หลังจากคิดไปคิดมา เธอก็ไม่สนอะไรทั้งนั้นแล้ว เก่อหรูซวนก็พุ่งเข้าไป แล้วจับข้อมือของเย้นหว่านเอาไว้ จากนั้นก็กดเสียงต่ำและพูดเชิงตะโกนออกมา
" เย้นหว่าน ชีวิตโห้จือซินผู้เป็นลูกสาวของเธออยู่ในกำมือของฉันแล้ว! ถ้าเธอยังอยากให้แกมีชีวิตอยู่ ก็หยุดให้สัมภาษณ์ข่าวตอนนี้ซะ "
นี่คือไพ่ที่จะทำให้ชนะของเก่อหรูซวน เดิมทีก็ไม่มีแผนว่าจะเอาออกมาใช้เหมือนกัน แต่เห็นที่ตอนนี้จะถูกบีบจนไม่มีวิธีอื่นแล้ว
ตอนแรกคิดว่า เมื่อเย้นหว่านได้ยินในสิ่งที่พูดแล้ว ก็จะรีบเปลี่ยนสีหน้าทันที เปลี่ยนเป็นดูตกใจ
แต่ คิดไม่ถึงเลยว่า เย้นหว่านจะยิ้มออกมาด้วยความเย็นชาและเหยียดหยาม พร้อมด้วยแววตาที่เย้ยหยันเธอเต็มๆ
" เก่อหรูซวน นี่เธอจนตรอกไร้ทางไป ถึงขนาดต้องโกหกเป็นตุเป็นตะขนาดนี้เลยเหรอ? "
เก่อหรูซวนตัวแข็งทื่อ นึกไม่ถึงเลยว่าปฏิกิริยาแรกของเย้นหว่าน ไม่มีท่าทีว่าจะเชื่อ
แล้วเธอยังพูดอีกว่า " หลังจากที่เธอกลับมาจากเมืองหนาน เธอเคยเจอลูกสาวของเธอด้วยเหรอ แล้วรู้เหรอว่าเธอยังอยู่ดีมีสุข? เย้นหว่าน การที่เธอเป็นแม่คน ใจคงไม่กว้างขนาดนั้นหรอกมั้ง มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่สนใจความเป็นอยู่และความปลอดภัยของลูกสาวตัวเอง "
" แน่นอนว่าฉันต้องสนใจอยู่แล้ว "
ครั้งนี้เย้นหว่านไม่ได้ปฏิเสธเธอ แต่กลับยิ้มอย่างเย้ยหยันและพูดว่า " ฉันรู้มาตั้งแต่แรกแล้ว ลูกชายและลูกสาวทั้งคู่ของฉัน ได้ถูกคุณโห้ซ่อนไว้อย่างดี ภายใต้ความปลอดภัยของเขา ลูกทั้งสองก็ต้องอยู่ดีมีสุข เธอใช้วิธีนี้มาข่มขู่ฉัน มันช่างดูโง่เสียจริง "
" โห้หลีเฉินซ่อนลูกสาวของเธอไว้อย่างดี แต่จะซ่อนยังไงก็คงไม่มีประโยชน์ "
เก่อหรูซวนสองจิตสองใจไปชั่วขณะ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เย้นหว่าน ก่อนจะกดเสียงในลำคอและพูดต่อว่า " ลูกสาวของเธอเป็นตัวสำคัญของมนุษย์พันธุ์แกร่ง เธอยังจำได้ใช่ไหม? เพียงแค่เพราะเป็นมนุษย์พันธุ์แกร่ง พวกเราก็สามารถรู้วิธีทำให้เธอตายได้ง่ายๆ แม่ว่าลูกสาวของเธอจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แค่พวกเราต้องการฆ่า เธอก็จะตายในทันที "
เก่อหรูซวนเผยความลับที่ใหญ่ที่สุดออกมาอย่างหมดเปลือก แล้วพูดออกมาอย่างจริงจัง แต่สีหน้าของเย้นหว่าน ก็แสดงเพียงแค่หัวคิ้วที่ยกขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น
เธอไม่ได้รู้สึกตื่นกลัวหรือร้อนใจอะไร แถมยังพูดช้าๆ อย่างใจเย็นว่า " ลูกสาวไม่ได้อยู่ข้างกายฉัน ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดมันจริงหรือหลอก? "
" โห้หลีเฉินเป็นพยานได้ เขารู้! " เก่อหรูซวนตอบ
เย้นหว่านเยี่ยมเย็นและส่ายหัว แววตาที่มองดูเยือกเย็นในทันที " โห้หลีเฉินรวมพวกเธอล้างสมองไปตั้งนานแล้ว เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ? ตอนนี้เขากับพวกเธอก็ยืนบนถนนเส้นเดียวกันแล้วนี่ สิ่งที่พูดจะจริงหรือโกหก ฉันคงไม่เชื่อทั้งหมดหรอก "
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เย้นหว่านพูดแบบนี้ ก็คงไม่มีอะไรน่าเชื่อ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปพร้อมกับการกระทำของเธอ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและโห้หลีเฉินมีทั้งความรักและความแค้น ความจริงและคำโกหก ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่สนิทชิดเชื้อดังสามีภรรยาอีกต่อไป
