หลังจากเวลานาน ทั้งสองคนถึงได้แยกออกจากกันอย่างหอบ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยอีกฝ่าย เย้นหว่านก็ยังพิงไว้ที่อ้อมกอดของโห้หลีเฉิน
พิงเขาไว้อย่างตัวอ่อน
อ้อมกอดที่คุ้นเคย ทำให้ความเข้มแข็งทุกอย่างของเธอ ทุกอย่างในขณะนี้ ก็ได้เปลี่ยนไปเป็นความอ่อนนุ่มของผู้หญิง
พวกเขาใครก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น บรรยากาศที่เงียบและสงบ
ต่างคอยดื่มด่ำกับกอดที่ไม่ได้พบกันนานและความสุขที่เกิดขึ้นมาไม่ได้ง่ายๆ
"เย้นหว่าน ฉันเคยคิดภาพแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าในท่ามกลางความมืดของคืนที่นับไม่ถ้วน กอดเธอไว้แบบนี้ อะไรก็ไม่ทำ เงียบๆ ไปตลอด แต่ว่าคิดไปจนนับไม่ถ้วน ในอ้อมกอดก็ยังโล่งๆ "
โห้หลีเฉินพูดเบาๆ เสียงนั้นจนกลายเป็นการพึมพำ
ฟังจนเย้นหว่านทั้งอุ่นใจและเป็นปวดใจ
เธอเอาหน้าแนบชิดกับอกของเขาไว้ ฟังเสียงการเต้นของหัวใจที่มีแรงของเขา แล้วก็ได้ยิ้มอย่างอ่อนโยน
"ฉันไม่กล้าที่จะหยุดคิดถึงเธอ เพราะว่าพอหยุดแล้ว ฉันก็อยากจะไปหาเธอที่ตระกูลหยูโดยไม่สนใจอะไรแล้ว ถึงแม้ว่าจะถูกหยูฉู่สองจับก็ไม่เป็นอะไร ขอแค่ได้เจอเธอก็พอ แต่ฉันรู้ว่าฉันต้องเข้มแข็ง ถึงจะสามารถพาเธอกับแรบบิทออกมา ฉันก็เลยไม่กล้าให้ตัวเองหยุดลง ขอแค่มีเวลา ก็เอาแต่เรียน ตอนนี้นึกย้อนกลับไป ก็ไม่รู้ว่าตลอดเวลา 1 ปีมานี้ ผ่านมาได้ยังไง"
เย้นหว่านเงยหน้าขึ้น จ้องมองโห้หลีเฉินไว้อย่างลึกซึ้ง
พูดออกมาทีละคำว่า : "คุณโห้ฉันพึ่งรู้ว่า ที่แท้ชีวิตของคนยาวนานมากจริงๆ ถ้าไม่มีนาย มันก็คือนรกที่ทรมานอย่างยาวนาน"
ทุกวิทุกนาที ก็คือการทรมานอย่างไม่สิ้นสุด
นิ้วที่เรียวและยาวของโห้หลีเฉินได้ลูปผ่านหน้าของเย้นหว่านไปเบาๆ เคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนและรักมาก
"ต่อไป อย่าจากกันอีกเลย"
เย้นหว่านพยักหน้าอย่างแน่วแน่
อื้ม ไม่จากกันอีกแล้ว
พวกเขาอยู่ในตาของกันและกัน มองเห็นตัวเองในตาของอีกฝ่าย
ผูกพันกันสักพัก เย้นหว่าน คิดอยู่ว่าร่างกายของโห้หลีเฉินต้องพักผ่อน ก็เลยบังคับให้เขาไปอาบน้ำ
โห้หลีเฉินถูกเข็นเข้าไปในห้องอาบน้ำอย่างไม่เต็มใจ
ถึงแม้ว่าเขาจะปกปิดไว้ดีมากแล้ว แต่ก็ยังดูออกได้ว่าไม่ค่อยเต็มใจ
เย้นหว่านได้เปิดน้ำใส่ในอ่างอาบน้ำแล้ว กำลังจะแก้กระดุมเสื้อให้โห้หลีเฉิน โห้หลีเฉินกลับจับข้อมือของเธอไว้
แล้วพูดเสียงต่ำว่า : "ฉันทำคนเดียวก็ได้ เธอออกไปก่อนเถอะ"
เย้นหว่านอึ้งไปทันที นี่มันคาดไม่ถึงจริงๆ
เมื่อก่อนตอนที่เธอปลอมตัวเป็นเย่ซือซือ เขายังมาขอให้เธอช่วยอาบน้ำให้เขาอย่างหน้าด้านๆ อยู่เลย ถึงแม้ว่าไม่ถึงขั้นถอดจนหมดเปลือก แต่พวกเสื้อผ้าเธอเป็นคนถอดหมดเลย
ทำไมตอนนี้ สารภาพต่อกันแล้ว คุณโห้กลับเขินอายขึ้นมาล่ะ?
