บทที่556 ไม่อยากเจอหน้าเธออีกต่อไป
“เสี่ยวหว่าน...”
น้ำเสียงทุ้มต่ำหลุดออกมาจากปากของเย้นโม่หลิน แผ่วเบาจนเหมือนกับจะถูกลมปลิวหายไปได้ทุกเมื่อ
ร่างกายของเขาเดินเข้าไปข้างหน้าด้วยลำตัวที่แข็งทื่อ “พี่ พาเธอกลับบ้าน”
กู้จื่อเฟยน้ำตาคลอจนการมองเห็นพร่าเลือน เย้นโม่หลินเดินไปทางขอบหน้าผาทีละก้าวๆ
นั่นเป็นสายตาที่ทำให้คนอื่นรู้สึกกลัว เหมือนกำลังจะเตรียมที่จะกระโดดลงไปในทะเลก็ไม่ปาน
คำพูดที่เขาพูดออกมา ยิ่งทำให้เธอกลัว เย้นหว่านกระโดดลงไปในทะเลไปแล้ว แล้วยังระเบิดอีก ไม่เจออะไรสักอย่าง เขาจะพาเย้นหว่านกลับไปได้ยังไง?
“พี่เย้นพี่คิดจะทำอะไร?”
กู้จื่อเฟยยันร่างของตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างตะลีตะลาน เข้าไปขวางตรงหน้าของเย้นโม่หลินด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
เธอพูดปลอบออกมา “พี่ใจเย็นลงหน่อย เสี่ยวหว่านเธอ เธอได้...พี่อย่าทำอะไรโง่ๆไปอีกเด็ดขาด”
เย้นโม่หลินมีสีหน้าเยือกเย็นออกมา ท่าทางทั้งเย็นชาและแข็งกร้าวออกมา
“หลบไป!”
สองคำนี้ เหมือนกับค้อนที่ทุบออกมาจากในปาก เย็นชาสุดๆ
แรงกดดันอันมหาศาลของเขา ยิ่งทำให้ร่างของกู้จื่อเฟยสั่นออกมาอย่างควบคุมเอาไว้ไม่อยู่
เมื่อก่อน เย้นโม่หลินเห็นแก่เย้นหว่าน ท่าทางที่มีต่อเธอ จึงไม่ได้เย็นชาออกมาเท่าไหร่นัก อย่างน้อยตลอดมาก็ยังมีมารยาทอยู่บ้าง
แต่ในเวลานี้ เขาดูเยือกเย็นจนน่ากลัวสุดๆ พละกำลังจากทั้งร่างดูน่ากลัวไปหมด เหมือนกับว่าเธอเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าที่เข้ามาขวางทางคนหนึ่ง
ขวางทางของเขา จึงต้องกำจัดออกไปเสีย
ร่างของกู้จื่อเฟยสั่นออกมาเล็กน้อย ด้วยสัญชาตญาณแล้วก็อยากจะหลบออกไป
แต่ด้านหลังของเธอนั้น กลับเป็นหน้าผาที่สูงหลายสิบเมตร
สีหน้าท่าทางของเธอสั่นเทาออกมา กัดฟัน พยายามควบคุมความกลัวของตัวเอง ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างมุ่งมั่น อ้าแขนทั้งสองข้างขวางทางของเขาเอาไว้
“พี่เย้น พี่ใจเย็นหน่อย”
“ใจเย็น?”
สายตาอันเยือกเย็นของเย้นโม่หลินทิ่มแทงมายังร่างของกู้จื่อเฟย นัยน์ตาดูโหดเหี้ยมจนน่ากลัว
“ในสถานการณ์แบบนี้ เธอยังใจเย็นลงได้อีก? กู้จื่อเฟย ใจของเธอมันทำมาจากเหล็กหรือไง?!”
สายตาที่เขามองเธอ มันเย็นชาสุดๆ
ร่างของกู้จื่อเฟยแข็งค้างไปทันที เหมือนกับความเยือกเย็นจากเท้าขึ้นไปบนหัว
นี่เขาหมายความว่าอะไร?
เย้นหว่านเกิดเรื่อง เธอเสียใจร้องไห้จนตาใกล้จะบวมไปหมดแล้ว แต่เพราะคิดไปถึงความปลอดภัย ถึงได้ห้ามไม่ให้เย้นโม่หลินทำเรื่องโง่ๆลงไป
อย่างนี้ เธอก็ผิดแล้ว?
เธอกลายมาเป็นคนที่ไร้หัวใจไปแล้วหรอ?
หัวใจของกู้จื่อเฟยเหมือนกับได้ถูกอะไรแทงเข้ามาอย่างแรง ทั้งน่าโมโหและทั้งเจ็บปวด
เธอโต้กลับไปด้วยความน้อยใจ “เสี่ยวหว่านเกิดเรื่อง ฉันเองก็เสียใจเหมือนกันนะ แต่พี่ก็เป็นพี่ชายที่เสี่ยวหว่านใส่ใจ ฉันไม่อาจมองดูพี่เข้าไปเสี่ยงอันตรายได้หรอก ฉันน่ะเป็น...เสี่ยวหว่านจะเป็นห่วงพี่เอานะ!”
