"ความจริง?"
เสิ่นเคอหานยิ้มหยัน ก่อนจะมองตรงไปยังเย่ซือซือ น้ำเสียงแทบจะบีบบังคับให้ตอบ
"ความจริง คุณกล้าฟังไหมละ? คุณจะรับไหวหรือเปล่า?"
คำพูดเหล่านี้ ราวกับว่าเธอได้โยนหินก้อนใหญ่ที่มีมูลค่าหลายร้อยชั่งลงไปในการเดาของเธอ และกดความเป็นไปได้ทั้งหมดลงไปในนรก
กลายเป็นการคาดเดาที่เลวร้ายที่สุด
สีหน้าของเย่ซือซือซีดเผือด "ผมได้เปลี่ยนยา โห้หลีเฉินกำลังจะเป็นอัมพาต" เสิ่นเคอหานพูดอย่างเฉยเมย การแสดงออกของเขาช่างดูโหดร้ายทารุณ
เย่ซือซือตกใจมาก เธอรีบยืนขึ้นทันที "คุณพูดอะไร?!"
"ผมใช้ยาของผมไปเกินครึ่งแล้ว โห้หลีเฉินเพียงแค่ต้องกินยาต่อไป เขาก็จะเริ่มอาการชัก นี่จะไม่เลวร้ายลง ขาของเขาจะไม่หาย และกระดูกสันหลังของเขาจะเป็นอัมพาต"
เย่ซือซือถอยหลังออกไปด้วยความตกใจ เธอไม่กล้าเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้จะเป็นความจริง
"ทำไม ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วย? คุณเป็นหมอนะ คุณไม่ช่วยเขาก็ได้นี่ แล้วทำไมต้องไปทำร้ายเขาด้วย?"
"ทำไมนะหรือ?"
ราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลก ก่อนที่เสิ่นเคอหานจะคว้าเย่ซือซือ เข้ามาใกล้เขา
พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราวกับเค้นมาจากลำคอ "ผมก็ทำเพื่อคุณไง! เขาทรมานคุณทั้งวันขนาดนั้น ล่อลวงคุณ คุณคิดว่าผมมองไม่เห็นหรือไง?!"
เย่ซือซือตกตะลึง "ฉันนึกว่าคุณจะเชื่อใจฉัน"
"ผมเชื่อคุณ แต่ไม่เชื่อเขา"
เสิ่นเคอหานขบฟันแน่น "แม้ว่าตอนนี้พวกคุณจะไม่มีอะไรกันจริง แต่ชายกลัดมันกับหญิงหญิงหม้ายได้อยู่ร่วมกันเช่นนี้ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าผมจะรู้สึกอย่างไร? ผมเป็นผู้ชายนะ ผมก็หึงเป็น! เรื่องอื้อฉาวมันส่งผลกระทบกับชีวิต ญาติและเพื่อนของเรา ซือซือ ผมไม่อยากเป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว ผมไม่ต้องการให้เขามาทำลายงานแต่งของเรา ผมจะทำลายเขา ผู้นำตระกูลหยูหวังจะเห็นโห้หลีเฉินเป็นอัมพาต ผมสามารถใช้ความดีความชอบนี้ และใช้โอกาสนี้พาคุณออกไปจากที่นี่ได้"
เย่ซือซือมองไปยังเสิ่นเคอหานอย่างเหลือเชื่อราวกับกำลังมองดูคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
"เสิ่นเคอหาน แต่คุณทำแบบนี้ ทำลายโห้หลีเฉิน ทำให้เขาเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต ทำลายเขาอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว แต่ความสุขของเรา มันจะสร้างมาจากความเจ็บปวดจากการทำร้ายเขาอย่างนั้น... ..."
"แล้วคุณอยากให้เขาทำลายงานแต่งของเราหรือ?"
เสิ่นเคอหานถามกลับด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว "เย่ซือซือ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป หมายถึงถ้าเรื่องฉาวของคุณกับเขานับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย และพวกเราคงแต่งงานกันไม่ได้แล้ว คุณจะทิ้งผมไหม?"
เย่ซือซือทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร
เรื่องนี้มันทำให้เธอรำคาญใจ แต่เธอไม่คิดเลย ว่าเสิ่นเคอหานจะใช้วิธีการที่โหดร้ายมาจัดการ
เธอสะอื้นให้ "ฉันจะทำอย่างนี้ลงได้ยังไงกัน ฉันมีจิตสำนึกรู้ชั่วดี"
"โห้หลีเฉินไม่มีเมตตาก่อนเอง เป็นเขาที่เห็นแก่ตัวและต้องการจะทำลายพวกเรา และนี่คือผลกรรมของเขา"
เสิ่นเคอหานพูดอย่างแน่วแน่มาก เขาจับไหล่ของเย่ซือซือแน่น
"ซือซือ เพื่อผม เพื่ออนาคตของเรา คุณต้องให้ยาเขาต่อไป รู้ไหม?"
"เคอหาน เราไม่ควรทำแบบนี้... ..."
