บทที่ 433 เป็นเขา จะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน
เขาเป็นใครกัน! ความรู้สึกที่จูบเธอนั้น เหมือนกับโห้หลีเฉินราวกับพิมพ์เดียวกัน!
เย้นหว่านรู้สึกมึนงงสับสน หัวใจก็เต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง แทบจะหลุดออกมาจากทรวงอกในวินาทีถัดไป
เธอแทบจะไม่กล้าคิดว่า จะเป็นที่มาใช่ไหม........
ชายหนุ่มเห็นเย้นหว่านตะลึงค้าง ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับอะไร นัยน์ตาก็มีประกายแสงพาดผ่านเล็กน้อย จูบลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความเผด็จการยิ่งกว่าเดิม
ก้าวร้าวเสียจนคล้ายกับว่าจะปล้นทุกสิ่งที่อยู่ภายในปากของเธอไป
เย้นหว่านถูกบังคับให้อยู่ในอ้อมแขนของเขา ระหว่างนั้น ประสาทสัมผัสทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเขา กระทั่งตำแหน่งในอ้อนแขน ก็คุ้นเคยเสียจนเธอใจสั่น
“อุ๊บ.......คุณ คุณ........”
เย้นหว่านตกใจมากเกินไปจริงๆ จึงผลักชายหนุ่มออกอย่างแรง มองใบหน้าของเขาอย่างตัวสั่น
หน้ากากสีเงินที่บดบังใบหน้าไปมากกว่าครึ่ง มีเพียงแค่นัยน์ตาที่ถูกอาบย้อมด้วยสีดำสนิท เคลื่อนไหวไปมา เหมือนกับคนในความทรงจำของเธอมากเสียขนาดนั้น
“คุณเป็นใครกัน”
เกือบจะหลุดปากเอ่ยถามชื่อชื่อหนึ่งออกมา
ริมฝีปากบางเซ็กซี่ของชายหนุ่มโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ เอ่ยสัพยอกว่า “เพียงแค่จูบเดียว ก็ทำให้คุณสิ้นฤทธิ์ได้แล้วหรือ ถามว่าผมเป็นใคร หรือว่า คุณอยากจะเป็นแฟนกับผมกัน”
คำพูดที่เต็มไปด้วยการหยอกเย้า ไม่มีความหมายจริงจังเลยแม้แต่น้อย
จิตใจของเย้นหว่านนั้นทั้งลนลานและสับสน ร้อนใจจนแทบจะทนไม่ได้ที่จะยืนยันสถานะของเขาเดี๋ยวนี้ จะยินยอมเสียเวลาและพูดจาไร้สาระกับเขาเสียที่ไหนกัน
เธอกัดฟัน ยื่นมือออกไปดึงหน้ากากบนใบหน้าของเขาออกกะทันหัน
“ฉันรู้ว่าเป็นคุณ โห้..........”
เธอคิดจะเรียกชื่อของเขา แต่ในตอนที่เห็นใบหน้าเบื้องหน้าชัดเจนแล้ว เสียงก็หยุดลงทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เธอเห็นเพียงแค่ ชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้า มีใบหน้าที่ไม่เหมือนกับโห้หลีเฉินเลยแม้แต่น้อย!
ใบหน้าหล่อเหลาเป็นอย่างมาก แต่โครงหน้าและเครื่องหน้าทั้งห้านั้น กลับไม่มีส่วนใดที่เหมือนกับโห้หลีเฉินเลยแม้แต่น้อย นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นคนสองคนที่ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกันเลยแม้แต่น้อย
เย้นหว่านชะงักค้าง สมองขาวโพลน มองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
ไม่ใช่เขาได้อย่างไรกัน
เห็นอยู่ชัดๆว่า เมื่อครู่ตอนที่จูบเธอ กลิ่นอายของเขา อ้อมกอดของเขา ล้วนเหมือนกับโห้หลีเฉินของเธอราวกับพิมพ์เดียวกัน
ชายหนุ่มเห็นท่าทางตื่นตะลึงของเย้นหว่านแล้ว ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร ริมฝีปากบางกลับโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มยั่วเย้า
เขาใช้นิ้วชี้เชยคางเธอ เอ่ยยิ้มๆว่า “คุณรู้ว่าผมเป็นใคร อย่างนั้นคุณพูดสิว่า ผมชื่ออะไร”
แทบจะเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด เป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง เธอจะรู้ชื่อของเขาได้อย่างไรกัน
แต่แม้ว่าเขาจะกระทำการเหลาะแหละแบบนี้ ในใจของเย้นหว่านกลับไม่รู้สึกถึงความไม่พอใจเลยแม้แต่นิดเดียว
