บทที่ 579 มาสิ พินาศไปพร้อมกัน
“ใช้ความเงียบดูสถานการณ์”
โห้หลีเฉินพูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเงียบขรึม พลางพิงเย้นหว่านเอาไว้ แต่ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
กระทั่งแนวสายตา ไม่ได้หมุนตามตัวหญิงสาวที่ขยับเขยื้อนไปเลย
ราวกับสามารถควบคุมทุกอย่างอยู่ในมือแล้ว ส่วนตัวเธอนั้น ก็แค่ตัวโจ๊กเกอร์อันส่วนชั่วร้ายที่กำลังเล่นเกมอยู่เท่านั้นเอง
หญิงสาวจ้องมองท่าทางของโห้หลีเฉิน จนรู้สึกได้ว่าด้านหลังผุดเม็ดเหงื่อเย็นๆ ออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ในใจเริ่มวิตก ขาดความมั่นใจ
หรือว่าโห้หลีเฉินฝีมือเก่งขนาดนั้นจริงๆ?
หรือว่า เขาก็แค่แสร้งทำทีว่าเก่ง เพื่อที่จะได้ทำให้เธอเขวเหรอ?
ตอนนี้เขากับเย้นหว่านหมดทางหนีทีไล่แล้ว ดูล้อมเหมือนลูกแกะ ต้องแกล้งเสแสร้งทำใจดีสู้เสือแน่นอน
หญิงสาวคิดอยู่ในใจ จนความร้ายกาจฮึกเหิมขึ้นมา
จริงเท็จแค่ไหน เดี๋ยวก็รู้
เธอเดินอ้อมจนไปยืนอยู่ด้านหลังของโห้หลีเฉิน พอดีกับเป็นตำแหน่งมุมอับของเขาพอดี เธอไม่ลังเลสักนิด พลันรีบลงมือทันที กำปั้นอันหนักหน่วงพุ่งกระทบบริเวณด้านหลังของโห้หลีเฉิน
พละกำลังมหาศาล ไม่อาจต้านทานได้
เมื่อกระทบตัวโห้หลีเฉินไม่ตายก็พิการทันที
กำปั้นอันหนักทรงพลัง ความเร็วชั่วพริบตาเดียว พุ่งชนห่างจากโห้หลีเฉินมาเกินนิ้ว
เห็นกับตาว่าจะกระทบบริเวณสันหลังของโห้หลีเฉิน——
ทันใดนั้น โห้หลีเฉินที่พิงเย้นหว่านอยู่ ก็ปล่อยตัวออกจากเย้นหว่านทันที พลันพลิกหันหลังกลับมา 90 องศา อีกทั้งใช้ฝ่ามือขนาดใหญ่ กุมกำหมัดของหญิงสาวเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
จากนั้น ก็มีเสียงกระดูกแตกละเอียดดัง “กรอบแกรบ”
เห็นแค่ว่าโห้หลีเฉินกุมกำปั้นของหญิงสาวเอาไว้ แค่ใช้แรงหมุนกลับ จนทำให้ข้อมือของผู้หญิง ถูกบิดจนเปลี่ยนรูปทรงไป จนกระดูกหัก
ใบหน้าเปลี่ยนไปเพราะความเจ็บปวดของหญิงสาว อีกทั้งยังตกใจราวกับตนเองเจอเข้ากับผี
เมื่อครู่เธอใช้ความเร็วมากในการจู่โจม พร้อมทั้งใช้มุมอับแถมยังยากด้วย มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ แม้ว่าจะเป็นคนที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดั่งคนปกติทั่ว แต่ก็ไม่สามารถตอบสนองกลับได้ทัน ไม่สามารถทนได้ ทว่าทั้งๆ ที่เห็นกันอยู่ว่าโห้หลีเฉินหมดหนทางแล้ว แต่กลับตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว แถมยังจับเธอเอาไว้อีก
เธอเป็นคนที่ร่ำเรียนศิลปะการป้องกันตัวมา เพราะฉะนั้นความสามารถกำลังแขนทรงพลัง แต่ว่าเมื่อตกมาอยู่ในมือของโห้หลีเฉิน ทว่ามันกลายเป็นเป็นเต้าหู้เละไปแทน พริบตาเดียวก็ถูกบีบจนแหลกเหลว
เธอสัมผัสได้ถึงการคุกคามของชีวิตอย่างแรงกล้า
เพียงเห็นสายตาอันเย็นเฉียบของโห้หลีเฉินที่จ้องมองมาที่เธอ ราวกับคนที่มองคนตายอยู่
น้ำเสียงของเขาเย็นเฉียบบางเบามาก “ฆ่าคน ยังไงก็ต้องชดใช้”
หมายความว่ายังไงกัน?
หญิงสาวตกตะลึง ยังไม่ทันคิดให้เข้าใจเลย พลันรู้สึกว่ากระดูกที่มือของตนเองนั้นมันแหลกละเอียดอีกครั้ง มันแตกจากตรงระหว่างกลาง จนแผ่ความรู้สึกทิ่มแทงออกมา
จนทำให้แขนขาด แถมยังมีพละกำลังอันมหาศาลที่กำลังกดทับอยู่ มันทิ่มแทงทะลุไปถึงหัวใจของเธออย่างแรงกล้า
หัวใจหยุดเต้น
หญิงสาวก้มหน้าลงด้วยอาการตัวแข็งทื่อ แล้วมองไปที่กระดูกมือของตนเองอย่างเงียบงัน ที่มันทิ่มลงบนหัวใจของตนเอง
เมื่อครู่เธอ ใช้วิธีเดียวกันนี้ ในการฆ่าคนจรจัดคนนั้น ....