เย้นหว่านมองเขาอย่างสงสัย "นายเป็นอะไร?"
โห้หลีเฉินเม้มปาก สีหน้าโทรมๆ เหมือนพยายามเก็บกดอะไรอยู่ ไม่ได้พูดอะไร
เย้นหว่านมองเขาอยู่สักพัก ก็ได้ยื่นมือออกไปต่อ
"นายไม่บอก ฉันถอดต่อแล้วนะ"
เธอพึ่งขยับ โห้หลีเฉินก็ได้จับข้อมือของเธอไว้
เขาทำอะไรไม่ได้ ผ่านไปสักพักถึงพูดขึ้นมาว่า : "ตัวของฉันหนักเกินไป เธอพยุงไม่ไหว ให้เว่ยชีมาทำเถอะ"
มองตาที่มืดมนของผู้ชายไว้ เย้นหว่านถึงจะเข้าใจขึ้นมา
โห้หลีเฉินกังวลเรื่องร่างกายของเขา
เขาอัมพาตแล้ว
เย้นหว่านจับมือของเขาอย่างปวดใจ พึ่งนึกได้ว่า ตลอดทาง พูดอะไรมามากมาย แต่ว่าตั้งแต่แรกจนจบโห้หลีเฉินไม่เคยถามเรื่องต่อไปที่เขาอัมพาตอีกเลย
เขาควรจะถามตั้งนานแล้วว่า เรื่องที่เขาเป็นอัมพาตนั้นยังรักษาได้ไหม
แต่เขากลับไม่พูดอะไรเลย นี่ก็หมายความว่า เขาเองก็ไม่มั่นใจ
เขาไม่กล้าถาม
โห้หลีเฉินไม่เคยกลัวอะไรเลย จิตใจเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ แต่ว่าความผิดพลาดครั้งนี้ กลับทำให้ผู้ชายที่ไม่กลัวอะไรเลยคนนี้ กลับเอวหัก
ถึงแม้รู้ว่าโห้หลีเฉินตั้งใจหาเรื่อง เย้นหว่านก็ตามใจเขา
หน้ากากตัวนี้ก็ใส่มานานแล้วเหมือนกัน ถึงเวลาที่ต้องถอดแล้ว ไม่อย่างนั้น เธอเองก็จะแยกไม่ออกแล้วว่าเธอเป็นเย่ซือซือหรือว่าเย้นหว่านกันแน่
นี่เป็นหน้ากากหนังพิเศษที่ป่ายฉีทำขึ้นมา ถ้าไม่ใช้เทคนิคพิเศษในการถอดออกมา ก็จะติดอยู่บนหน้าอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ไม่มีใครดูพิรุธอะไรออก
เวลา สามารถอยู่ได้นานมากกว่า 1 ปี
เทคนิคพิเศษในการถอดออก ป่ายฉีก็ได้สอนให้เย้นหว่านแล้ว
เย้นหว่านเอาอุปกรณ์มาที่ห้องน้ำ จากนั้นก็ได้เริ่มทำการถอดหน้ากากหนังนั้นบนอ่างล้างหน้า
เธอทำไปด้วยพูดไปด้วย : "นายอย่ามองฉันนะ ภาพมันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันถอดเสร็จแล้วค่อยให้นายดู"
"ได้"
โห้หลีเฉินทำตามดีๆ ได้ย้ายสายตาไปทางอื่น เริ่มทำเรื่องของตัวเอง
แต่ว่าหางตาของเขา กลับตกอยู่บนตัวเย้นหว่านตลอด
ผ่านไปสักพัก เย้นหว่านหลังจากผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อน ก็ได้ถอดหน้ากากหนังนั้นออกแล้ว
เธอเอาน้ำสะอาดล้างแล้ว ในกระจก ใบหน้าที่หายไปนานก็ได้ปรากฏว่าเป็นของตัวเอง
หยดน้ำบนหน้า ไม่มีแป้ง หน้าตาดี สดใสและสวยงามมากๆ
เธอไม่ได้เห็นใบหน้านี้มานานมากแล้ว มาเห็นตอนนี้ รู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคย แต่กลับเป็นตัวเองมากกว่า
นี่คือตัวตนที่แท้จริงของเธอ
เย้นหว่าน
เขาตบหน้าแล้วเผยรอยยิ้มที่สวยที่สุดออกมา หันไปมองโห้หลีเฉิน
"ที่รัก ดูฉัน......."
ยังไม่ทันพูดจบ เย้นหว่านก็ตะลึงอยู่กับที่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...