ให้เธอใส่อันนี้เนี่ยนะ
"อย่างกับผู้หญิง ฉันไม่ใส่"
เธอปฏิเสธ แล้วโยนใส่ป่ายฉี
ป่ายฉีหัวเราะ "คุณก็เป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ"
หานจื่อ:"......"
ในที่สุดก็ไม่สามารถเถียงสู้ป่ายฉีได้ ถูกหานจื่อบังคับจนต้องไปเปลี่ยนใส่ชุดนี้และก็เปลี่ยนรองเท้า
เธอเดินออกมาจากห้องลองเสื้อผ้า ทำให้ป่ายฉีรู้สึกอึ้งตะลึงจนอาจชื่นชอบ
ถ้าท่าทางของเธอไม่เย็นชาขนาดนั้น ไม่บึ้งตึงขนาดนั้น
"คุณผู้หญิงสุดสวย ไป พวกเราไปทานข้าวกันเถอะ"
ป่ายฉียื่นมือมาทางหานจื่ออย่างสุภาพบุรุษ
หานจื่อเดินเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าที่เย็นชา ทุกย่างก้าวบึ้งตึงและเชื่องช้า เธออาศัยแรงสมดุลที่ยอดเยี่ยมในการควบคุมการทรงตัวของตัวเอง แต่ว่ารองเท้าส้นสูงคู่นั้นที่อยู่บนเท้าของเธอ เหมือนกับกำลังยืนอยู่บนไม้ต่อขาก็ไม่ปาน
เธอก้าวเดินไปหาป่ายฉีอย่างเชื่องช้าและยากลำบาก
ป่ายฉีจ้องมองเธอ ภาพฉากนี้ช่างสวยงามมาก การแต่งหน้าที่อ่อนโยน กระโปรงที่โปร่งสบาย จึงเพิ่มกลิ่นอายความอ่อนโยนให้กับเธอ
ทำให้คนถึงได้สังเกตเห็น จริง ๆ แล้วหานจื่อนั้นงดงามมาก
ป่ายฉีรู้สึกว่า เช่นนี้เธอเดินอยู่บนท้องถนน อย่างน้อยก็รู้สึกว่าเธอเหมาะสมกับเขา
มือที่ป่ายฉียื่นมา จึงค่อนข้างดูเต็มใจ
แต่เมื่อ หานจื่อเดินมาถึงด้านหน้าของป่ายฉี มือนั้นกลับถูกเธอมองข้ามไป และก็เดินผ่านเขาไปอย่างเย็นชา
ไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย
ป่ายฉียืนทื่ออยู่กับที่ รู้สึกแต่เพียงว่ามีลมเย็นพัดผ่าน ทั้งเย็นทั้งอึดอัด
รอบข้างยังมีพนักงานที่เห็นเขาแล้วแอบยิ้ม
ให้ตายเหอะ น่าอายชะมัด
ป่ายฉีดึงมือกลับด้วยความหงุดหงิด และจ้องเขม็งหานจื่อแวบหนึ่ง ใบหน้าดำทะมึนเดินตามด้านหลังเธอที่ทิ้งระยะห่างห้าเมตร
ราวกับไม่รู้จักกัน
ไม่อยากจะสนใจเธอ
หานจื่อที่ผ่านการแต่งหน้า ใบหน้าจึงดูสวยงามมาก ตลอดทางถูกดึงดูดความสนใจจากผู้คนไม่น้อย ผู้ชายต่างมองตะลึง ชอบ และอยากจะเข้ามาทักทาย
แต่ก็ไม่มีใครกล้าเดินมาด้านหน้า
ในฝูงชน มีคนพึมพำงึมงำ
"คุณมองไม่เห็นผู้ชายสุดหล่อที่อยู่ด้านหลังเหรอ หล่อขนาดนั้นน่าจะเป็นแฟนของผู้หญิงคนนี้ คงน่าจะทะเลาะกันแหละ"
"พูดแบบนี้ น่าจะใช่แหละ"
"พี่คนนั้นดูใส่ใจจังเลย ทะเลาะกันยังเดินตามหลังแฟนสาวของตัวเองต้อย ๆ และยังเว้นระยะห่างห้าเมตรอีก เหมือนหมาน้อยผู้น่าสงสารเลย"(เรียกผู้ชายว่าหมายน้อย หมายถึงแฟนหนุ่มสไตล์แบ๊วๆ ใสๆ เป็นคำแสลงจีน )
"ชอบมาก ๆ ขอเป็นแฟนคลับคู่รักคู่นี้เลย"
......
เสียงสนทนาไม่ได้ดังมาก แต่ก็ไม่ได้เบา ป่ายฉีสามารถได้ยินอย่างชัดเจนด้วยพลังของหูที่สุดยอด
เดิมทีใบหน้าของเขาก็มืดดำทะมึนอยู่แล้ว ฉับพลันก็ยิ่งดำขึ้นไปใหญ่
ให้ตายเหอะนี่เขาเป็นคู่รักกับยัยคิงคองนี้แล้วเหรอ นี่เป็นการหยามเขาชัดๆ!
