวันนี้แล้ว เมื่อพ่อของเย่เชินหลินเขากลับมาจากปักกิ่ง เราพร้อมที่จะไปสู่ขอให้ถูกต้องตามประเพณีทันที"
ใบหน้าของส้งหลิงหลิงแดงขึ้นด้วยความเขินอาย และรีบพูดขึ้นว่า "คุณป้าค่ะ เมื่อคืนหนูได้คุยกับคุณป้า และเรียนรู้อะไรมากมาย หนูยังไม่ได้คุยถึงเรื่องที่หนูชื่นชอบเลย ดังนั้นคุณป้าควรจะอยู่ให้นานขึ้นสักหน่อยไม่ได้หรือค่ะคุณป้า"
เย่เชินหลินพูดขอขึ้นว่า“ ใช่ครับ คุณแม่กลับไปก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องทำ กลับไปก็ไปอยู่แค่บ้านกับนางพยาบาลกันสองคนตามลำพัง อยู่ที่นี่คึกคักมากคนมากมาย และที่นี่อากาศก็ดีกว่าเขตในเมืองอีกครับ”
ฝู้เฟิ่งหยีส่ายหัวแล้วพูดว่า "ไม่หรอก ช่วงนี้พ่อของเธอกลับมากินข้าวที่บ้านบ่อย ๆ ฉันไม่อยู่ไม่ได้
“เชินหลิน ถ้าลูกปล่อยให้หลิงหลิงโดนรังแกละก็ แม่จะไม่ปล่อยลูกไปแน่” เธอพูดกับเย่เชินหลินอย่างจริงจัง
"ไม่มีทางครับ"
หลังจากได้ยินคำตอบจากปากของลูกชายของเธอฝู้เฟิ่งหยีก็รู้สึกโล่งอก และเพื่อเอาใจส้งหลิงหลิงเธอตบเบา ๆ ที่มือเล็กๆของเธออีกครั้ง และพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเอ็นดูว่า "หลิงหลิงหนูเป็นลูกสะใภ้ที่ตระกูลเย่ของเราได้เลือกไว้ดีแล้ว พวกเราตระกูลเย่พูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้นเสมอ ถ้าเขาทำให้หนูโกรธอีกละก็ หนูสามารถฟ้องกับฉันได้เลย และฉันจะช่วยเหลือหนูเอง"
ได้ฟังคำพูดของฝู้เฟิ่งหยียิ่งทำให้ส้งหลิงหลิงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย ตราบใดที่เธอถูกระบุไว้แล้วว่าเธอจะได้แต่งงานกับเขาอย่างนี้ก็ดี ตราบใดที่ไม่รีบร้อนเรื่องที่จะพิชิตให้หัวใจของเขานั้น เธอยังมีเวลาเหลืออีกทั้งชีวิต
หลังรับประทานอาหารเสร็จ เย่เชินหลินอาสาว่าเขาจะไปส่งคุณแม่ของเขากลับไปในเมืองด้วยตัวเอง ส้งหลิงหลิงจะตามไปส่งด้วย แต่สองแม่ลูกแนะนำว่าอยากให้เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้านดีกว่า
หลังจากที่พวกเขาออกไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมงส้งหลิงหลิงก็ได้สั่งพ่อบ้าน "เซี่ยชีหรั่นอยู่ที่ไหนพาฉันไปดูหน่อยสิ"
“ได้ครับ!” ขณะที่พ่อบ้านตอบรับ ในใจเขารู้สึกตื่นเต้นในใจเล็กน้อย และรีบเดินนำทางไปทันที
เมื่อส้งหลิงหลิงและเซียวเสี่ยวลี่ไปถึง เซี่ยชีหรั่นก็กลับมามีไข้อีกครั้ง
การมาถึงของเธอทำให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกประหลาดใจ
เธอกับหลิวเสี่ยวเจียวและจิ่วจิ่วกล่าวทักทายส้งหลิงหลิงขึ้นอย่างพร้อมเพรียง "สวัสดีค่ะคุณหนูส้ง!"
"พวกเธอไม่ต้องเกรงอกเกรงใจขนาดนี้ก็ได้ นี่มันในบ้านของพวกเธอเองนะค่ะ ไม่ต้องมีกฎอะไรมากมายหรอกค่ะ คุณพ่อบ้านค่ะ ทีหลังไม่ต้องให้พวกเขาถึงกับกล่าวทักทายฉันแบบนี้ก็ได้ค่ะ ฉันยังไม่คู่ควรกับอะไรแบบนี้"
เซี่ยชีหรั่นพยายามจะลุกขึ้นนั่งส้งหลิงหลิงยิ้มอย่างเป็นกันเอง และประคองเธอให้กลับไปนอนลงที่เตียงตามเดิม
"คุณกำลังป่วยอยู่น่ะ คุณจะลุกขึ้นมาทำไมล่ะ นอนลงไปเถอะค่ะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน
พิมพ์คำหรือประโยคตกไปเยอะคะ อ่านแล้วงงคะ ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านนะคะ...