บทที่ 48 หน้าร้อนจนทอดไข่ได้
มู่จื่ออี้มีสีหน้าที่ลำบากใจไม่น้อย “ติดต่อหลี่อันไม่ได้เลย”
เย้นหว่านเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมารางๆ “แล้วครอบครัวเขาล่ะ? เขาไม่ได้กลับบ้านหรอ?”
“ไม่เลย ไปถามหากับเพื่อนของเขาแต่ก็บอกว่าไม่เห็นเขาเลย”
สิ่งที่ทีมสอบสวนสามารถทำได้คือไปตามหาหลี่อันและติดต่อให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็เหมือนเขาได้ระเหยออกไปจากโลกนี้แล้วเพราะไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็หาเขาไม่พบเลย ที่เย้นหว่านพูดนั้นเป็นความจริงและหลี่อันอาจจะซ่อนตัวอยู่
“ไม่ต้องห่วงนะฉันจะหาทางหาเขาให้เจอให้ได้” มู่จื่ออี้เอ่ยปลอบโยน
เย้นหว่านพยักหน้าแต่ภายในใจกลับหนักหน่วงเหมือนมีหินก้อนใหญ่มากทับเอาไว้ ตอนนี้หาหลี่อันไม่เจอและลุงยามคนนั้นก็ยังอยู่ในอาการโคม่าซึ่งสองคนนี้เป็นหลักฐานที่อาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอได้ก็ไม่อยู่ที่นี่ตอนนี้ เวลาที่ห่างจากการแข่งขันรอบถัดไปก็ได้ผ่านไปแล้วตลอดทั้งวัน
ตอนที่เดินมาส่งเย้นหว่านนั้น มู่จื่ออี้ก็มองตามแผนหลังของเธอด้วยความรู้สึกเศร้าใจและอารมณ์ยุ่งเหยิงคลุมเครืออยู่ในแววตา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดหมายเลขโทรศัพท์เพื่อโทรออก
"พ่อ"
เสียงอันน่าเกรงขามของชายวัยกลางคนดังออกมาจากปลายสาย “ตัดใจโทรมาหาพ่อได้แล้วหรอ? รู้สึกมาเสียใจทีหลังหรอ? หรือจะมาประนีประนอม?”
มู่จื่ออี้ดูโทรมเล็กน้อยเอ่ย “ครับ ผมต้องการความช่วยเหลือจากพ่อ”
เมื่อคืนนี้นักออกแบบคนอื่นได้รับกฎเกณฑ์การแข่งขันแล้วและการแข่งขันรอบนี้ก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ดังนั้นทั้งโรงแรมจึงเงียบสงบเพราะเหล่านักออกแบบและผู้ช่วยทุกคนต่างก็ยุ่งกับงานของพวกเขาและก็ไม่พบคนนอกเดินออกมาเที่ยวที่ด้านนอกโรงแรม แต่เย้นหว่านคือหนึ่งในข้อยกเว้นเพราะตอนนี้เธอไม่มีงานอะไรให้ทำจึงมานั่งบนท่าเรือและเท้าเล็กที่เปลือยเปล่าก็เตะน้ำทะเลเย็นๆ ไปมา เธอรู้สึกหดหู่และกลุ้มใจมากจนแทบไร้วิญญาณออกมา เธอมองทะเลอย่างหมดอาลัยตายอยากและก็เห็นแสงบนผิวน้ำทะเลสะท้อนสายตาสว่างจ้าจากนั้นก็มีเรือยอร์ชสุดหรูกำลังแล่นมาช้าๆ เรือยอร์ชลำนี้สวยมากดูมีแสงวิบวับๆ ก็น่าจะเป็นลูกเศรษฐีออกมาเที่ยวทะเลแล้วก็กำลังกลับมามั้ง เมื่อคิดอย่างนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนและว่าแผนว่าไปเปลี่ยนไปอยู่ที่อื่นจะได้ไม่ขวางคนที่ลงมาจากเรือยอร์ช แต่ทันทีที่เธอยืนขึ้นเธอก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของผู้ชาย
“เย้นหว่าน” เรียกชื่อเธอ?เย้นหว่านหันกลับไปมองเสียงนั้นอย่างสงสัยก็พบร่างสูงแกร่งยืนอยู่บนเรือยอร์ช คือโห้หลีเฉิน เขาสวมชุดลำลองแบบสบาย ๆ สวมแว่นกันแดดสีดำดูเหนื่อยหน่ายแต่ดูดีหล่อเหลาและมีเสน่ห์มาก
เมื่อเรือยอร์ชขับมาจอดเทียบท่าเรือแล้วโห้หลีเฉินยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือก็มองลงมาเธอ
“ขึ้นมา”
เย้นหว่านอึ้งไป นี่เขามาหาเธอ? หรือว่ามีเรื่องอะไรที่จะต้องไปคุยกันบนเรือยอร์ชหรอ? แม้ว่าเธอกำลังสงสัยแต่ก็ยอมขึ้นไปบนเรือยอร์ช
“คุณโห้มาพบฉัน......” เธอยังไม่ทันได้พูดจบก็รู้สึกว่าเรือยอร์ชกำลังเคลื่อนที่ เอ๊ะ? เธอยังอยู่บนเรือนะ
“คุณโห้คะ ทำไมออกเรือยอร์ชละคะ? ฉันยังอยู่บนนี้”
“อืม พาเธอออกทะเล” โห้หลีเฉินนั่งบนเก้าอี้และในมือก็ควงแก้วไวน์แดงอย่างสง่างามแล้วยกชูขึ้นไปทางเย้นหว่าน
“อยากดื่มไหม?”