ในเวลานี้ เธอก็ถูกโห้หลีเฉินใช้วิธีเดียวกัน ในการฆ่าเธอ
กรรมตามสนองเหรอ?
หญิงสาวยังไม่ทันแน่ชัด ดวงตาก็แน่นิ่งไป พร้อมทั้งล้มลงบนพื้นอย่างแรง
เย้นหว่านที่จ้องมองเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า กลิ่นคาวเลือดอันน่าสยดสยอง ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเห็นภาพอันแสนน่าตกใจแบบนี้มาก่อนเลย ที่มาตายต่อหน้าเธอสามคน ติดๆ กันอยู่เรื่อยๆ
ทว่าท่ามกลางความสยองขวัญนั้น เธอไม่หวาดกลัวสักนิด เมื่อเห็นว่าหญิงสาวล้มไปกองกับพื้นแล้ว ความรู้สึกโมโหและจงเกลียดจงชังที่อัดอั้นในใจของเธอนั้น มันปลอดโปร่งขึ้นมาเยอะ
พวกเธอสมควรตาย
โห้หลีเฉินช่วยเธอแก้แค้นแทนโรเจสแล้ว
หยูซือห้านเห็นลูกน้องอันเก่งฉกาจของเขาทั้งสองคน ถูกโห้หลีเฉินใช้วิธีการจัดการจนเสียชีวิต จนโกรธเกลียดจนอดไม่ได้ที่จะกระโดดขึ้นมาเพื่อฆ่าโห้หลีเฉินด้วยตัวของตัวเอง
เขาอยากทำลายเธอ ไม่อยากให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อ
มาถึงขั้นนี้แล้ว เช่นนั้นเขาก็ควรจัดการโห้หลีเฉินผู้ซึ่งเป็นคนที่เธอสนใจคนนั้นก่อน พอเมื่อเห็นไอ้คนเย็นชาอย่างโห้หลีเฉินตายไปต่อหน้าต่อตาแล้ว จะดูสิว่าเธอยังจะยิ้มอยู่ได้ไหม!
หรือว่า จะรู้ร้องไห้คร่ำครวญอย่างไรดี
หยูซือห้านหมั่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน พร้อมทั้งออกคำสั่งทันที
“ยิง!”
ร่างกายของเย้นหว่านเกร็งตัวทัน จนหยุดหายใจแล้ว แต่ว่านัยน์ตาของเธอนั้นไม่มีความกระวนกระวายแสดงออกมามากเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้สนใจไปมองคนอื่นแม้แต่แวบเดียว เพราะว่าสายตาเธอนั้นจับจ้องอยู่ที่โห้หลีเฉินอย่างเดียว
แม้ว่ากระสุนไม่อาจไหลกลับคืน แม้ว่าจะอันตรายรอบด้าน ขอแค่มีเขาอยู่ด้วย เธอก็ไม่กลัวอีกแล้ว
โห้หลีเฉินใช้มือข้างหนึ่งโอบเย้นหว่านเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ดึงมีดปอกผลไม้อีกเล่มที่อยู่บนตัวของเย้นหว่านเอาออกมา จากนั้นก็เขวี้ยงออกไปอย่างไม่ลังเลเลย
เป้าหมายคือ หยูซือห้าน!
ในเวลาเดียวกัน คนที่รายล้อมอยู่รอบๆ นั้น ก็เริ่มเหนี่ยวไกปืนทั้งหมด——
หยูซือห้านเบิกตาโตอย่างตื่นตระหนก ทว่าก็ไม่ได้หลบหลีก พร้อมทั้งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ฮ่าๆๆ แกก็อยากจะพินาศไปพร้อมกัน!”
พินาศไปพร้อมกัน!
นี่เป็นวิธีการสุดท้ายของโห้หลีเฉิน
หยูซือห้านหวั่นเกรง แต่ในทางกลับกัน ยังสนุกสนานเป็นอย่างมาก
ร่างกายของเขาแบบนี้ ชีวิตแค่นี้ ตอนตายยังมีโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านตายเป็นเพื่อน การไปสู่หนทางยมโลก ก็คงไม่เหงาเดียวดายแล้ว
เขาไม่เหลือสิ่งใดอีกแล้ว ตายก็ตายไปเถอะ ไม่เสียดายอะไร
ทว่าโห้หลีเฉินกับเย้นหว่าน คนสองคนที่มีทุกอย่าง เป็นคนที่มีอนาคตอันสวยงาม แต่กลับต้องตกสวรรค์มาตายในขุมนรก เป็นเพื่อนเขา
“โห้หลีเฉิน พอถึงยมโลกแล้ว ฉันก็จะไม่เบื่อแกเลย ถึงเป็นผีก็จะตามจองล้างจองผลาญแกไม่เลิก”
หยูซือห้านฉีกยิ้มอย่างร้ายกาจ เบ้าตาแดงฉาน เหมือนปีศาจร้ายผู้บ้าคลั่งสิ่งอื่นใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...