แววตาของเธอทอประกายไม่หยุด จ้องมองเขาตรงๆ จิตใจสับสนวุ่นวายจนด้านชา
ครู่หนึ่ง เธอถึงได้เค้นคำพูดไม่กี่คำออกมาจากปากด้วยความยากลำบาก “คุณ........เป็นใครคะ”
จู่ๆนิ้วมือของชายหนุ่มก็เปลี่ยนท่าทางมาเป็นบีบคางของเย้นหว่านเอาไว้
บีบให้ใบหน้าเล็กได้รูปของเธอเข้ามาใกล้เขา
เสียงของเขาทุ้มต่ำคลุมเครือ ลมหายใจอุ่นร้อนขณะพูดแทบจะพ่นเข้าสู่ใบหน้าเธอทั้งหมด
“อยากรู้สถานะของผม ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน”
เย้นหว่านแทบจะไม่ได้สังเกตถึงระยะห่างระหว่างเขากับเธอในตอนนี้ว่าใกล้ชิดกันมากจริงๆ จึงเอ่ยถามอย่างไม่ต้องคิดว่า “ค่าตอบแทนอะไรคะ”
แววตาของชายหนุ่มเผยรอยยิ้มระยิบระยับ ถามคำตอบคำ คลอเคลียแต่กลับหยอกเย้า
“เป็นผู้หญิงของผม”
เย้นหว่านตะลึงค้างทันที คำพูดนี้ ล่วงเกินอย่างใจกล้านัก
แต่เมื่อสบตาเข้ากับนัยน์ตาที่ทอประกายลึกซึ้งเล็กน้อยนั้นแล้ว เธอกลับโกรธไม่ลง
แปลกประหลาดเกินไปแล้วจริงๆ
ความสงสัยในใจของเย้นหว่านมีมากขึ้นเรื่อยๆ
เย้นหว่านมุมปากกระตุก เย้นโม่หลินจะมาตอนไหนไม่มา ดันมาตอนนี้
เธอเกือบจะได้ยินคำตอบของเขาแล้ว
ชายหนุ่มกลับมีท่าทีสบายๆ ปล่อยมือจากเย้นหว่าน
เขาหมุนตัวไปมองเย้นโม่หลินด้วยท่าทางสบายๆ ไม่มีอาการลนลานเลยแม้แต่น้อย เอ่ยพูดเรียบๆว่า
“เมื่อครู่ คุณผู้หญิงท่านนี้หกล้มโดยไม่ทันระวัง ผมก็แค่ประคองเธอเท่านั้นเอง”
เย้นหว่านช็อก โอบกอดลูบคลำอย่างสนิทสนมเมื่อครู่ขนาดนั้นแล้ว เขายังกล้าใช้คำว่าประคองเธอมาพูดหรือ ช่างเป็นการพูดโกหกโดยไม่ต้องเขียนต้นฉบับเสียจริง
โห้หลีเฉินไม่ได้หน้าด้านจนหน้าไม่อายแบบนี้หรอกนะ
เมื่อมองใบหน้าที่ไม่เหมือนกับโห้หลีเฉินแม้แต่น้อยนี้แล้ว เย้นหว่านก็สงสัยขึ้นมากะทันหันว่า เขาไม่ใช่เขาแน่หรือ
ชายหนุ่มกลับไม่มีจิตสำนึกเลยแม้แต่น้อย หันหน้ามาเอ่ยกับเย้นหว่าน คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม พลางเอ่ยว่า
“คุณผู้หญิงผู้งดงาม คุณว่าใช่ไหมครับ”
เย้นหว่านชะงักไปเล็กน้อย อดคิดถึงตอนที่หยูซือห้านเชื้อเชิญให้เธอเต้นรำด้วยไม่ได้ ตอนนั้นก็เรียกเธอว่า ‘คุณผู้หญิงผู้งดงามท่านนี้’ ด้วยเช่นกัน
ตอนนี้เมื่อคำนี้ออกจากปากของผู้ชายคนนี้ ก็คล้ายกับว่ามีความรู้สึกหึงอยู่บ้างอย่างแปลกๆ
หรือว่า เขากำลังหึงอยู่กัน
แต่เขาไม่ใช่โห้หลีเฉิน
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา หัวใจของเย้นหว่านก็เต้นเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างอดไม่ได้ ถ้าหากว่าเขาเป็นโห้หลีเฉินล่ะก็ อย่างนั้นเมื่อครู่นี้ เขาดึงเธอเข้ามาในระเบียงทางเดิน พูดปาวๆว่าจะเชิญเธอเต้นรำด้วยกัน แต่กลับชิงจูบเธอ รังแกเธอ การกระทำทั้งหมดนี้ ล้วนอธิบายได้แล้ว
ผู้ชายคนนี้หึงถึงได้กลั่นแกล้งทำเรื่องชั่วร้ายแบบนี้
นัยน์ตาของเย้นหว่านเต็มไปด้วยประกายระยิบระยับแห่งการรอคอย หัวใจเกือบจะบินขึ้นสูง แทบจะอดรนทนไม่ไหวที่จะยืนยันสถานะของเขา
ยืนยัน 100% ว่า เขาคือโห้หลีเฉิน
ชายหนุ่มเห็นเย้นหว่านมองมาทางเขาด้วยท่าทางตะลึงค้างแล้ว มุมปากก็ยกขึ้น ยักไหล่อย่างจนปัญญา
เอ่ยกับเย้นโม่หลินด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยผู้บริสุทธิ์ว่า “ดูเหมือนว่าการเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามเมื่อครู่นี้ จะทำให้คุณผู้หญิงท่านนี้ตกหลุมรักแรกพบกับผมเสียแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...