สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 138

บทที่ 138 ร้านค้าถูกทุบทำลาย

บทที่ 138 ร้านค้าถูกทุบทำลาย

มู่ซืออวี่มาถึงประตูร้านก็เห็นว่ามีผู้คนมากมายล้อมอยู่รอบ ๆ นางจึงตะโกนทันที “เฟิงเจิง!”

เมื่อเฟิงเจิงได้ยินเสียงนั้น ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล “เจ้ามาสักที”

“เหตุใดจึงมีคนมากมายเช่นนี้?” มู่ซืออวี่ลงจากรถม้าพลางโยนเชือกรถม้าไปยังเฟิงเจิง

เฟิงเจิงรับไว้พลางกล่าวว่า “รุ่งสางของวันนี้มีคนมาเคาะประตู ต้าชุนคิดว่าเป็นคุณหนูเจิ้งก็เลยเปิดประตูให้ แต่คนเหล่านั้นพอเข้ามาก็ทุบข้าวของทั้งหมดจนพังระเนระนาด”

“ส่งคนไปแจ้งคุณหนูเจิ้งแล้วหรือยัง?”

“ยังเลย” เฟิงเจิ้งกล่าว “เราไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร”

“เจ้าไปยังจวนตระกูลเจิ้งแล้วบอกว่ามาพบคุณหนูรอง อย่าบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผู้ใด หากไม่พบคุณหนูเจิ้งก็ไปหอหลิงอวิ๋น ตามหาแม่นางชิวซวง”

หลังจากที่เฟิงเจิงออกไป มู่ซืออวี่ก็เบียดเสียดผู้คนเข้าไปในร้าน

ทุกอย่างในร้านยุ่งเหยิงมาก ทั้งหมดที่ดำเนินมาตลอดสองสามวันล้วนพังทลาย

ผมเผ้าของพวกคนงานต่างกระเซอะกระเซิง เนื้อตัวสกปรก อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บ

“น้องสะใภ้”

“พวกเขาทุบตีพวกเจ้าหรือ?” มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว

“เราเข้าไปหยุดพวกเขาเลยโดนทุบตีน่ะ”

“ครั้งหน้าหากเจอสถานการณ์เช่นนี้อย่าเข้าไปดีกว่า หากสู้ไม่ได้ก็อย่าอาจหาญ อย่าเอาตัวเข้าแลก ถึงตอนนี้พวกเจ้ายังหาเงินจ่ายหนี้ไม่ได้ แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ทุกสิ่งย่อมเป็นไปได้ หากพวกเจ้าตาย ทุกอย่างจะไร้ประโยชน์เอานะ”

“เราทำงานอย่างหนักมาเนิ่นนาน แต่พวกเขากลับทำลายมันเพียงชั่วอึดใจ อีกทั้งคุณหนูเจิ้งยังกรุณาให้เราอาศัยอยู่ที่นี่ แต่เรากลับไม่สามารถแม้แต่จะรักษาทรัพย์สินของคุณหนูได้ เช่นนั้นแล้วเราจะมีประโยชน์อะไร?” หวังต้าชุนกล่าว

“หากข้าวของพังทลาย เราก็ยังสร้างขึ้นใหม่ได้ แต่หากต้องสูญเสียชีวิตไป จะไม่มีอะไรทดแทนได้เลย เอาเถิด พวกเจ้าไปชำระร่างกายให้สะอาด หากได้รับบาดเจ็บก็กินยา อย่าลืมเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ด้วยล่ะ”

เมื่อเจิ้งซูอวี้มาถึง ผู้คนที่มุงดูอยู่หน้าประตูก็จากไปแล้ว

นางมองเข้าไปในร้านที่เสียหายอย่างหนักด้วยแววตาโกรธจัด

“ขออภัย พวกเราดูแลได้ไม่ดีเอง” มู่ซืออวี่กล่าว “แต่อย่ากังวลเลย ข้าจะทำให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ข้าจะอยู่ทำงานที่นี่ทุกวัน ไม่กลับบ้านก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

เจิ้งซูอวี้ส่ายศีรษะ “นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน ข้ารู้ว่าเป็นฝีมือผู้ใด”

“แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นความผิดของเราที่ไม่ดูแลให้ดี”

“ตราบใดที่นางตั้งใจจะทำ ไม่ว่าจะดูแลดีเพียงใดก็ไร้ประโยชน์” เจิ้งซูอวี้กำหมัดแน่น “เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่หากบอกว่าเป็นฝีมือนาง ผู้ใดจะเชื่อ? ทุกคนเอาแต่บอกว่าข้าอิจฉานาง”

มู่ซืออวี่เดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังเอ่ยถึงผู้ใด

การแย่งชิงอำนาจของคนมีฐานะก็เหมือนหนองที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย แม้ข้างนอกจะดูรักใคร่กันดี แต่ข้างในกลับเน่าเฟะ หากพบเจอแผลก็รีบบีบหนองและสิ่งสกปรกอื่น ๆ ออกมา

“เกิดอะไรขึ้นกัน?” เสียงอ่อนหวานของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น

