บทที่ 194 อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าความแตกต่าง
โห้หลีเฉินหน้าบึ้งตึง สายตาที่มองผู้หญิงทั้งสองคนดูอันตรายมาก
ถึงแม้คืนนี้จะเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเขา แต่เขากลับขากลับตั้งใจจะแนะนําเธอให้ทุกคนได้รู้จัก รู้ถึงฐานะของเธอ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกเธอว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา อีกทั้งเย้นหว่านเป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องพวกนี้ แล้วยังมาสายด้วย เธอจะต้องไม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดไว้แน่ๆ
โห้หลีเฉินเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ของขวัญ และไม่ได้ต้องการให้เย้นหว่านเตรียมของขวัญอะไร แต่เขาไม่ยอมให้คนอื่นมาหาเรื่องเย้นหว่าน ทำให้เย้นหว่านขายหน้าที่นี่แน่
เขายื่นมือออกไป แล้วดึงเย้นหว่านเข้ามากอดไว้ ด้วยท่าทีเหมือนประกาศอำนาจ
สายตาของเขาจ้องมองทั้งสองคนอย่างเย็นชา ก่อนจะมองไปรอบๆงาน “สำหรับผมแล้ว เย้นหว่านก็คือของขวัญที่มีค่ามากที่สุด”
น้ำเสียงของเขาแหบต่ำน่าหลงใหล ไม่ปกปิดอารมณ์ของตัวเองยิ่งทำให้รู้สึกประทับใจมาก
พอพูดออกมา ผู้หญิงทุกคนในงานต่างพากันกรีดร้อง และอิจฉาจนแทบบ้า แค้นใจที่ตัวเองไม่ใช่เย้นหว่าน
ไม่มีใครเคยคิดเลยว่า คุณโห้ผู้ยิ่งใหญ่ เทพบุตรสุดเย็นชา จะกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคน และยังเป็นคำพูดที่ซาบซึ้งกินใจมากถึงขนาดนี้ด้วย
พวกเธอแค่ยืนฟังอยู่ด้านข้าง ยังรู้สึกใจเต้นแรงจนแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
เย้นหว่านเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่หล่อเหลาของโห้หลีเฉิน เธอสบตาเข้ากับแววตาที่น่าหลงใหลของเขา ในเวลานั้น หัวใจของเธอเต้นแรงจนควบคุมไม่อยู่
ผู้ชายคนนี้ จะมีเสน่ห์มากเกินไปแล้ว
พอโห้หลีเฉินพูดแบบนี้ นอกจากจะมีสายตาอิจฉาตาร้อนและไม่อยากยอมรับความจริงของบรรดาผู้หญิงในงาน พวกเธอก็ไม่กล้าหาเรื่องต่ออีกเลย
โห้หลีเฉินปกป้องเย้นหว่านถึงขนาดนี้ แม้แต่คนโง่ยังมองออก
ถึงแม้พวกเธอจะไม่อยากยอมแพ้ แต่พวกเธอก็ไม่กล้าท้าทายอำนาจของโห้หลีเฉิน
แค่พูดก่อกวนเล็กๆน้อยๆพอจะได้ แต่ถ้าทำให้โห้หลีเฉินโมโหขึ้นมาจริงๆ ไม่ว่าพวกเธอจะมีตระกูลที่ใหญ่แค่ไหน ก็คงไม่รู้ว่าจะตายยังไง
เย้นหว่านมองท่าทางไม่พอใจของผู้หญิงกลุ่มนั้น แล้วย่นคิ้วเล็กน้อย และแน่นอนเธอรู้ว่าโห้หลีเฉินกำลังปกป้องเธออยู่ เธอรู้สึกซาบซึ้งใจมากเช่นกัน แต่ในเมื่อโห้หลีเฉินทำได้ถึงขนาดนี้เพื่อปกป้องเธอ เธอเองก็ควรจะทำอะไรบ้างเหมือนกัน
เธอจะทำให้คนพวกนี้ไม่กล้าพูดนินทาทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ดังนั้น เย้นหว่านเงยหน้าขึ้นมองโห้หลีเฉิน เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ แต่กลับตั้งใจให้ทุกคนได้ยินเสียงเธอด้วย
“เดิมทีฉันตั้งใจว่าหลังจากจบงานเลี้ยงแล้ว ค่อยเอาของขวัญให้คุณ จะได้เซอร์ไพร์สคุณ แต่ในเมื่อพูดขึ้นมาแล้ว งั้นฉันเอาให้คุณตอนนี้เลยดีกว่าค่ะ”
เย้นหว่านจับกระเป๋าถือขึ้นมา แล้วหยิบกล่องของขวัญที่ดูหรูหราในกระเป๋าออกมา
โห้หลีเฉินเห็นกล่องของขวัญจึงตกตะลึงไปสักพัก เพราะเขาคิดไม่ถึงเลยว่า เย้นหว่านจะเตรียมของขวัญมาให้เขาด้วย
พอสบตาเข้ากับแววตาร้อนแรงของโห้หลีเฉิน เย้นหว่านเริ่มทำตัวไม่ถูก เธอหน้าแดงก่ำ รีบยื่นกล่องของขวัญให้โห้หลีเฉินทันที