สิ่งที่เธอไม่เชื่อโห้หลีเฉิน ก็คงจะเป็นด้านของความรู้สึก
แต่โห้หลีเฉินก็เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้
เก่อหรูซวนคงคิดไม่ถึงว่า นี่มันคือท่าไม้ตาย ที่ได้ใช้มันข่มขู่ต่อหน้าเย้นหว่านเข้าอย่างจัง แต่ผลลัพธ์มันออกมาเป็นแบบนี้ ดูทรงแล้วไม่น่าจะมีประโยชน์อะไร
หากเย้นหว่านไม่ยอมเชื่อ ก็คงทำอะไรเธอไม่ได้
ถึงพวกเขาอยากจะข่มขู่เย้นหว่านแค่ไหน ก็ไม่ทำถึงขนาดที่ต้องสู้จนตกม้าตายทั้งสองฝ่าย แล้วก็ไม่สามารถฆ่าโห้จือซินได้จริงๆ ตามที่ว่า แต่ยังไงก็ต้องหาวิธีทำให้เย้นหว่านเชื่อให้ได้
สถานการณ์นี้ ทำให้กดดันจนแทบกระอักเลือด จนผู้ถูกกระทำแทบจะคาดไม่ถึง
" ฉันมีวิธีทำให้ผู้หญิงคนนั้นเชื่อ ให้เย้นหว่านมาคุยกับฉัน " ในโทรศัพท์มีเสียงผู้ชายดังออกมา
เก่อหรูซวนจึงรีบนำโทรศัพท์ส่งให้กับเย้นหว่าน " เจ้านายของฉันอยากให้เธอเชื่อ เย้นหว่าน ถึงแม้สิ่งที่ฉันพูดจะดูเหมือนหนึ่งในหมื่นของความเป็นไปได้ว่ามันคือความจริง แต่เธอคงไม่ปิดหูปิดตา ปฏิเสธที่จะเจรจา แล้วทำให้แรบบิทเสี่ยงชีวิตหรอกนะ? "
" หนึ่งในหมื่นเนี่ยนะ? " เย้นหว่านยิ้มเย็น " แม้จะเป็นหนึ่งในหมื่นที่ว่าฉันก็ไม่เชื่อ ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าพวกเธอจะเล่นมุกอะไรกันแน่ "
เย้นหว่านหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยท่าทียืดยาด แล้วแน่ไปที่หู
" ปิดเครื่องแปลงเสียงก่อน ไม่ยังงั้นฉันจะวางสายทันที แล้วจะไม่คุยด้วย "
" คุณจะมาด้วยตัวเองเลยเหรอ? " เย้นหว่านถาม
ปลายสาย: " ใช่ ฉันจะไปด้วยตัวเอง "
" เอางั้นก็ได้ " เย้นหว่านตอบกลับแบบไม่ใส่ใจเรากับนัดกันกินข้าวเพื่อคุยเรื่องธุรกิจ " ฉันก็อยากจะรู้นัก ว่าคนที่สามารถล้างสมองโห้หลีเฉินได้ หน้าตาจะดูสูงส่งสักแค่ไหน "
" แต่..... "
เย้นหว่านชะงักไป ก่อนจะพูดเนิบๆ " โห้หลีเฉินยังถูกล็อกอยู่ในบ้านอยู่เลย รอฉันกลับไปทำกับข้าวให้เขากินก่อนนะ คืนนี้คงไม่ว่างแล้วล่ะ ไว้เป็นพรุ่งนี้ตอนสิบเอ็ดโมงค่อยเจอกันดีไหม สถานที่นัดเจอก็เป็นร้านกาแฟยืนนาน "
" พรุ่งนี้? " ใช่ที่อยู่ปลายสายแสดงความไม่พอใจ " เวลาไม่คอยท่า ฉันรอให้เธอกินข้าวเย็นเสร็จแล้วค่อยเจอกันก็ได้ "
นี่ถึงขีดสุดที่เขาสามารถทนได้แล้ว
เย้นหว่านก็ยังคงปฏิเสธแบบไม่ใส่ใจอะไร " ฉันบอกว่าพรุ่งนี้ก็คือพรุ่งนี้ ถ้าคุณไม่เห็นด้วยแล้วล่ะก็ ไม่ต้องเจอแค่นั้น "
อีกฝ่าย: "....... " นี่คือการเจรจาที่เขาต้องใช้น้ำอดน้ำทนที่สุดในชีวิต
ผู้หญิงคนนี้คนตาย ไม่รู้จักเจียมตัวเสียเลย
" จริงสิ อีกอย่าง ฉันขอเตือนคุณ ว่าให้มาคนเดียว อย่าพาใครมาทั้งสิ้น ถึงแม้คุณจะพูดออกมาดื้อๆ ว่าในมือของคุณกำชีวิตลูกสาวของฉันไว้ ก็เลยไม่กลัวว่าฉันจะจัดการกับคุณยังไง ใช่ไหมล่ะ? "
ชายวัยกลางคนที่อยู่ปลายสายพยายามสูดหายใจเข้าอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าโกรธอยู่ไม่น้อย
เขากัดฟันแน่น ผ่านไปชั่วขณะจึงจะตอบกลับว่า " ได้ พรุ่งนี้สิบเอ็ดโมงเจอกัน เย้นหว่าน หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นเธอจะยังทำตัวปีกกล้าขาแข็งได้แบบนี้ "
" ชีวิตลูกสาวของเธออยู่ในกำมือฉัน เธอใช้เล่ห์กลอะไร ก็ไม่ได้ผลทั้งนั้น "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...