อีกอย่างหมาน้อยคืออะไร
เขาหล่อขนาดนี้จะเป็นหมาได้อย่างไร
ป่ายฉีแทบจะระเบิดแล้ว เพราะยัยคิงคองคนนี้แท้ๆ ทำให้เขาถูกคนอื่นต่างเข้าใจผิดว่าเป็นหมาน้อย
เขาไม่ใช่สักหน่อย
ป่ายฉีเพื่อต้องการจะโชว์ว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งเด็ดเดี่ยว ทันใดนั้นจึงได้เร่งความเร็วฝีเท้า เดินไปข้างๆหานจื่อ จากนั้นจับข้อมือของเธอแล้วมุ่งเดินไปด้านหน้า
รวดเร็วและบ้าบิ่นมาก
หานจื่อที่กำลังทำความคุ้นเคยกับรองเท้า เมื่อถูกดึงฉับพลัน โดยไม่ทันตั้งตัว จึงมีเสียงดัง "กึก"ขึ้น ส้นรองเท้าของเธอหักแล้ว
ป่ายฉีได้ยินเสียงจึงหันกลับไปดู มุมปากกระตุกขึ้น
ส้นรองเท้าหักข้างหนึ่งแล้วจะทำอย่างไรดี ยังเดินได้อีกไหม
ยังไม่ทันที่เขาจะคิดออก ก็เห็นเท้าอีกข้างหนึ่งของ หานจื่อเคาะเข้าที่พื้น จนส้นรองเท้าอีกข้างหนึ่งก็หักออกเช่นกัน
เวลานี้ พนักงานหนุ่มเอ่ยปากอย่างอึดอัดขึ้น "คุณผู้ชายท่านนี้ อาหารค่ำใต้แสงเทียนสุดโรแมนติกของท่านที่จองไว้ได้จัดเตรียมเรียบร้อยแล้วครับ ยังต้องการจะ......นำมาวางไหมครับ"
หานจื่อ:"......"แววตาเย็นชา มองสำรวจดู
ป่ายฉี:"......"
เขาอยากได้เส้นบะหมี่ที่สามารถรัดคนให้ตายได้ มีไหม
เขาอยากจะบอกว่าการเตรียมดินเนอร์ใต้แสงเทียนนั้นเพียงเพื่อต้องการสัมผัสบรรยากาศเท่านั้น จะมีคนเชื่อไหม
ป่ายฉีแอบกัดฟัน กลับไปจะต้องไปบีบคอกู้จื่อเฟยให้ตาย ความคิดบ้า ๆ ที่ผู้หญิงคนนี้คิดออกมา ทำให้เขาเสียหน้าไปหมด
ชั้นดาดฟ้า
ห้องส่วนตัวที่คั่นด้วยช่อดอกไม้ นั่งอยู่บนที่นั่งก็สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองเกือบครึ่งเมือง
บนโต๊ะมีดอกกุหลายที่สวยงาม เทียนรูปหัวใจและก็แชมเปญ
ตรงกลางของดาดฟ้ายังนักดนตรีที่เล่นกีตาร์สุดโรแมนติก
บรรยากาศช่างสวยงามสุด ๆ
ป่ายฉีเองก็รู้สึกอึดอัด ประหม่า และตัวแข็งทื่อไปหมด
เขากล่าวด้วยเสียงห้วน ๆ ผ่านลอดไรฟันออกมา "นี่......คืออยากให้คุณได้สัมผัสชีวิตของคนธรรมดาทั่วไป ...... และ แค่ก ๆ ดินเนอร์ใต้แสงเทียนก็คือหนึ่งในนั้น ......ผมไม่ได้ต้องการจะจีบคุณ"
หานจื่อหยิบช้อนส้อมขึ้นมาหั่นสเต๊กด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
"ไม่ต้องอธิบายหรอก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับฉันทั้งนั้น"
ป่ายฉีนั่งลงอยู่บนเก้าอี้ด้วยมุมปากที่กระตุก เหมือนถูกปฏิเสธจนรู้สึกอับอายอย่างอธิบายไม่ถูก
จิตใจของเขาจึงรู้สึกหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ ต้องการอยากเอาชนะจึงได้ลุกขึ้น
"หากว่ากูจะจีบมึงจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนหรอก มึงไม่มีทางต่อต้านได้ และก็ต้องหลงรักกูอย่างแน่นอน!"
หานจื่อทานสเต๊กเข้าไปหนึ่งคำ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเขา
นั่นคือความเฉยเมยและดูหมิ่นที่แผ่ออกมาจากกระดูกด้านใน
ป่ายฉีรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตัวเองถูกผู้หญิงคนนี้เหยียบบี้ขยี้ย่ำจนเละอยู่บนพื้นแล้ว
ทันใดนั้นจิตใจของเขาก็ผุดความคิดที่ดุดันขึ้น จีบเธอให้ติด ให้เธอหลงรักเขา จากนั้นค่อยสะบัดเธอทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ทำให้เธอเจ็บปวดจนไม่อยากจะมีชีวิตต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...