บทที่ 296 สารภาพรักแบบมีเลือด
วันนี้ ถึงเวลาที่เย้นหว่านนัดกับป่ายฉีไว้ ถึงแม้เย้นหว่านจิตใจหงอยเหงาไม่อยากออกไปข้างนอกมาก ยังจัดการตนเองอย่างใส่ใจ และออกไปข้างนอกแล้ว
ที่นี่คือเขตกลางเมือง ทุกวันมีรถผ่านไปมามากมาย วันนี้ไม่บังเอิญ รถติดอีกแล้ว
มองเห็นเวลานัดใกล้จะมาถึง ระยะห่างไม่ค่อยไกลเท่าไร เย้นหว่านคิดๆ ดู จึงตัดสินใจลงรถเดินไป
เธอเดินอยู่บนถนน ความเร็วไม่ไวไม่ช้าข้ามผ่านถนนสองสาย
ด้านหน้าที่ไม่ไกลนักก็คือสถานที่ที่นัดกับป่ายฉีไว้
เย้นหว่านกำลังจะเดินข้ามทางม้าลายไป เวลานี้มือข้างหนึ่งปรากฏขึ้นจากด้านข้าง ดึงเธอเอาไว้
ด้านข้าง เสียงผู้หญิงที่กัดฟันลอยมา
“เย้นหว่าน คาดไม่ถึงจะเป็นเธอ”
มือที่ผู้หญิงจับแขนเย้นหว่านใช้แรงมาก เล็บที่ทั้งคมทั้งยาวเหมือนผ่านเสื้อผ้าของเย้นหว่านไป จิกเข้าในเนื้อของเธออย่างนั้น
เย้นหว่านเจ็บจนขมวดคิ้ว เงยหน้ามองเห็นมู่หรุงซิ่นที่สีหน้าดุร้าย
ใช่ มู่หรุงซิ่น แต่ไหนแต่ไรเย้นหว่านไม่มีความประทับใจที่ดี สีหน้าเธอไม่ค่อยดี อยากสะบัดมือของมู่หรุงซิ่นออก
“คุณหนูมู่หรุง ปล่อยฉันออก!”
มู่หรุงซิ่นกลับจับแขนของเย้นหว่านแน่นยิ่งขึ้น บนหน้าที่สวยงามใบนั้นไม่รักษาภาพลักษณ์สักนิดอีกต่อไป มองเย้นหว่านอย่างดุร้ายและโหดเหี้ยม
“เธอจะมาทำเป็นดุต่อหน้าฉันทำไม? อย่าลืมนะตอนนี้เธอกับเฉินถอนหมั้นกันแล้ว เธอไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น เป็นแค่พวกหมาขี้แพ้ที่ตกอับ เธออยู่ต่อหน้าฉัน แม้แต่ขยะยังไม่ใช่”
เหยียดหยามอย่างหมดเปลือก ไม่ปิดบังสักนิด
อยู่ที่ถนนโดนคนด่าขนาดนี้ ถึงจะนิสัยดีแค่ไหน ก็อารมณ์ขึ้นกันบ้าง
เย้นหว่านขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ มองมู่หรุงซิ่นอยู่ รู้สึกยิ่งสะอิดสะเอียนมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ดีเลวอย่างไรเธอยังสนใจหน้าตา แกล้งแสดงออกอย่างสุภาพ แต่ว่าตอนนี้เธอพึ่งถอนหมั้นกับโห้หลีเฉิน แม้กระทั่งข่าวคราวยังไม่ทันได้ประกาศออกไป มู่หรุงซิ่นก็ทนไม่ไหวจนมาตบหน้าเธอถึงที่เลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมาฉีกหน้ากันกลางถนนโดยไม่สนใจภาพลักษณ์สักนิด
“มู่หรุงซิ่น เธอคิดว่าเธอสูงส่งมากแค่ไหน? ภายนอกแสร้งทำเป็นเพียงมีความสัมพันธ์แบบเพื่อนกับโห้หลีเฉิน พอลับหลังกลับใช้ลูกไม้สารพัดอยากให้พวกฉันเลิกกัน เธอเป็นคนที่จอมปลอมตีสองหน้าขนาดนี้ ฉันยังเคยเจอเป็นครั้งแรก”
ตอนแรก เย้นหว่านโดนมู่หรุงซิ่นหลอกมาไม่น้อย
ทำเรื่องแบบนี้แล้ว มีแค่มู่หรุงซิ่นเท่านั้นที่ยังมีหน้ามาหาเธอขนาดนี้อีก เหยียบเธออย่างมีเหตุผลได้อย่างเต็มปากเต็มคำ และไม่รู้สึกละอายใจสักนิดเดียว
มู่หรุงซิ่นสีหน้าซีดขาว ท่าทางยิ่งดุร้ายขึ้น
หล่อนมองสัญญาณไฟข้ามถนนตรงข้ามอย่างไม่ทิ้งร่องรอย ไฟเขียวใกล้จะผ่านไปแล้ว
หล่อนยิ้มเยาะ “งั้นแล้วจะยังไง น่าเสียดายสุดท้ายคนที่ชนะยังเป็นฉัน! เย้นหว่าน เธอรู้หรือไม่ตระกูลโห้ยังเตรียมพิธีแต่งงาน และเจ้าสาวคนนั้น เป็นฉัน!”
