แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสัมผัสความอบอุ่นอะไรพวกนี้
เย้นหว่านอุ้มเจ้าตัวเล็กที่ไม่ค่อยคุ้นชิน เตรียมที่จะเดินตามฝูงชนออกไป
ในเวลาเดียวกัน เธอก็เห็น เว่ยชีไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายกผู้ชายที่สภาพสะบักสะบอมบนพื้นขึ้นมา
เขากับโห้หลีเฉินพยักหน้าให้กัน แล้วเดินไปอีกทางหนึ่ง
เย้นหว่านรู้สึกงงงวย "เขาคิดจะทำอะไรคะ?"
"ผู้ชายคนนั้นมีเครื่องบอกตำแหน่งแบบเรียลไทม์ติดตัว พวกติดตามเขาจะไล่ตามตำแหน่งของเขาเป็นหลัก"
ตอนนี้สถานการณ์วุ่นวาย ความสนใจของตระกูลหยูส่วนใหญ่จะถูกดึงไป และพวกเขาสามารถใช้สถานการณ์นี้เดินออกไปพร้อมกับฝูงชน ก็จะหนีไปได้อย่างง่ายดาย
ฉันรู้สึกกังวลใจมาก ถึงแม้วิธีการจะฟังดูดีมาก แต่ก็มีอันตรายอยู่ทุกที่
ถ้าถูกเจอยิ่งขนลุกซู่
เธอใช้ฝ่ามือกดหลังคอเล็กๆ ของโห้หยูเซิงไว้ แล้วพูดเบาๆ
"เดี๋ยวแม่จะต้องรีบวิ่งไป ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ มุดหัวไว้ เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว"
ศีรษะของ โห้หยูเซิงหดลงแค่เล็กน้อย สีหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยการต่อต้าน
อาจเป็นเพราะว่าบนสีหน้าของโห้หยูเซิง หายากมากที่เย้นหว่านจะเห็นสีหน้าแบบอื่น
โห้หลีเฉินอุ้มแรบบิทไว้ เย้นหว่านอุ้มโห้หยูเซิงไว้ ทั้งสองเดินปะปนไปพร้อมกับฝูงชน ใช้ประโยชน์จากความโกลาหล เดินออกไปข้างนอก
ยิ่งเข้าใกล้ประตูสวนสนุกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแออัดและวุ่นวายมากขึ้น
เย้นหว่านอุ้มโห้หยูเซิงไว้ในอ้อมกอดของเธอให้แน่นขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เขาถูกเบียด แต่โห้หลีเฉิน...
รอบด้านมีฝูงชนเดินพลุกพล่าน ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเบียดกัน หรือการชนกับคนอื่นได้ ชุดสูทของเขาชนกับคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่ารอบด้านมีแต่กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ โชยเข้ามา
ไม่นานหลังจากนั้น ใบหน้าที่หล่อเหลาของโห้หลีเฉินก็รู้สึกเหม็นจนจะไม่ไหวแล้ว เหมือนกำลังเดินอยู่ขอบตลิ่งที่จะพังทลายภายในอีกไม่กี่วินาที
เย้นหว่านเป็นห่วงเขามาก "คุณยังทนไหวไหมคะ"
โห้หลีเฉินบ้าความสะอาดมากแค่ไหน เกลียดการสัมผัสกับผู้คนมากแค่ไหน เธอรู้มากกว่าใคร
ตอนนี้มันไม่ใช่แค่การสัมผัสทางร่างกายเท่านั้น แต่รอบด้านล้วนแต่มีคนเดินขวักไขว่ไปมา ต้องเบียดกันเดิน ถือเป็นความท้าทายความอดทนที่บ้าระห่ำต่อโห้หลีเฉินมาก
สีหน้าของโห้หลีเฉินน่ากลัวมาก เขาพูดกัดฟัน "แค่ครั้งนี้เท่านั้น"
ในชีวิตของเขา นี่เป็นความล้มเหลวที่เลวร้ายที่สุด
กลับไปเขาจะถอดเสื้อผ้าทิ้ง แล้วอาบน้ำสักแปดร้อยครั้ง
เย้นหว่านรู้สึกเป็นห่วง และซาบซึ้งใจมาก
ถ้าวันนี้มีแค่โห้หลีเฉินอยู่ที่นี่ เขาคงไม่เลือกหนีไปด้วยวิธีนี้แน่นอน แต่มีเธอ มีลูกๆ อยู่ที่นี่ด้วย โห้หลีเฉินจึงต้องเลือกวิธีที่ปลอดภัยที่สุด ตัวเองยอมลำบาก เพื่อปกป้องพวกเธอ
คนคนนี้ ทำหน้าที่ของพ่อได้ดีมาก
ในขณะที่คิดอยู่ เธอก็ถูกฝูงชนเบียดจนใกล้จะถึงประตูทางออก