"ซือซือ ผมไม่มีทางให้ถอยหลังแล้ว โห้หลีเฉินน่าจะรู้ในสิ่งที่ผมทำลงไปกับเขาแล้วแน่ แต่เขายังคิดที่จะรักษาขาของของเขาอยู่ เลยยังไม่ฆ่าผม เขาคิดว่าคุณอยู่กับผมตลอด คงมีความสามารถที่จะรักษาเขาได้ เลยเรียกหาคุณมารักษา"
เสิ่นเคอหานวิเคราะห์อย่างใจเย็น "แต่ยาที่ผมให้ไปจะไม่แย่ลงไปกว่านี้ เดิมที่ขาของเขาก็ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะคืนสภาพเดิม ตอนนี้เสื่อมโทรมอย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้อีกต่อไป ถึงแม้จะหยุดยาไป อย่างไรเขาก็จะเป็นอัมพฤกษ์ เมื่อถึงตอนนั้นที่คุณรักษาเขาไม่ได้ เขาจะเอาคุณไว้แน่ ผมก็เช่นเดียวกัน คนที่จิตใจเหี้ยมโหดอย่างนั้น ฆ่าผมจริงๆแน่ซือซือ ทำให้เขาเป็นอัมพาตและขอความดีความชอบจากหยูฉู่สองเสีย นี่เป็นโอกาสเดียวที่ผมจะมีชีวิตรอดนะ และเป็นโอกาสเดียวของอนาคตของเราสองคน คุณต้องช่วยผมนะ เข้าใจไหม?"
เย่ซือซือน้ำตานองหน้า สะอึกสะอื้นร่ำไห้ออกมา
เธอเจ็บปวดรวดร้าวมาก ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะกลับกลายมาเป็นเช่นนี้ มาถึงจุดที่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีก
อย่างที่เสิ่นเคอหาน พูด เธอไม่มีทางไหนให้เดิน แม้กระทั่งทางเลือกก็ไม่มีเลย
เธอรักษาโห้หลีเฉินไม่ได้
การช่วยเสิ่นเคอหาน กลับสามารถที่จะทำให้เสิ่นเคอหานมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
นี่ไม่ใช่คำถามที่มีตัวเลือก
แต่กลับทำให้มโนธรรมและจรรยาบรรณทางการแพทย์ของเธอ ถูกกำจัดให้หายไป
ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนมุมมอง และวิเคราะห์ปัญหาจากสภาพจริงของเย่ซือซือ ก็ยิ่งรู้สึกว่า เธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุด
และความเชื่อใจที่คุณผู้ชายมีต่อเธอ มันก็คล้ายกับ... ...
คนที่มีความรัก เลยมีไอคิวที่ต่ำลง
แม้ว่าเว่ยชีจะยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้น ทำไมคุณผู้ชายที่รักใคร่คุณนายเสียขนาดนั้น ทำไมถึงมีใจให้กับเย่ซือซือ
เว่ยชียังคงเกลี้ยกล่อม "คุณผู้ชายครับ นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายเชียวนะ คุณต้องระวังตัว ผมว่าไล่พวกเขาออกไปให้หมด แล้วค่อยคิดหาวิธีส่งหมอเข้ามาใหม่"
โห้หลีเฉินส่ายศีรษะ "ไม่จำเป็น"
เขาเม้มปากอย่างมั่นใจ
ในใจของเว่ยชีราวกับมีฝนตกหนัก เขารู้สึกไม่ปลอดภัยมาก
แต่เขารู้ เรื่องที่คุณผู้ชายได้ทำการตัดสินใจไปแล้ว เขาจะโน้มน้าวอย่างไร ก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี
ทำได้เพียงจับตามองเย่ซือซือให้มากขึ้นเท่านั้น
... ...
เมื่อไม่มีเสิ่นเคอหาน เย่ซือซือก็เปลี่ยนจากหมอผู้ช่วย เป็นหมอหลักในการรักษาทันที
แถมเธอยังไม่มีหมอผู้ช่วยที่เข้ากันได้และคอยให้ความช่วยเหลืออีกด้วย มีแต่เพียงผู้ช่วยแพทย์เท่านั้นที่คอยช่วย
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ปัญหาเรื่องฝีมือทั้งหมด เธอก็ต้องเป็นคนคอยรับมือกับมันคนเดียว
ระดับฝีมือของเย่ซือซือไม่ดีเท่าเสิ่นเคอหาน เมื่อเริ่มต้น ก็เหมือนกับมือใหม่ย่างกรายเข้าสู่สนามรบ ตื่นตระหนกตกใจทำอะไรไม่ถูกเป็นธรรมดา
เมื่อทุกครั้งที่หมอคนอื่นๆ เห็นท่าทางตระหนกตกใจของเย่ซือซือ ก็รู้สึกปวดหัว แทบอยากจะเข้ามาช่วยเหลือเธอ
แต่การรักษาขา ไม่ใช่ความถนัดของพวกเขา และสิ่งที่เสิ่นเคอหานทิ้งเอาไว้คือ ระเบิดเวลา ถ้าหากรักษาไม่ได้จะต้องตาย
เลยไม่มีใครกล้าสอดมือมาช่วยในเรื่องนี้เลยสักคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...