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของเย้นโม่หลิน กลับยิ่งเย็นชาออกมามากกว่าเดิมเสียอีก
สายตาของเขาก็เหมือนกับน้ำแข็ง มองตรงเข้ามาหากู้จื่อเฟย พกพาความเยือกเย็นมาด้วย
แต่ละคำของเขานั้น ออกมาจากระหว่างฟันที่ขบเข้าหากันแน่น
“ตอนนี้ฉันเป็นคนที่รู้สึกเสียใจภายหลังมากที่สุด ที่ให้เสี่ยวหว่านคบกับเธอต่อ”
กู้จื่อเฟยแข็งค้างไปในทันที
สีหน้าซีดเผือดออกมากกว่าเดิม มองเย้นโม่หลินไปอย่างเลื่อนลอย
เมื่อก่อนเขาไม่เคยจะต่อต้านการคบหากันของเย้นหว่านกับเธอมาก่อนเลย ถึงแม้ว่าจะไม่เคยพูดออกมา แต่ก็ยอมรับว่าเธอเป็นเพื่อนของเย้นหว่าน
ตอนนี้ คำพูดนี้ของเขามันหมายความว่าอะไร?
สีหน้าท่าทางของเย้นโม่หลินมันเย็นชาอย่างมาก แต่ละคำที่พูดออกมามันโหดร้ายเสียจนแทบจะไม่มีความสงสารใดๆต่อกันเลย
“ถ้าไม่มีคำหลอกลวงของเธอกับโห้หลีเฉิน เสี่ยวหว่าน ในตอนนี้คงไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น กู้จื่อเฟย เห็นเธอแล้ว ฉันก็นึกถึงคำหลอกลวงบ้าๆของเธอขึ้นมา”
เพราะว่าเชื่อว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของเย้นหว่าน เพื่อปลอบประโลมความรู้สึกของเย้นหว่านแล้ว ก็เลยเชิญกู้จื่อเฟยมาที่ตระกูลเย้น
และเป็นเพราะเชื่อว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของเย้นหว่าน ก็เลยเชื่อในตัวกู้ซึงลูกพี่ลูกน้องของเธอไปโดยที่ไม่มีข้อสงสัยใดๆ
แต่ว่าตอนนี้ความเป็นจริงสีแดงเลือดได้ปรากฏแจ่มชัดออกมา มันกลับตบหน้าเขาอย่างโหดเหี้ยมและทั้งเจ็บปวด
แต่เธอ ไหนเลยจะไปมีสิทธิ์อยู่ตรงนี้ต่อไป
เป็นเพราะเธอคนเดียว
ทั้งหมดมันเป็นเพราะเธอ
ถ้าไม่เป็นเพราะเธอช่วยโห้หลีเฉินปะปนเข้าไปในตระกูลเย้น ตอนนี้เย้นหว่านก็คงจะไม่เกิดเรื่องขึ้น และจะยังได้อยู่ในตระกูลเย้นอย่างปกติสุขดี เป็นคุณหนูพันชั่งที่มีความสุข
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกเธอทำลายไปจนหมด
กู้จื่อเฟยคิดว่าตัวเองก็เหมือนกับคนร้าย บนร่างได้แบกภูเขาลูกใหญ่ที่หนักมากเอาไว้ แบกรับความรู้สึกผิดบาปเอาไว้จนแทบจะกดทับเธอจนทรุดพังลงไป
เธอที่เป็นอย่างนี้ จะมีสิทธิ์อะไรไปโผล่หน้าให้เย้นโม่หลินเห็นหน้าได้อีก?
เธอไม่กล้าอีกแล้ว
การเคลื่อนไหวของกู้จื่อเฟยเป็นไปอย่างแข็งเกร็ง ก้าวเท้าออกไปอย่างยากลำบาก เดินออกไปอีกทางหนึ่งทีละก้าวๆ
ย่างก้าวของเธอช้ามาก ทุกฝีก้าวล้วนหนักจนเหมือนจะทรุดลงไป
เธอกัดฟันออกมาอีกครั้ง เดินออกไปก้าวแล้วก้าวเล่า
จะทุกข์ใจอีกสักเท่าไหร่ เจ็บปวดอีกสักแค่ไหน ก็จะต้องข่มกลั้นเอาไว้แล้วเดินออกไปจากระยะสายตาของเย้นโม่หลิน ไม่ให้เขาต้องเกลียดขึ้นมาอีก
เย้นโม่หลินยืนตัวตรงอยู่ตรงที่เดิม ลำตัวตรงเสียเหมือนกับแท่งเสา ทั้งยังเหมือนรูปแกะสลักที่ทำมาจากน้ำแข็งขึ้นมาอีกด้วย
สายตาของเขาอาบไปด้วยแสงอาทิตย์ สะท้อนเงาร่างเบื้องหลังที่บอบบางของกู้จื่อเฟย
โดดเดี่ยวและเศร้าสร้อย เปราะบางเสียเหมือนกับแทบจะทรุดตัวล้มลงไปได้ตลอดเวลา
แต่ฝีเท้ากลับก้าวเดินออกไปอย่างแน่วแน่ เดินไกลออกไปทีละก้าวๆ ไกลออกไปเรื่อยๆ
ใจของเขา บีบรัดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว กระตุกจนเจ็บปวดอย่างน่าประหลาดขึ้นมา รุนแรงขึ้นมาในทุกๆครั้ง
เขาชัดเจนแล้วว่าเขาเกลียดชังเธอ แต่สายตามันกลับเหมือนกับว่าถูกยึดติดเอาไว้ ไม่กะพริบตาออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว มองเธอเดินออกไปไกลๆ
บางส่วนในใจของเขานั้น เหมือนกับว่าได้ตามเธอออกไปด้วย พังทลายเสียงดังสนั่น
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วแน่น ยื่นมือออกไปกุมหัวใจของตัวเองเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว
นี่เขาเป็นอะไรไป?
แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจมาก่อนเลย มันแทบจะฆ่าเขาให้ตายเลยทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...