ได้ยินคำพูดนี้ เย้นหว่านเหมือนถูกฟ้าผ่า แข็งอยู่ที่เดิม
ไฟโกรธในกองหนึ่งชั่วพริบตาเดียวเปลี่ยนไปตื่นตระหนก ยังมีความรู้สึกผิดหวังอย่างมาก ราวกับเธอสูญเสียคนที่สำคัญมากไปเลย
หัวใจเย้นหว่านหดตัวเจ็บ เพียงนึกถึงภาพที่โห้หลีเฉินกับมู่หรุงซิ่นแต่งงานกัน ก็รู้สึกว่ายากลำบากจนหายใจไม่ออก เวลานี้เธอถึงรู้ว่า ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะพูดสง่าผ่าเผยมากแค่ไหน คาดไม่ถึงเธอยังใส่ใจ ยังยากจะยอมรับ
โห้หลีเฉิน อย่างไรเสียก็เป็นผู้ชายที่เธอชอบด้วยใจจริง
แต่เธอผลักเขาออกไป ปัจจุบันนี้เขาจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น……
มู่หรุงซิ่นมองเย้นหว่านที่ท่าทางถูกโจมตีหนักนั้น รู้สึกถึงความสบายใจอย่างยิ่ง ในที่สุดครั้งหนึ่ง หล่อนก็เหยียบเย้นหว่านมาขยี้ใต้เท้าได้
และครั้งนี้ก็เป็นเพียงครั้งเดียว และครั้งสุดท้าย
ครั้งสุดท้ายที่เย้นหว่านจะมีชีวิตอยู่
มุมปากมู่หรุงซิ่นฉีกรอยยิ้มที่ดุร้ายและบ้าคลั่งขึ้น มองสัญญาณไฟข้ามถนนที่เปลี่ยนมาเป็นไฟแดงแล้ว จากนั้นออกแรงทันใด ผลักเย้นหว่านออก
ในปากหล่อนตะโกนเสียงดัง “เธออย่าจิกฉันอีกเลย”
เย้นหว่านไม่ทันได้ตั้งตัว ถูกผลักออกมาฉับพลัน ร่างกายถอยไปข้างหลังหลายก้าวอย่างควบคุมไม่อยู่
แต่เธอกำลังยืนอยู่ข้างถนน และที่ด้านหลังเป็นถนน และรถเริ่มเคลื่อนตัว!
“ปริ้น……ปริ้น……”
เธออยากไปกอดเขา แต่ว่ารอยสดเต็มพื้นทำให้เธอไม่กล้าขยับ กลัวเพราะเหตุนี้ทำให้อาการเจ็บของเขาหนักขึ้น
เธอยิ่งไม่กล้าไปแตะต้องเขา กลัวจะแตะโดนอุณหภูมิร่างกายที่ค่อยๆ เย็นลง
“คุณอย่าทำฉันตกใจ……คุณจะต้องไม่เป็นอะไร……คุณรีบฟื้นสิ คุณฟื้นขึ้นมา……”
“ในที่สุดเธอก็ร้องไห้เพื่อฉันแล้ว”
เสียงของชายหนุ่มต่ำมากๆ เหมือนว่าถึงแม้จะเบาจนแทบจะกระจายหาย แต่กลับมีรอยยิ้มที่ดื้อรั้น
เขาลืมตานิดๆ ด้วยความยากลำบาก สายตานั้นจ้องมองเย้นหว่านแบบนั้น ตั้งใจจนทำให้คนตกใจ
ในใจเย้นหว่านยากลำบากราวกับจะระเบิด เรื่องทุกอย่างที่เธอเคยกังวลมาทั้งหมด อาจจะเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวที่จะสูญเสียเขา ชั่วขณะนั้นไม่คุ้มค่าให้พูดถึง
เธอร้องไห้น้ำตาเลือนราง “คุณต้องไม่เป็นไร………”
“เธอปลอดภัย ฉันก็สบายใจแล้ว”
โห้หลีเฉินเอ่ยปากด้วยเสียงที่อ่อนแรง มือที่เปื้อนเลือดยกขึ้นมาอย่างลำบากยิ่ง เหมือนอยากจะเช็ดน้ำตาบนหน้าของเย้นหว่านให้
ถึงแม้มองเธอน้ำตาไหลเพราะตนเอง เขาก็ปลื้มใจมาก แต่กลับปวดใจด้วยเช่นกัน
เขารู้สึกว่าเขายังไม่ชอบมองเห็นน้ำตาของผู้หญิงคนนี้
แต่การกระแทกอย่างรุนแรง กำลังแรงม้าบนร่างกายของโห้หลีเฉินได้เสื่อมถอยลงไปตั้งแต่แรก สนับสนุนให้เขาทำเรื่องใดๆ ไม่ไหว มือของเขายังไม่ทันแตะเย้นหว่านก็หมดแรงตกลงไปที่พื้น
ตรงหน้าเขาเปลี่ยนเป็นความมืดมิด สติค่อยๆ หายไปทีละนิด
“คุณโห้! โห้หลีเฉิน!”
เย้นหว่านจับมือข้างที่ตกลงของโห้หลีเฉินไว้ ร้องไห้ตะโกนใจแทบขาด
แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีวินาทีนี้ เธอเสียใจจนเหมือนจะตายไป อดไม่ได้อยากให้คนที่นอนอยู่ที่พื้นในตอนนี้เป็นเธอเอง
เวลานี้ ในที่สุดเธอถึงระลึกได้ ผู้ชายคนนี้สำหรับเธอสำคัญมากแค่ไหน ไม่รู้ว่ารักเข้าถึงกระดูกแล้วตั้งแต่เมื่อไร
เขา เกิดเรื่องได้อย่างไรกันนะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...