ทางน้ำใต้ดิน
เสียงซู่ ๆ ของสายน้ำไหลเหมือนกับเสียงเพลงอันแผ่นเบา
ในทะเลทรายไกลโพ้น เสียงนี้ก็เหมือนกับเสียงสวรรค์
มือข้างหนึ่งที่เต็มไปด้วยเลือด ค่อย ๆ ยื่นไปทางสายน้ำ เพียงแค่ขยับก็ยากลำบากอย่างมาก
แต่เมื่อสัมผัสถึงน้ำ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนกลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย
เขาเค้นลำคอก่นด่า "บัดซบบัดซบบัดซบ แกปล่อยฉันนะโว้ย ฉันจะดื่มน้ำ ดื่มน้ำอึกเดียวเท่านั้น หิวน้ำจะตายแล้ว ดื่มเสร็จแล้วฉันค่อยสู้กับแก"
ยังไงก็ตาม เสียงด่าของเขานั้นไม่มีผลเลยแม้แต่น้อย
ปลายรองเท้าหนังของเขาถูกมือเปื้อนเช่นเดียวกันเลือดจับเอาไว้ พยายามเคลื่อนไปข้างหน้าเล็กน้อยตามรองเท้าหนังของเขา
"พระเจ้า พี่ใหญ่ พี่รอง ท่านป้า ผมขอร้องล่ะ พวกเรามาตกอยู่ในสภาพเดียวกันแล้ว ก็พอได้แล้ว ปล่อยฉันไป ปลดปล่อยตัวพวกเธอเองเถอะ"
ป่ายฉีแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เขาสะบัดขา พยายามสลัดมือให้หลุด แต่ฝ่ามือของหล่อนก็จับหลังเท้าเขาติดหนึบอย่างกับหนวดปลาหมึก
แต่หลังจากเตะขาไปสองสามที เขาก็หมดเรี่ยวแรง แม้แต่จะขยับตัวก็ขยับไม่ไหวแล้ว
เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
เจ็บจะตายอยู่แล้ว
หิวน้ำจะตายอยู่แล้ว
ช่างมันเถอะ ไม่อยากกระเสือกกระสน ตายเป็นตาย
ป่ายฉีนอนหมดอาลัยตายอยาก รอให้ผู้หญิงคนนั้นคลานขึ้นมาแทงหัวใจของเขา
ผู้หญิงคนนี้ก็คือนักชีวเคมีคนนั้นที่เขาเจอที่ห้องทดลอง ความสามารถยอดเยี่ยม เก่งขนาดที่เปลี่ยนเปปไทด์ได้ ถึงกับสูสีกับเขาได้เลยทีเดียว
ตอนประมือกันเมื่อครู่ ป่ายฉีนั้นค่อนข้างตื่นเต้น ยิ่งสูงยิ่งหนาว ในที่สุดเธอก็สามารถหาคู่มือที่สามารถประมือกันได้เรื่อย ๆ แล้ว
เพียงแต่ ในการประมือกันหลายครั้งหลายครา สถานที่ต่อสู้ของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ท้ายที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็ทุบพื้นอย่างแรง โดยนึกไม่ถึงว่าข้างล่างจะเป็นโพรง เขาและเธอจึงตกลงมา
กลิ้งตัวอยู่พักใหญ่ แม้จะไม่ได้ตกลงมาตายแต่ก็เจ็บระบมไปทั้งตัว
เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ที่น่าเศร้ายิ่งกว่าก็คือ ที่ใต้ดินมืดมิดแห่งนี้ คนสองคนที่บาดเจ็บสาหัส แต่ละคนตามหาทางออกและคิดหาวิธีที่จะมีชีวิตรอดก็พอแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้กลับคลุ้มคลั่งจะยื้อยุดกับเขาไม่หยุดหย่อน
ตกลงมาขาหักยืนไม่ไหวก็ยังคลานมาจะฆ่าเขาอีก
และยังก่อให้เกิดฉากอย่างเมื่อครู่ด้วย พวกเขาสองคนคนหนึ่งหนีคนหนึ่งคลานตาม ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่ยังไงก็เหนื่อยเหลือทน เหนื่อยจนแทบจะตายอยู่แล้ว
และในตอนนั้นเอง ป่ายฉีก็ได้ยินเสียงทางน้ำใต้ดิน
เขาดีอกดีใจ เกือบจะหิวน้ำตายอยู่ในทะเลทราย น้ำนี้สามารถช่วยชีวิตได้เลย
เขาเริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมาและพยายามคลานไปยังสายน้ำ เขามาถึงอย่างยากลำบากและจะสามารถดื่มน้ำแร่อันหอมหวานได้แล้ว จากนั้น.....
ก็ไม่มีหลังจากนั้นแล้ว
ป่ายฉีมองที่เท้าของตัวเองด้วยสายตาที่แทบจะหมดอาลัยตายอยาก รู้สึกได้ว่ามือข้างนั้น ค่อย ๆ คืบคลานจากหลังเท้าของเขาขึ้นมาถึงข้อเท้า น่อง....
เขานอนราบอย่างสงบนิ่ง
มองดูก้อนหินสีดำพลางถามอย่างหมดอาลัยตายอยาก
"สาวน้อย ฉันสงสัยอยู่หนึ่งคำถาม เธอไม่รู้จักความเจ็บปวดเลยหรือไง? เธอไม่มีความเจ็บปวดงั้นเหรอ?"
