มีนาเปิดประตูห้องทำงานออกกว้างอย่างเปิดเผย ก่อนจะถอดแว่นกันแดดออก เอ่ยว่า “เธอดูเองสิ ข้างนอกไม่มีแม้แต่เงาคน ฉันก็เลยเดินเข้ามาทั้งแบบนี้เลย”
เอนได้ยินเสียง จึงจะรู้ว่าผู้หญิงที่เดินเข้ามาในห้องทำงานเธอคือมีนานี่เอง พลันเอ่ยอย่างคาดไม่ถึงว่า “เป็นเธอได้ยังไง? แต่งตัวเหมือนผีบ้าผีบอแบบนี้”
มีนาเดินมาที่ตรงหน้าเธอด้วยใบหน้าแต้มยิ้ม แล้วมองไปยังนอกหน้าต่างแวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มขำเบาๆ เอ่ยว่า “ถ้าฉันไม่แต่งตัวแบบนี้ จะเข้ามาในบริษัทได้เหรอ......”
“รปภ.! รปภ.! เข้ามาพาเธอออกไป......”เอนตะโกนพูดยังไม่ทันจบ ก็เห็นเพียงรองผู้จัดการใหญ่ของบริษัทแอมทีวาตะเข้ามาในห้องทำงานเธอพร้อมทนาย ตามมาด้วยมาร์ชที่อยู่หลังพวกเขา
วาตะยิ้มให้มีนา พลันถามว่า “คุณก็คือนายหญิงรองสินะครับ?”
มีนาพยักหน้า แต่ไม่ได้ยิ้มตอบวาตะต่อหน้ามาร์ช เผื่อใครบางคนไม่พอใจอีก
“คุณหนูเอน คุณชายมาร์ช ในเมื่อพวกท่านมากันครบแล้ว ในกรณีที่มีทนาย ก็สามารถเซ็นรับมอบได้ครับ” วาตะเดินไปที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะวางแฟ้มเอกสารในมือลง
มาร์ชเหม่อมองเอกสารเหล่านี้ พลันถามด้วยท่าทางที่ดูไม่รู้เรื่องเลยสักนิดว่า “คุณลุงวาตะ นี่คืออะไรเหรอครับ? จุดสีดำบนนั้นที่มีหางอยู่ด้านหลังคือรูปวาดสัตว์อะไรงั้นเหรอครับ?”
วาตะยิ้มให้มาร์ช แต่ไม่ได้ตอบ
มีนารีบเอ่ยว่า “มาร์ช นี่คือแผนภาพวิเคราะห์ข้อมูล ไม่ใช่รูปสัตว์”
มาร์ชร้องอ้อ จากนั้นก็เอาของชิ้นเล็กๆที่อยู่บนโต๊ะทำงานของเอนไปเล่นตรงอีกมุม
เอนทำใจยอมรับไม่ได้ จึงอยากจะยืดเยื้อเวลา เอ่ยว่า “คุณลุงวาตะ เซ็นรับมอบวันนี้เลยดูจะรีบไปหรือเปล่า? พนักงานยังยืนประท้วงกันตรงหน้าประตูอยู่เลย ควรยั้งพวกเขาก่อนดีไหม?”
“นายท่านสั่งผมว่าให้เซ็นรับมอบในวันนี้ครับ” วาตะมองไปที่นอกหน้าต่างอย่างลำบากใจ “มีคนจงใจก่อเรื่องในบริษัท ยังไม่ต้องสนใจพวกเขา รอพวกเขาเข้าใจว่าบริษัทจะไม่เลิกจ้างพนักงานก็ไม่เป็นไรแล้ว”
เอนวางกาแฟในมือลงอย่างขุ่นเคือง แม้ในใจจะรู้สึกโกรธแค้นขนาดไหนก็ทำอะไรไม่ได้
บริษัทแอมทีนี่แต่เดิมก็ถูกก่อตั้งขึ้นโดยมิ้มแม่ของมาร์ช หลังจากที่เธอเสียชีวิตก็มีนายท่านเข้ามาช่วยมาร์ชดูแลแทน จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีก่อนที่นายท่านเริ่มป่วยและร่างกายอ่อนแอลง จึงจะให้เอนมาดูแลบริษัทแทนด้วยตำแหน่งผู้จัดการใหญ่
ตอนนั้นนายท่านได้บอกกับเธอไว้แล้ว ว่าจะให้เธอฝึกฝนและขัดเกลาตัวเองที่บริษัทแอมที รอหลังจากที่มาร์ชแต่งงานก็จะให้มาร์ชกลับมารับไม้ต่อแทน
ทว่าความโลภของมนุษย์นั้นไม่มีวันสิ้นสุด ตอนนั้นเธอคิดเพียงแค่ว่าเพิ่งจบจากวิทยาลัยการเงินก็ได้มาดูแลบริษัทแฟชั่นชั้นนำแบบนี้ เท่านี้เธอก็รู้สึกพอใจมากแล้ว
ทว่าผ่านไปได้ไม่นานเธอก็รู้สึกว่าไม่เพียงพอ ผนวกกับแม่เธอที่คอยยุยงเธออยู่ตลอด เธอจึงต้องการเปลี่ยนบริษัทนี้มาอยู่ภายใต้ชื่อตัวเอง และพยายามคิดหาวิธีไม่น้อย เพียงแต่ในบริษัทยังคงมีคนบางกลุ่มที่ภักดีต่อนายท่านเหมือนลุงวาตะ ทำให้พวกเธอแม่ลูกไม่ได้สมหวังดั่งใจสักที
ลุงวาตะให้ทนายเอาเอกสารพวกนั้นมาวางตรงหน้าเอน แล้วยื่นปากกาเซ็นชื่อให้เธอ “คุณหนูเอนเซ็นชื่อได้แล้วครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายใยร้ายคู่นิรันดร์
ไม่ลงต่อเหรอคะ รออ่านค่ะ...