“นี่คือปากกาที่ฉันมอบให้คุณเป็นของขวัญวันเกิดค่ะ ถึงแม้จะไม่ใช่ของมีค่าราคาแพง แต่ฉันตามหาอยู่หลายร้าน กว่าจะเจอร้านที่สลักชื่อได้ด้วย ฉันให้ทางร้านสลักรูปรอยยิ้มไว้ หวังว่าตอนที่คุณเห็น จะทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง”
ราคาไม่แพง แต่เป็นสิ่งที่เธอใช้ใจเลือกให้
แววตาของโห้หลีเฉินร้อนแรงเพิ่มขึ้น เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบต่ำมีเสน่ห์ “ที่คุณมาสาย ก็เพราะไปซื้อของขวัญให้ผมเหรอ”
เย้นหว่านเอียงอาย เธอออกจากบริษัทก่อนเวลาเลิกงาน แล้วยังผิดนัดกับโห้หลีเฉิน ถ้ากู้จื่อเฟยไม่เตือน เธอก็คงไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของโห้หลีเฉิน
เธอพยักหน้าเบาๆ “จะว่าอย่างนั้นก็ใช่ค่ะ”
โห้หลีเฉินยกริมฝีปากขึ้น จนกลายเป็นรอยยิ้มกว้าง เขาไม่เคยรู้สึกอารมณ์ดีอย่างนี้มาก่อนเลย
เย้นหว่านก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความรู้สึกกับเขาเลย ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่รีบออกจากบริษัท แล้ววิ่งหาร้านขายปากกาแบบนี้
เย้นหว่านถูกโห้หลีเฉินจ้องมองจนทำตัวไม่ถูก ภายในใจเหมือนมีกระต่ายน้อยกำลังวิ่งไปมาไม่หยุด
เธอรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “คุณลองดูค่ะ ว่าชอบไหม”
“คุณให้อะไร ผมก็ชอบทั้นนั้น”
เย้นหว่านชะงักไปเล็กน้อย เธอมองไปทางโห้หลีเฉินด้วยสายตากังวล
เธอไม่ใช้ปากกา แต่ราคาปากกาด้ามนี้สำหรับเธอแล้ว มันก็ถือว่าราคาแพงมาก เธอคิดว่าปากกาด้ามนี้จะเป็นปากกาที่ดีที่สุดซะอีก
คิดไม่ถึงเลยว่า ในที่นี่ มันกลับถูกรังเกียจแบบนี้
“เอ่อ คือว่า… ถ้าไม่ชอบ เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่ค่ะ”เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อดึงปากกาคืนมา
แต่มือของเธอยังไม่แตะโดนปากกา โห้หลีเฉินกลับเอาปากกาไปเกี่ยวไว้ตรงกระเป๋าหน้าอกแล้วเรียบร้อย
เหลือแค่หัวปากกาที่โผล่ออกมา รวมถึงที่เหน็บปากกาสีทองหนีบไว้ ตรงด้ามปากกามีรูปรอยยิ้มอยู่
แต่ว่ารูปรอยยิ้มที่เรียบง่าย สำหรับโห้หลีเฉินแล้ว ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้ากับโห้หลีเฉินมากเท่าไหร่ แต่กลับทำให้บรรยากาศรอบตัวเขาดูน่าเข้าใกล้มากขึ้น
โห้หลีเฉินยิ้มบาง น้ำเสียงแสบต่ำมีเสน่ห์ “จากนี้ไป ผมจะใช้แค่ปากกาด้านนี้ในการเซ็นเอกสารเท่านั้น”
ทุกคนในงานต่างพากันนิ่งอึ้ง จนทั้งงานเลี้ยงไม่มีเสียงดังออกมาเลย
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอหน้าโห้หลีเฉินมากนัก แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นว่าบนตัวของโห้หลีเฉินจะมีของชิ้นไหนที่ไม่ใช่สินค้าแบรนด์เนม ดังนั้นของขวัญที่พวกเขาเตรียมมาให้ ล้วนแต่เป็นสินค้าแบรนด์เนมทั้งนั้น
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ปากกาธรรมดาที่เย้นหว่านมอบให้ จะทำให้โห้หลีเฉินดีใจได้ถึงขนาดนี้ แล้วยังบอกว่าจากนี้ไปจะใช้แค่ปากกาด้ามนี้ด้วย
ของขวัญแบรนด์เนมที่พวกเขาเตรียมมาพวกนั้น ล้วนไม่อยู่ในสายตาของโห้หลีเฉินเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
ทุกคนเข้าใจขึ้นมาทันที ที่แท้ของขวัญไม่จำเป็นต้องราคาแพง แต่อยู่ที่ว่าคนที่ให้เป็นใคร
กลุ่มคนที่รู้สึกว่าปากกาด้ามนี้ไม่เหมาะสมกับโห้หลีเฉิน ตอนนี้ยิ่งรู้สึกขายหน้ามากขึ้นไปอีก
เย้นหว่านเองก็ตกใจ เธอมองไปที่ปากกาตรงกระเป๋าหน้าอกของโห้หลีเฉิน ในใจรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
หรือว่าเขาจะพูดแบบนี้เพื่อปกป้องหน้าตาของเธอ หรืออาจจะชอบปากกาด้ามนี้จริงๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุไหน ก็ทำให้เธอก็รู้สึกอบอุ่นใจเหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...