สีหน้าท่าทางของป่ายฉีที่อึ้งตะลึง ทำให้หานจื่อรู้สึกสะใจ ในที่สุดก็สามารถหาความสนุกในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์แล้ว
ไม่เพียงแต่เตียงที่ดำ ตู้ โซฟา โต๊ะล้วนเป็นสไตล์ดำมืดทั้งหมด สไตล์ยังดูซับซ้อน แฟนซี ด้านบนสลักด้วยลายดอกสีดำจำนวนมากที่สลับซับซ้อน ยังมีบางลวดลายดอกเป็นสีแดงราวกับหยดเลือด
เมื่อมองไปรู้สึกหดหู่มาก
ป่ายฉีรู้สึกแย่ไปทั้งตัว ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมในร้านถึงมีการออกแบบที่ไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เช่นนี้
เขาอดไม่ได้ที่จะสำลักอาเจียนออกมา "คุณแน่ใจเหรอว่าที่ตกแต่งคือบ้าน ไม่ใช่คุก"
ใส่อุปกรณ์ทรมานอีกหน่อย ก็จะใช่เลย
หานจื่อไม่ได้เห็นบ้านหลังนั้นเป็นบ้าน แค่รู้สึกสะอิดสะเอียนป่ายฉีเท่านั้น เธอเองไม่ได้มีความชอบสไตล์ส่วนตัว
ไม่ว่าจะสี สไตล์ สำหรับเธอล้วนเหมือนกันหมด
ไม่มีความแตกต่าง
เมื่อเดินออกจากร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ป่ายฉีรู้สึกเหมือนกับว่าโดนเหยียบ จนหมดเรี่ยวหมดแรง ดวงตาเจ็บ
เขาจึงทักท้วงอย่างไม่พอใจขึ้นอีกครั้ง "คุณแน่ใจนะว่าจะซื้อของเหล่านั้น จะไม่ไตร่ตรองสักหน่อยเหรอ เปลี่ยนไหม"
หานจื่อรู้สึกยากที่จะอารมณ์ดีแบบนี้ แสงแดดก็ช่างสดใสจัง
เธอสาวเท้าก้าวเดินไปด้านหน้า "สิ่งของได้ถูกส่งไปแล้ว รีบกลับไปเปิดบ้านให้พนักงานเถอะ"
ป่ายฉี:"......"มองท้องฟ้าอย่างทอดถอนใจ
เขาไม่กล้าจะคิดว่าบ้านจะถูกตกแต่งออกมามีลักษณะอย่างไร
จึงกลับเขตชุมชนด้วยอาการเซ็ง มองดูคนงานที่นำเฟอร์นิเจอร์มาจัดวาง บ้านที่ว่างเปล่า ฉับพลันก็เต็มไปด้วย......
สีดำแห่งแรงอาฆาต
ใช่ แรงอาฆาต
เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดล้วนเป็นโทนสีดำลายดอกสลับซับซ้อน นี่ยังถือว่าปกติ เพียงแต่โทนสีมืดไปหน่อยเท่านั้น แต่เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้กลับมีภาพและสติกเกอร์เปื้อนเลือดทุกชนิดแปะอยู่
รูปคราบเลือด รูปมีดเปื้อนเลือด รูปคนปีนขึ้นปีนลง
บอกว่านี่เป็นบ้านผีสิง ป่ายฉียังเชื่อเลย
เขากุมขมับ "คุณพักอยู่ที่นี่ไม่กลัวว่ากลางคืนจะฝันร้ายเหรอ"
พัก?
หานจื่อตะลึง กะพริบตาและก็เต็มไปด้วยการแดกดัน "ฉันไม่พักที่นี่เด็ดขาด"
ภายในเดือนนี้ เธอจะกลับไปเป็นหนูทดลองที่บ้านตระกูลเย้น ตอนกลางคืนก็จะนอนที่บ้านตระกูลเย้น หลังจากหนึ่งเดือนเธอก็จะจากทุกอย่างที่นี่ไป แล้วกลับไปที่องค์กร บ้านหลังนี้ก็ยิ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ
ดังนั้น ที่นี่จะตกแต่งอย่างไร เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ
ถึงแม้จะเป็นเตียงที่เธอเลือกเองกับมือก็ตาม เธอก็จะไม่นอนสักคืน
ป่ายฉีมองหานจื่ออย่างลึกซึ้ง และพิงเข้าที่กรอบประตูอย่างสบาย ๆ
ยิ้มแล้วกล่าว :"มีเรื่องหนึ่งที่ผมต้องบอกคุณ อุปกรณ์การวิจัยได้ถูกย้ายมาอยู่ในเมืองแล้ว ไม่จำเป็นต้องกลับไปทำที่บ้านตระกูลเย้นอีก ยี่สิบกว่าวันที่เหลือ คุณต้องพักอาศัยอยู่ที่นี่"
เงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็เสริมอีกหนึ่งประโยค "หากคุณยินดี ต่อไปในอนาคตก็สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้อย่างยาวนาน
ผมเคยบอกแล้วว่าที่นี่คือบ้านของคุณ"
หานจื่ออึ้ง
จ้องมองบ้านด้วยแววตาตะลึง เตียงสีดำ เฟอร์นิเจอร์สีดำ สติกเกอร์สุดสะพรึงกลัว ในสายตาของเธอนั้นไม่ได้รู้สึกกลัว
แต่ในใจของเธอกลับรู้สึกแปลก ๆ จะพักอยู่ที่นี่เหรอ
บ้านที่เขียนด้วยชื่อของเธอ......