ประตูที่เล็กกว่าถนน ตอนนี้ตรงประตูทางเข้าวุ่นวายมาก ทั้งเบียดเสียดและแออัด เหมือนหลอดยาที่ถูกบีบจนยาไหลออกมา นี่ยังไม่เท่าไหร่ ที่น่าคิดหนักที่สุดคือ ตรงประตูทางออกมีชายร่างสูงใหญ่หลายคนยืนเฝ้าอยู่ พวกเขาพยายามกวาดสายตาของพวกเขาไปที่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น
ไม่ต้องเดาก็รู้ ว่าทั้งหมดนี้เป็นคนของตระกูลหยู
พวกเขามาถึงแล้ว และยังยืนเฝ้าประตูอยู่
ถ้าเป็นแบบนี้ ถึงแม้จะซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน แต่คนของหยูฉู่สองก็หาเจอได้ง่ายอยู่ดี
เย้นหว่านรู้สึกตื่นกลัวจนหยุดชะงักไปเล็กน้อย
และพอเธอหยุดเดิน เธอก็ถูกคนข้างหลังผลักไปข้างหน้า ร่างกายของเธอถูกชนจนเซ
ไหล่ของเย้นหว่านเจ็บมาก คิ้วของเธอขมวดคิ้วแน่น แต่เธอก็รีบปรับสมดุลร่างกายได้ทันเวลา ไม่ยอมให้โห้หยูเซิงโดนใครชนเข้า
การกระแทกเมื่อตะกี้ทำให้โห้หยูเซิงรู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก ทั้งร่างเต็มไปด้วยอาการต่อต้าน
เขามองไปที่เย้นหว่านด้วยสายตาลึกล้ำ ในแววตาของเขาเกิดอาการสั่นคลอนเงียบๆ
เย้นหว่านมองไปที่ผู้ชายของเธอ ในใจรู้สึกชื่นชมเขามากขึ้นอีก
โห้หลีเฉินยิ้มบาง "คุณอยากแสดงความชื่นชมนับถือของคุณที่มีต่อผม ออกไปจากที่นี่กันก่อนค่อยพูดกัน ไม่ว่าคุณจะส่งสายตายั่วยวนผมยังไง ตอนนี้ผมก็ไม่มีเวลาตอบกลับคุณหรอกนะ"
เย้นหว่าน"..." ใครจะยั่วยวนเขากัน!
เย้นหว่านส่งเสียงฮึอย่างเย่อหยิ่ง เธออุ้มโห้หยูเซิงไว้ แล้วแฝงตัวเข้าไปในฝูงชน ก่อนที่คนของตระกูลหยูจะรู้สึกตัว พยายามเดินออกไปข้างนอกให้ได้
เธอไม่อยากรอช้าแม้แต่วินาทีเดียว ถ้าเสียเวลาไปมากกว่านี้ มันก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพวกเธอออกไปได้เร็วๆ จะได้ลดแรงกดดันให้เว่ยชีด้วย ให้เขามีเวลาได้หลบหนี
ในที่สุดก็อุตส่าห์เบียดมาจนถึงหน้าประตู เย้นหว่านก็มองไปทางประตูนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ คนของตระกูลหยูเยอะขนาดนั้น แค่เว่ยชีคนเดียว จะไหวเหรอ
"ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก เขาคนเดียวถึงจะปลอดภัยที่สุด"
โห้หลีเฉินพูดด้วยเสียงทุ้ม ก่อนจะจับมือของเย้นหว่านไว้ด้วยมือเดียวแล้วเดินไปตรงบริเวณที่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขามา แต่เขาก็ดูแผนที่บริเวณนี้ไว้แล้ว จึงคุ้นเคยกับภูมิประเทศที่นี่เป็นอย่างดี เขาเดินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปเรื่อยๆ จนพาเย้นหว่านหนีออกจากคนของตระกูลหยูได้ และออกห่างจากพื้นที่ของสวนสนุก
แต่ว่า เขาไม่ได้พาพวกเธอไปที่จุดจอดเฮลิคอปเตอร์ แล้วไปที่ร้านเสื้อผ้าราคาระดับกลาง
เย้นหว่านตกตะลึง "คุณพาเรามาที่นี่ทำไมคะ? หรือว่าเจ้าของร้านนี้เป็นคนของคุณ?"
"ไม่ใช่"
โห้หลีเฉินจูงเย้นหว่านเดินเข้าไป "ร้านนี้มีเสื้อผ้าทุกประเภท ทั้งของเด็กและของผู้ใหญ่"
หมายความว่า จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างนั้นเหรอ?
ในนานโห้หลีเฉินก็เลือกเสื้อผ้าสองสามชุดที่ดูธรรมดาขึ้นมา แล้วให้เย้นหว่านกับเด็กน้อยทั้งสองคนเปลี่ยน
ส่วนเขา ก็เปลี่ยนเป็นชุดลำลอง
แม้ว่าเนื้อผ้าจะธรรมดา แบบเสื้อผ้าก็ธรรมดา แต่พอมันถูกใส่อยู่บนร่างกายของเขา กลับดูโดดเด่นแตกต่างจากคนอื่น จนทำให้รู้สึกเหมือนกำลังสวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังที่กำลังมาแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...