เอนจ้องมองมีนา ในใจคิดว่าเธอกับมาร์ชรับช่วงต่อบริษัทไปแล้ว บริษัทแห่งนี้ก็ตกอยู่ในมือมีนาแล้วไม่ใช่เหรอ
มาร์ชคนปัญญาอ่อนนี่ต้องบริหารและทำอะไรไม่เป็นแน่ๆ ทำได้แค่มอบทุกอย่างให้มีนาจัดการ นี่คงเป็นจุดประสงค์ที่มีนาแต่งงานกับคนปัญญาอ่อน ก็เพื่อเงินและอุตสาหกรรมของตระกูลธวัชพลังกรไม่ใช่เหรอ
เธอรับปากกาเซ็นมา เซ็นชื่อของตัวเองลงบนเอกสารสองสามฉบับที่เปิดกระจายออกมา แล้วพูดกับวาตะว่า “คุณเป็นหมาที่จงรักภักดีจริงๆ แค่นี้พอใจแล้วใช่ไหม?”
วาตะพูดกับที่ปรึกษาทางกฎหมายข้างกายอย่างใจเย็น “คุณดูสิว่าลายเซ็นถูกใช่ไหม?”
ที่ปรึกษาทางกฎหมายของบริษัทพยักหน้า วาตะก็พูดกับมาร์ชว่า “คุณชายมาร์ช คุณอ่านดู ถ้าคิดว่าไม่มีปัญหาก็เซ็นชื่อครับ”
“อืมๆ” มาร์ชไม่ดูอะไรทั้งนั้น เตรียมคว้าปากกาขึ้นมาเขียนชื่อตัวเอง มีนารีบห้ามเขาไว้แล้วพูดขึ้น “มาร์ช เดี๋ยวก่อน ให้ฉันดูก่อนว่ารายการที่เอนมอบให้เราชัดเจนหรือเปล่าค่อยเซ็น”
เธอถามวาตะอีกครั้ง “ลุงวาตะ มาร์ชต้องเซ็นเอกสารตอนนี้ไหม?”
“ไม่ต้อง คุณชายมาร์ชค่อยเซ็นหลังตรวจสอบว่าถูกต้องแล้วก็ได้ครับ” วาตะตอบกลับ
มีนาดึงมาร์ชมาข้างๆเก้าอี้ที่เอนนั่งในตอนแรก ให้เขานั่งลงแล้วพูดขึ้น “งั้นเรามาตรวจสอบให้ดีก่อนค่อยเซ็น”
“ยัยคนนี้หมายความว่าไง? กลัวว่าฉันจะวางกลอุบายในเอกสารพวกนี้ หรือกลัวว่าฉันจะมีหนี้อะไร” เอนพูดเสียงดังด้วยความโกรธ
มีนายิ้มแล้วพูดขึ้น “นี่คุณพูดเองนะ ฉันไม่ได้พูดแบบนี้สักหน่อย เราก็แค่อยากอ่านให้รอบคอบหน่อย จะได้ทำความคุ้นเคยว่าเอกสารบริษัทมีปัญหาหรือเปล่า?”
“คุณ……”
“คุณเซ็นชื่อเสร็จแล้ว ก็ไม่มีธุระอะไรแล้ว เชิญออกไปก่อน อย่ารบกวนเราอ่านเอกสาร” มีนาไล่เอนออกไปโดยไม่เกรงใจ
“เข้าใจผิดหรือเปล่า นี่มันห้องทำงานของฉัน”
“ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เชิญคุณออกไปก่อน ถ้ามีปัญหาอะไรจะโทรติดต่อคุณอีกที”
เอนมองไปทางวาตะ วาตะเพียงแค่ยิ้มขอโทษ “คุณหนูเอน ฉันจะให้คนไปส่งคุณหนูก่อน พรุ่งนี้จะมีคนไปรับคุณหนู พาคุณหนูไปที่โรงงานอำเภอเต๋า”
เอนกวาดตามองคนในห้องทำงาน ไม่มีใครเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ
เธอจำเป็นต้องออกไปอย่างจนตรอก
เมื่อเธอเดินออกมาจากห้องทำงาน มีนาก็พูดกับวาตะว่า “ลุงวาตะ คุณรีบหาคนมาจัดระเบียบของที่นี่โดยเร็วที่สุด แล้วตกแต่งใหม่ตามความชอบของมาร์ช”
วาตะตอบกลับอย่างเคารพ “ได้ครับ นายหญิงรอง”
มีนามองไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง พนักงานเหล่านั้นยังคงรอประท้วงใต้แสงแดด ก็ถามขึ้น “ลุงวาตะ คุณว่าพนักงานข้างนอกนั่นต้องโน้มน้าวพวกเขาให้กลับไปที่ทำงานของตัวเองยังไง?”
แต่เธอสงสัยมาก ทำไมมาร์ชต้องแกล้งทำเป็นโง่อยู่ตลอด สไตล์การทำสิ่งต่างๆ ด้วยภาพลักษณ์อุปนิสัยที่เด็ดขาดไม่แยแสของเขา สามารถปราบปรามคนอื่นๆ ในตระกูลธวัชพลังกร ไม่ให้มีคนมารังแกเขาได้เลย
ทำแบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ?
“เหมือนที่คุณพูดจริงๆ รายงานการเงินมีปัญหา” จู่ๆ มาร์ชก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ ควงปากกาในมือ
“อ่า” เมื่อครู่นี้มีนาแค่ยั่วโมโหเอนเฉยๆ พูดขึ้นมามั่วๆ น่ะ
“ฉันทำสัญลักษณ์ตรงที่ผิดปกติก่อน ต้องให้ฝ่ายการเงินตรวจสอบเพิ่มเติมอีกขั้น” มาร์ชอธิบายกับเธอ
มีนาพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “แต่ตอนนี้ไม่มีคนในบริษัทเลย ทุกคนมัวแต่ประท้วงกันอยู่ ฝ่ายการเงินจะให้ความร่วมมือกับฉันไหม?”
มาร์ชพูดด้วยเสียงเย็นชา “ตอนนี้ฉันเป็นผู้บริหารบริษัทแล้ว ใครไม่ร่วมมือฉันจะไล่ออก”
มีนาไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการเลือดเย็นของเขา ขณะที่กำลังจะโน้มน้าวเขา ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดมาจากด้านนอก
ชายสวมแว่นตาอายุประมาณสามสิบพุ่งเข้ามาหามาร์ชอย่างมุทะลุ
มีนาแค่รู้สึกถึงแสงแวบผ่านไป พบว่าในมือชายคนนี้ถือมีดผลไม้อยู่ หัวสมองก็ขาวโพลนไปหนึ่งวินาที รีบผลักมาร์ชที่นั่งหน้าโต๊ะทำงานออก “ระวัง! เขามีมีด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายใยร้ายคู่นิรันดร์
ไม่ลงต่อเหรอคะ รออ่านค่ะ...