“ไม่ค่ะ.......” เย้นหว่านเอ่ยถามต่อ “พาฉันออกทะเลทำไมคะ?”
โห้หลีเฉินพูดออกมาเพียงคำเดียวว่า “เล่น”
เย้นหว่าน: “........” เธอไม่เคยบอกว่าอยากออกไปเล่นทะเลนะ ยิ่งกว่านั้นถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะถูกให้หยุดการแข่งขันแต่เธอก็ยังเป็นผู้เข้าแข่งขันอยู่และในช่วงเวลานี้ก็ไม่สามารถออกจากบริเวณใกล้กับโรงแรมได้
“แล้วก็เอาอันนี้เอามารวมกัน” โห้หลีเฉินพูดและสาธิตการประกอบอุปกรณ์อย่างช้าๆ ขั้นตอนที่ซับซ้อนเล็กน้อยเขาก็คอยบอกเย้นหว่านตลอด มีความอดทนมากเลย
เย้นหว่านก็ทำตามเขาและภายในใจก็มีความรู้สึกที่แตกต่างออกไปค่อยๆ แพร่กระจายออกมาอย่างเงียบๆ ที่จริงแล้วโห้หลีเฉินก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นที่จะเอื้อมขึ้นไป อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ทำเรื่องที่ปกติที่สุดอยู่ตรงหน้าเธอ
เย้นหว่านที่กำลังคิดฟุ้งซ่านเหม่อลอยไปก็ไม่ได้สังเกตว่าโห้หลีเฉินขั้นตอนว่าต้องทำอย่างไรต่อ จากนั้นเธอประกอบได้แค่ครึ่งเดียวก็ทำต่อไปไม่เป็นแล้ว มองดูโห้หลีเฉินประกอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เย้นหว่านก็รู้สึกมึนตึ๊บไม่รู้ว่าขั้นตอนต่อไปต้องทำอย่างไรต่อ?
“แบบนี้” ทันใดนั้นโห้หลีเฉินก็เข้ามาหาเย้นหว่านแล้วโอบเธอจากด้านหลังมือทั้งสองข้างก็กำลังกุมมือของเธอไว้แล้วพาประกอบชิ้นส่วนสองชิ้นเข้าด้วยกัน ลมหายใจที่คุ้นเคยของชายคนนั้นอยู่ใกล้ใบหน้าเธอจากนั้นเธอก็นิ่งชะงักไปแล้วแก้มทั้งสองข้างก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
ร่างสูงใหญ่เหมือนภูเขาของเขาที่อยู่ด้านหลังของเธอแล้วกำลังโอบกอดเธอไว้......นี่มันใกล้เกินไปหรือเปล่า?
หัวใจของเย้นหว่านเต้นอย่างบ้าคลั่งและสับสันว้าวุ่นเหมือนกับหุ่นกระบอกที่ถูกโห้หลีเฉินนำมาประกอบชิ้นส่วน
โห้หลีเฉินเสสายตามองไปก็เห็นใบหน้าเล็กของเธอนั้นแดงไปหมดและดูลนลานหน่อยๆ อย่างไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดีมันช่างดูน่ารักมากเลย น่ารักจนทำให้เขาอยากจูบเธอ เมื่อความคิดนี้โผล่ออกมาก็ทำให้โห้หลีเฉินยิ่งอยากเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น วินาทีต่อมาก็ถูกเขาหักห้ามควบคุมอารมณ์ไว้ได้
“ได้แล้ว” จากนั้นเขาก็ผละออกจากเธอแล้วเดินไปข้างๆ ท่าทางสบายๆ ราวกับว่าความอบอุ่นเมื่อกี้ทั้งหมดเป็นเพียงการสอนเธอประกอบอุปกรณ์ตกปลาเท่านั้น
เมื่อลมหายใจอุ่นออกไปแล้วร่างกายที่เกร็งอยู่ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง แต่หัวใจก็ยังคงเต้นเร็วไม่หยุด สายตาที่คลุมเครือนั้นไม่กล้ามองไปทางเขาก็เลยหาที่นั่งริมดาดฟ้าเรือแล้วนั่งลงแล้วโยนสายเบ็ดลงไปเพื่อตกปลา
โห้หลีเฉินมองเธอแล้วเอ่ยว่า “คุณไม่ได้ติดเหยื่อตกปลา”
เย้นหว่าน: “........” แก้มร้อนจนเอาไปทอดไข่ได้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...