สถานที่เพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้ที่เป็นอาณาเขตของเธอ
ผ่านไปสักพัก เธอส่ายหน้าไปมา เบนสายตาหนีอย่างเฉยเมย เธอเตือนตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็นเพียงก้อนเมฆ หลังหนึ่งเดือนผ่านไปมันก็จะลอยหายมลายไป
และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเธออีก
อย่างนั้นตอนนี้เธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปใส่ใจ
ป่ายฉีสังเกตปฏิกิริยาการตอบสนองของเธอ สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ ก่อนหน้านี้สีหน้าของหานจื่อที่เรียบเฉยราวกับก้อนน้ำแข็งที่เกาะกันเป็นหมื่นๆปี มีเพียงอารมณ์เดียวที่ปรากฏให้เห็นคือแรงอาฆาต
เมื่อคุณป้าได้ยิน ก็หัวเราะขึ้น
ที่แท้วัยรุ่นสองคนนี้ซื้อผักไม่เป็นทำกับข้าวไม่เป็นนี่เอง เสี่ยวป่ายอยู่ที่นี่เพื่อสัมผัสวิถีการปรุงอาหาร?
อย่างนั้นเธอในฐานะป้าใจดีที่อยู่ชั้นบน จะต้องแสดงความรักของเพื่อนบ้านที่ดีหน่อยแล้ว
คุณป้ากล่าวอย่างเป็นกันเองว่า :
"ป้าเป็นเชฟมากว่าสี่สิบปี ไม่มีอาหารที่ป้าทำไม่เป็น ป้าจะสอนพวกคุณเลือกซื้อผัก ทำอาหารอะไรที่ทั้งง่ายและก็อร่อย"
ในความสันทัดช่ำชองสาขาอาชีพของตัวเอง คุณป้าสามารถคุยได้อย่างเต็มที่ และส่งต่อความรู้ที่ได้เรียนมาตลอดทั้งชีวิตให้กับป่ายฉีกับหานจื่อ
คุณป้าเองก็เป็นคนสนิทง่าย มีความเป็นกันเอง แม้หานจื่อจะสีหน้าเย็นชา อีกทั้งไม่พูดไม่จา คุณป้าก็ยังพูดจาดีกับเธอ
จนสุดท้ายเป็นความรู้สึกของหานจื่อเองที่แทบจะพังทลาย แต่ว่าเธอที่เย็นชา สังหารคนอย่างไม่สะทกสะท้าน กลับไม่มีปฏิกิริยาที่จะลงไม้ลงมือกับคุณป้าตั้งแต่ต้นจนจบ
หรือแม้แต่ถูกคุณป้าที่พลางพูดพลางหยิบของใส่รถเข็นจนเต็มก็ตาม
มีคุณป้าที่คอยเป็นสารานุกรมชีวิต เดินช้อปปิ้งทั่วซูเปอร์มาเก็ต นอกจากได้ผักสดแล้ว แม้แต่หม้อถ้วยชามกะละมังข้าวของเครื่องใช้ในประจำวัน น้ำยาล้างห้องน้ำต่าง ๆ ก็ซื้อมาจนครบ
ของเยอะมาก เยอะจนมือสองข้างของป่ายฉีถือแทบไม่ไหว
ป่ายฉีมองถุงอีกใบหนึ่งที่อยู่บนเคาน์เตอร์แคชเชียร์ จึงกล่าวกับหานจื่อว่า :"เฮ้ ยัยคิงคอง ถุงใบนั้นคุณถือนะ"
หานจื่อไม่เต็มใจ และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องมาทำเรื่องแบบนี้อยู่ที่นี่
ถุงพลาสติกที่เต็มไปด้วยข้าวของ ยิ่งทำให้เธอเกิดความตื่นตูม ไม่สบายใจ
ราวกับประหนึ่งว่า เพียงแค่เธอถือขึ้นมา ของอะไรก็จะถูกบดขยี้จนพังและเปลี่ยนไป
แต่แล้ว ในขณะที่เธอยังคงปฏิเสธอยู่นั้น คุณป้ากลับมัดถุงนั้นขึ้นแล้วยัดใส่ที่อ้อมแขนของหานจื่อ
คุณป้ายิ้มแล้วกล่าวว่า "ไปกันเถอะ พอดีเลยป้าจะได้กลับไปพร้อมกับพวกคุณ"
หานจื่อ:"......"
เธอมองดูถุงที่อยู่อุ้มอยู่ในแขนที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ สภาพจิตใจแทบจะพังทลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...