ตั้งแต่เริ่มต่อสู้มาจนถึงตอนนี้ เขาเห็นกับตาว่าผู้หญิงคนนี้มีบาดแผลเต็มตัว แต่ก็ยังเข้มแข็งขนาดที่ว่าแม้แต่คิ้วก็ยังไม่เคยขมวดเลยสักนิด
ทุกครั้งป่ายฉีจะเป่าที่แผลของตัวเอง ซึ่งมันน่าอายมาก
หญิงสาวไม่สนใจใยดีป่ายฉี เธอค่อย ๆ เกาะต้นขาของป่ายฉีคลานขึ้นมาต่อ ตั้งใจแน่วแน่ที่จะฆ่าเขา
ป่ายฉีพูดขึ้นอีกครั้ง "สาวน้อย เธอชื่ออะไรเหรอ? เหมือนสำนวนที่ว่าไม่สู้กันก็ไม่รู้จักไง นับประสาอะไรกับการยอมตายใต้โบตั๋นงาม? ฉันตายด้วยมือเธอ พอยมบาลถามว่าใครฆ่าฉัน เดี๋ยวฉันจะบอกชื่อไม่ได้ หน้าแตกกันพอดี"
เธอคลานขึ้นมาฆ่าฉันก็ยังต้องใช้เวลาอีกนิด งั้นมาคุยกันหน่อยดีกว่า บอกชื่อของเธอมาหน่อยได้ไหม? เอาแต่เรียกสาวน้อยสาวน้อยมันอึดอัดนะ"
หญิงสาวนั้นสีหน้าเย็นชาแล้วใจยังเย็นยะเยือกยิ่งกว่า เธอคลานขึ้นไปอย่างแน่วแน่
จนกระทั่ง.....
ป่ายฉีที่กำลังนอนอย่างเฉยชาก็พลันร้องเสียงหลงขึ้นมา มือสองข้างคว้ามือของหญิงสาวเอาไว้อย่างสั่นเทา
ในทางน้ำใต้ดินอันมืดมิด ต่อสู้กันเสียงดังตูมตาม หยดน้ำกระเซ็นไปทั่วสารทิศ ยากจะแยกออกจากกัน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน....
แขนขาของทั้งสองคนเกี่ยวพันกันไปมาจนแยกไม่ออกว่าแขนใครขาใคร ต่างเกี่ยวรั้งกันจนเคลื่อนไหวไม่ได้
สีหน้าของป่ายฉีซีดเผือด เหนื่อยจนเริ่มจะสงสัยกับชีวิต
เขาคิดแล้วคิดอีก เป็นอย่างนี้ต่อไปคงไม่ได้การ จึงพยายามประนีประนอม
"สาวน้อย ดูสิ เธอก็ฆ่าฉันไม่ไหว ฉันเองก็ฆ่าเธอไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกก็มีแต่จะเปลืองแรง เปลืองเวลาจริง ๆ อย่างนั้นเธอปล่อยฉันก่อนดีกว่า พอเราออกไปได้แล้วค่อยสู้กันใหม่ไหม?"
แรงของหญิงสาวที่บิดขาของป่ายฉีอยู่ยิ่งเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
"โอ้ย เจ็บ ๆ ๆ ....."
ป่ายฉีเจ็บจนร้องซี๊ด เขารีบยกย้ายขาของหญิงสาวทันที ทันใดนั้นเธอเองก็ผุดเหงื่อขึ้นเต็มใบหน้าเช่นกัน....
ผ่านไปสองนาที พวกเขาต่างเหนื่อยจนผ่อนแรงลง
ขาของป่ายฉีนั้นเจ็บจนชาไปแล้ว เขากอดขาของหญิงสาวเอาไว้ด้วยใบหน้าหมดอาลัยตายอยาก
เขาคือหมอเทวดาผู้สง่างามหล่อเหลาและมีเสน่ห์ป่ายฉี ทำไมต้องมาเจอยัยผู้หญิงแรงโคถึกนี่ ตกลงมาในทางน้ำใต้ดินมืด ๆ นี่ แล้วต้องมาพัวพันกันยุ่งเหยิงแบบที่ตายซะยังดีกว่าแบบนี้ด้วย?
"สาวน้อย องค์กรของเธอล้างสมองเธอไปแล้วหรือไง? เธอไม่กลัวตายเลยงั้นเหรอ?"
"เห็นเธอเป็นแบบนี้ ไม่รู้จักความเจ็บปวดแถมไม่กลัวตาย คงตัดสินใจจะอยู่ที่นี่กับฉันห้าวันห้าคืน แล้วหิวตายไปด้วยกันสินะ"
"แม้ว่าจะมีสาวสวยกอดรัดอยู่ แล้วกอดสาวงามตายไป จะว่าไปแล้วฉันก็น้อยใจนิด ๆ แฮะ"
"ถึงยังไง เธอก็กำลังแต๊ะอั๋งฉันอยู่"
หญิงสาวเหลือทน "หุบปาก!"
แต่ป่ายฉีกลับไม่สำนึกเลยแม้แต่น้อย เขายังคงได้คืบจะเอาศอก เขาค่อย ๆ ลูบไล้มือไปตามน่องของเธอทีละนิด
"ไหน ๆ ก็จะต้องตายแล้ว งั้นก็ต้องเลือกวิธีตายให้มีความสุขสิ....."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...