มู่ซืออวี่จ้องไปยังประตู

หญิงสาวในชุดสีฟ้าอ่อนเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า นางช่างดูบริสุทธิ์ บอบบางและงดงาม จุดสีแดงบนหน้าผากขับให้ใบหน้าไร้เดียงสามีเสน่ห์ไม่น้อย

เจ้าของร่างอันงดงามถามขณะกำลังเดินเข้ามา

เมื่อได้เห็นรูปร่างและรอบเอวอันบอบบางของนาง ไม่ต้องพูดถึงชายหนุ่ม แม้แต่หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมอง กระดิ่งตรงเอวของนางส่งเสียงยามก้าวเดิน ผู้ใดที่ได้ยินต่างก็อยากเข้ามาดูในระยะใกล้

ริมฝีปากสีแดงสดดุจลูกอิงเถา*[1] บางเล็กชุ่มชื่น เพียงมองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่านางไร้เดียงสาและงดงามทุกองศา

“จริงหรือ?”

รู้ตัวคนร้ายแล้วหรือ?

“คนที่ทำลายร้านเป็นชายตัวสูงใหญ่ ดูท่าว่าน่าจะเคยชินกับการกระทำเช่นนี้ ไม่รู้ว่าผู้ใดจ่ายเงินให้มาสร้างปัญหา แต่ก็มีวิธีตรวจสอบอยู่” มู่ซืออวี่กล่าว “คนของเรากัดแขนอีกฝ่ายไปถึงสองครา เราแค่ต้องตามหาผู้ที่มีประวัติก่ออาชญากรรมและรอยกัดบนแขน ไม่เห็นจะหายากอะไร”

เจิ้งซินเยว่เงียบไปครู่หนึ่ง “ดูเหมือนไม่ยากหากจะตามหาว่าคนก่อเหตุคือผู้ใด”

“แน่นอน ในทุกสถานการณ์ย่อมมีการทิ้งเบาะแสไว้ การหาเบาะแสก็ไม่ใช่เรื่องยาก เมืองของเราจะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก จะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ ถึงอย่างไรคนเหล่านี้ก็มักลักลอบเข้ามาและก่ออาชญากรรมเป็นกลุ่มก้อน” มู่ซืออวี่ยิ้ม

“ที่สำคัญกว่าการค้นหาว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลัง คือเราต้องซ่อมแซมร้านให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่คุณหนูรองของเรามีค่าใช้จ่ายมากมาย คงไม่อาจควักเงินให้เราได้ตามต้องการ ถ้าพบคนที่อยู่เบื้องหลังแล้ว เราจะขอให้คนผู้นั้นชดใช้เป็นเงินจำนวนหนึ่งพันตำลึง”

มุมปากของเจิ้งซูอวี้ยกขึ้น น้ำเสียงพลันเย็นชา “ข้าไม่สนใจว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือผู้ใด แต่สำหรับเงินชดใช้ค่าเสียหายให้กับร้านแห่งนี้ หนึ่งพันไม่เพียงพอ หากไม่มีเงินสองพันตำลึงมาชดใช้ก็อย่าคิดว่าข้าจะปล่อยเรื่องนี้ไป”

“ราคาสูงถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ “หากเป็นเช่นนั้นเราก็ต้องตามหาคนกลุ่มนั้นเร็ว ๆ ข้าจะไปหาสามีของข้า เขาทำงานที่ศาลาว่าการ ข้าจะขอให้เพื่อนร่วมงานของเขาช่วยตามหาด้วย”

“เดี๋ยวก่อน” เจิ้งซินเยว่กล่าว “ร้านของเจ้ากำลังจะเปิด เจ้าสนใจเรื่องร้านดีกว่าตามหาอันธพาลกลุ่มนั้น พี่มีเงินอยู่สองพันตำลึง พี่จะให้น้องรองนำไปใช้จ่ายก่อน”

หญิงผู้นี้มีสามีทำงานในศาลาว่าการ น่าเกลียดชังเสียจริง

เงินสองพันตำนึงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตราบใดที่เจิ้งซูอวี้ไม่สามารถเปิดร้านได้ตามกำหนด ก็ไม่มีโอกาสชนะในการแข่งขันครั้งนี้ เงินแค่สองพันตำลึงจะถือว่าเป็นอะไรไปเล่า

“ไม่จำเป็น” เจิ้งซูอวี้กล่าวอย่างเย็นชา “ข้าไม่มีเงินมาจ่ายคืน”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องจ่ายคืน ร้านใหม่ของเจ้ากำลังจะเปิด ถือว่านี่เป็นของขวัญจากพี่สาวเช่นข้าก็แล้วกัน” เจิ้งซินเยว่ทำทีจ้องมองน้องสาวด้วยสายตาเอ็นดู

ผู้คนรอบ ๆ ต่างรู้ดีว่าทั้งสองฝ่ายต้องการตัดขาดและแยกจากกัน แต่ไม่มีผู้ใดสนใจเรื่องนี้นัก พวกเขาสนใจเพียงผลลัพธ์สุดท้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นเท่านั้น

[1] อิงเถา คือ ลูกเชอร์รี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย