สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 397

บทที่ 397 เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ คนหนึ่ง

บทที่ 397 เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ คนหนึ่ง

ลานหรรษาสร้างมาเป็นเวลาหลายเดือน เค้าโครงเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว ความใหญ่โตเริ่มปรากฏให้เห็นเลือนราง

โอวหยางเจี๋ยนั่งอยู่ขอบหน้าต่างของภัตตาคาร มองภาพความคึกครื้นฝั่งตรงข้าม ดวงตาคมกริบของเขาเต็มไปด้วยความละโมบ

ฟางโจวอวี่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโอวหยางเจี๋ย เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย จึงรินสุราให้โอวหยางเจี๋ยแล้วเอ่ยว่า “ใต้เท้าก็เห็นแล้ว ลู่อี้เป็นเพียงนายอำเภอเล็ก ๆ คนหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาและภรรยาทำก่อสร้างงานมหึมา ผู้ใดจะเชื่อว่าเขาไม่ใช่ขุนนางคดโกง เมืองฮู่เป่ยเป็นเพียงสถานที่เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง จะทนกับขุนนางคดโกงเช่นนี้ได้อย่างไร ใต้เท้าต้องตรวจสอบลู่อี้ให้ถี่ถ้วนนะขอรับ”

“เจ้ากล่าวไม่ผิด” มุมปากของโอวหยางเจี๋ยหยักยกขึ้น “ลู่อี้ผู้นี้มีปัญหาอย่างแน่นอน ส่วนสิ่งที่เรียกว่าลานหรรษานี้ ข้าย่อมต้องตรวจสอบให้ดี”

มู่ซืออวี่กำลังตรวจงานลานหรรษา จู่ ๆ ทหารสวมเกราะก็เข้ามาล้อมสถานที่ไว้

“นายท่าน มีเรื่องอะไรหรือขอรับ?” นายช่างผิงก้าวออกมาขณะเอ่ยถามด้วยความเคารพ

“ผู้ใดคือเถ้าแก่เนี้ยมู่?” ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของทหารกลุ่มนี้เอ่ยว่า “นายกองของพวกเรามีคำถาม ไปกับพวกเราเดี๋ยวนี้”

สายตาคู่หนึ่งมองไปยังมู่ซืออวี่

ชายหนุ่มคนนั้นสังเกตเห็นแล้ว จึงมองหน้ามู่ซืออวี่ “เจ้าคือเถ้าแก่เนี้ยมู่ใช่หรือไม่?”

“ใช่”

“ไป!” เขากล่าวอย่างไร้ความอดทน

ทุกคนต่างมองมู่ซืออวี่อย่างเป็นกังวล “เถ้าแก่เนี้ยมู่…”

“ไม่เป็นไร” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้าจะไปดูสักหน่อย”

สาวใช้สองคนต้องการตามไป ทว่ามู่ซืออวี่กลับส่ายศีรษะ “พวกเจ้าไม่ต้องไปแล้ว ใต้เท้านายกองอยากพบข้า พวกเจ้าจะไปทำอะไร”

“พอแล้ว อย่าพูดพล่ามยืดยาว” ชายหนุ่มคนนั้นเร่งอย่างหมดความอดทน “ใต้เท้านายกองไม่ใจดีนัก หากทำให้เขารอนาน พวกเจ้าย่อมไม่มีใครได้รับผลดี รีบไป!”

ณ เรือนวสันต์

มู่ซืออวี่ยืนอยู่กลางห้อง เผชิญหน้ากับชายผู้หนึ่งที่หน้าตาไม่ขี้ริ้ว ทว่ามีใบหน้าดุร้าย สายตาของเขาราวกับดาบสังหาร เขากกกอดสตรีนางหนึ่งไว้พลางเอ่ยคำถ้อยคำแทะโลม

นางนึกไม่ถึงว่าคนเหล่านี้จะถึงขั้นพานางมาสถานที่เช่นนี้

โอวหยางเจี๋ยมองมู่ซืออวี่ ยกจอกสุราที่สุ่ยเซียนส่งมาให้ขึ้นดื่มแล้วพ่นสุราออกมา สายตาดุร้ายหยุดลงที่ร่างกายของมู่ซืออวี่

“เจ้าคือเถ้าแก่เนี้ยมู่งั้นหรือ?”

“เจ้าค่ะ” มู่ซืออวี่หลุบตาลง “ไม่รู้ว่าใต้เท้านายกองมีอะไรจะสั่งการ?”

“เจ้าเป็นคนออกแบบลานหรรษานั่นใช่หรือไม่?” โอวหยางเจี๋ยถามอีกครั้ง

“เจ้าค่ะ”

หรือว่าเขาจะมาเพราะลานหรรษา?

หรือจะกล่าวได้ว่า ลานหรรษาเป็นเพียงเรื่องบังหน้า จุดประสงค์ที่แท้จริงอยู่ที่ลู่อี้?

“ลู่อี้ใช้อำนาจของตน โยกย้ายที่ดินผืนนี้มาให้เจ้าสร้างของพรรค์นี้ ความผิดนี้ควรได้รับโทษทัณฑ์” น้ำเสียงของโอวหยางเจี๋ยเปี่ยมไปด้วยความมุ่งร้าย

เสียงของเขาเหยียดหยาม ดวงตาก็ราวกับกำลังเอ่ยว่า ‘หากเจ้าอ้อนวอนร้องขอข้า เช่นนั้นข้าอาจจะปล่อยเขาไป’

“ใต้เท้า หลังจากลานหรรษานี้สร้างเสร็จแล้ว ในแต่ละปีเงินภาษีจำนวนมหาศาลจะถูกส่งไปยังท้องพระคลัง ข้าเป็นเพียงคนทำการค้า ทำทุกสิ่งตามกฎหมาย ไม่เคยฉกฉวยผลประโยชน์เข้าตนแม้แต่น้อย” มู่ซืออวี่กล่าว

“เจ้าบอกว่าไม่ได้ฉกฉวยก็หมายความว่าไม่ได้ฉกฉวยงั้นรึ? นี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดของเจ้า” โอวหยางเจี๋ยลูบแก้มของสุ่ยเซียน “เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่? คนงาม”

โอวหยางเจี๋ยยืดแขนออกไป ดึงสุ่ยเซียนที่อยู่ข้าง ๆ มาบังหน้าเขา น้ำชาร้อน ๆ จึงรดลงบนอกของสุ่ยเซียน

“อ๊าาาาา!!!” สุ่ยเซียนส่งเสียงหวีดร้องออกมา

โอวหยางเจี๋ยผลักสุ่ยเซียนออกไปราวกับขว้างขยะกองหนึ่งทิ้ง นางได้แต่กลิ้งหลุน ๆ ไปด้านข้าง

“เจ็บ… เจ็บเหลือเกิน ช่วยข้าด้วย”

มู่ซืออวี่ทนเห็นไม่ได้ จึงเอ่ยกับสาวใช้ที่หวาดผวาอยู่ข้าง ๆ นาง “เจ้าจะตกตะลึงอยู่ไย รีบไปช่วยคนก่อน”

สาวใช้คนนั้นรีบร้อนเรียกคนหลายคนมาหามสุ่ยเซียนออกไป

ภายในห้องเงียบลงอีกครั้ง

“หากใต้เท้านายกองไม่มีอะไรจะตรวจสอบ เช่นนั้นพวกเราต้องไปก่อนแล้ว” ลู่อี้กุมมือมู่ซืออวี่เดินออกไป

โอวหยางเจี๋ยมองตามแผ่นหลังของลู่อี้ด้วยสายตาเยือกเย็น “ดีนัก! ข้าชักจะอยากเห็นจริง ๆ ว่าลู่อี้ผู้นี้จะยื้อไปได้อีกนานเท่าใดกัน”

หลังออกมาจากเรือนวสันต์แล้ว มู่ซืออวี่จึงลูบอกตนเองเบา ๆ ด้วยความตื่นกลัว “คนผู้นี้จิตสังหารรุนแรงยิ่งนัก ไม่รู้ว่าเขาฆ่าคนไปมากมายเท่าใดแล้ว ตอนที่ข้าเข้าใกล้เขาพลันรู้สึกหนาวไปทั้งกาย”

“กลัวหรือ? ข้าจะพาเจ้ากลับไปพัก” ลู่อี้ดึงนางขึ้นรถม้า

“พี่ใหญ่เซี่ย เมื่อครู่นี้ขอบคุณท่าน หากไม่ใช่เพราะท่าน คนที่บาดเจ็บก็คือพวกเราแล้ว” มู่ซืออวี่หันไปเอ่ยกับเซี่ยคุน “ทว่าคนผู้นี้อันตรายยิ่งนัก พวกเราจะจัดการเขาได้หรือ?”

“ถึงฟ้าถล่มลงมาก็มีพวกเราคอยแบกรับ เจ้าไม่ต้องกังวล” เซี่ยคุนกล่าว “เขาเป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ คนหนึ่ง พวกเรามีวิธีจัดการเขามากมาย เพียงแต่พวกเราต้องเลือกทางที่ยุ่งยากน้อยที่สุด”

ในรถม้า มู่ซืออวี่จำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ได้ นางมองลู่อี้ที่อยู่ข้าง ๆ “คนผู้นั้นจับตามองลานหรรษาของเรา หากไม่มีทางอื่นแล้ว ก็ยอมเสียเงินฟาดเคราะห์เถิด”

“เด็กโง่ หากมอบผลประโยชน์มหาศาลนี้ให้เขาแล้ว เขาจะปล่อยเราไปงั้นหรือ? กล่าวกันตามเหตุผลแล้ว มีแต่เขาจะฆ่าพวกเราปิดปาก หลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคตเสียมากกว่า” ลู่อี้เอ่ยพลางกอดนางไว้ในอ้อมแขน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย