บทที่ 61 จูบคุณ
“คุณโห้?”
เธอมองไปทางเขา ใจหวาดหวั่นเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้
ดวงตาของโห้หลีเฉินเย็นเยือก “ที่แท้คุณก็ชอบว่ายน้ำนี่เอง”
ในน้ำเสียงแฝงด้วยความประชดประชัน
เย้นหว่านหงุดหงิดเล็กน้อย ตอนนี้เธอกำลังแช่อยู่ในน้ำและยังสวมใส่ชุดว่ายน้ำ มันยากที่จะพูดแย้งจริงๆ
เธอรีบพูดกับมู่จื่ออี้: “ส่งฉันขึ้นไปเร็ว”
ความไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นในดวงตาของมู่จื่ออี้ ไม่ชอบสายตาที่โห้หลีเฉินใช้มองเย้นหว่าน ความรู้สึกของการเป็นเจ้าของเป็นไปโดยธรรมชาติอย่างนั้น ราวกับว่าสิ่งที่เขากับเย้นหว่านกำลังกระทำอยู่ในตอนนี้ คือการลักลอบเป็นชู้กัน
เมื่อเห็นว่ามู่จื่ออี้ยังไม่ขยับ เย้นหว่านก็เร่งด้วยความกระวนกระวาย
“เป็นอะไรล่ะ? รีบส่งฉันขึ้นไปสิ”
เมื่อถูกมู่จื่ออี้กอดอยู่อย่างนี้ ถูกจ้องด้วยสายตาอันตรายของโห้หลีเฉิน เย้นหว่านก็มีความร้อนใจเล็กน้อย
ในใจมู่จื่ออี้มีความไม่พอใจ แต่ยังคงส่งเย้นหว่านถึงขอบสระ
เมื่อมาถึงขอบสระแล้ว เย้นหว่านก็รีบออกมาจากอ้อมกอดของมู่จื่ออี้ จับราวบันไดแล้วปีนขึ้นไปด้วยตนเอง
เมื่อขึ้นมาแล้ว หยดน้ำก็ไหลตามร่างกายของเย้นหว่าน เธอไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ แค่อยากรีบเดินไปทางโห้หลีเฉิน
แต่ว่าเธอเท้าเปล่าเหยียบบนน้ำ ทันใดนั้นก็ลื่นสะดุด
เฮือก!
เธอตกใจ ควบคุมร่างกายไม่อยู่ ดูแล้วต้องลื่นล้มลงแน่นอน
“ระวัง!”
มู่จื่ออี้รีบกระโดดออกมาจากในน้ำ ต้องการมาประคองเย้นหว่าน
ในเวลาเดียวกันโห้หลีเฉินก็ก้าวขาที่เรียวยาวเข้าไปตรงหน้าของเย้นหว่าน ยื่นมือไปโอบที่เอวของเธอไว้ และดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง
มือของมู่จื่ออี้เคว้งอยู่ในอากาศ
ทุกคนในงานเงียบเป็นพิเศษหลังจากโห้หลีเฉินปรากฏตัว เมื่อเห็นฉากตรงหน้านี้ ก็ยิ่งเงียบลงไปอีก
ผู้ชายสองคนที่ความหล่อกินกันไม่ลง ต่างก็แย่งกันเพื่อประคองเย้นหว่าน……
ช่างโชคดีจริงๆ พวกเธอเองก็อยากลื่นล้มบ้าง
ร่างกายของเย้นหว่านแนบชิดอยู่บนชุดสูทของโห้หลีเฉิน แม้ว่าจะมีเนื้อผ้าขวางกั้นระยะห่างระหว่างกัน แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกว้าวุ่นใจทันที แก้มแดงเรื่อ
เธอรีบผลักเขาออก “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
มองดูคราบน้ำบนชุดสูทของเขา เย้นหว่านตื่นตระหนกมากกว่าเดิม
การกระทำของเธอตกอยู่ในสายตาของโห้หลีเฉิน เปรียบเทียบเหตุการณ์เดียวกันแต่ต่างกันอย่างชัดเจน
เมื่อสักครู่ตอนที่เขามาถึงก็เห็นเธออยู่ในอ้อมกอดของมู่จื่ออี้ แต่ตอนนี้พอถึงบ้านราวที่มาอยู่ในอ้อมกอดของเขาบ้าง เธอก็ต้องการขยับออกแทบจะรอไม่ไหวอย่างนี้
ความโกรธในใจลุกโชนขึ้นทันทีทันใด
ใบหน้าโห้หลีเฉินบึ้งตึง กระชากมือของเย้นหว่านได้ก็เดินออกไป
พละกำลังของชายหนุ่มนั้นมาก เย้นหว่านไม่สามารถต้านทานได้ ดังนั้นเธอจึงถูกบังคับให้ต้องไปกับโห้หลีเฉิน
เธอถามอย่างสงสัย “คุณโห้ คุณจะพาฉันไปไหนคะ?” เธอยังสวมชุดว่ายน้ำอยู่นะ
โห้หลีเฉินรีบสาวเท้าเดินอย่างรวดเร็ว คำตอบสำหรับเย้นหว่านคือไอของความเยือกเย็นที่แผ่กระจายออกจากแผ่นหลังกว้างของเขา
โห้หลีเฉินพาเย้นหว่านมาถึงห้องแต่งตัว
ข้างในเงียบเชียบ ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว
“ปึก”
เกิดเสียงดังขึ้นเบาๆ เย้นหว่านถูกโห้หลีเฉินผลักไปชนกับตู้เสื้อผ้า
เขากดไหล่บางของเธอไว้ ร่างสูงใหญ่ของเขาเหมือนภูเขาใหญ่ที่กำลังปกคลุมเธอไว้
ดวงตาของเขาคมลึกอย่างมาก ก้มหน้าลง แล้วจูบลงบนริมฝีปากบางของเธอ
“อื้อ……!”
เย้นหว่านเบิกตาโตด้วยความตกใจ มองใบหน้าหล่อเหลาที่ขยายใหญ่ตรงหน้าอย่างไม่สามารถจะจินตนาการได้ นี่โห้หลีเฉินกำลังทำอะไร?
เธอกำลังสับสนจึงต้องการหนีออกจากเขา การต่อต้านของเธอ กลับทำให้อารมณ์โกรธของชายหนุ่มยิ่งสูงขึ้น
จูบของโห้หลีเฉินรุนแรงยิ่งกว่าเดิม บังคับรุกเร้าบดเบียดเพื่อเปิดริมฝีปากของเธอ แล้วบุกเข้ามาราวกับโจร กวาดไปทั่วโพรงปากนุ่มของเธออย่างบ้าคลั่ง
ราวกับต้องการกลืนกินรสชาติทั้งหมดของเธอ
ทั้งรุนแรงและดุเดือด
เย้นหว่านเจ็บ และรู้สึกกลัว
เธอต่อต้านพร้อมผลักไสเขา ทุบตีเขา……
“ตึกตึกตึก”
เสียงฝีเท้าไม่เบาไม่หนักดังขึ้น
เย้นหว่านเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นมู่จื่ออี้ที่เดินเข้ามา
เขามองเธอด้วยแววตาที่สลับซับซ้อน “คุณยังโอเคใช่ไหม?”
ดูแล้วเธอเหมือนกับลูกบอลที่ถูกปล่อยลมออก เซื่องซึมไม่กระตือรือร้น
เย้นหว่านส่ายหัวไปมา “ไม่เป็นไร”
เธอฝืนยิ้มออกมา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองในล็อคเกอร์
หลังจากเพิ่งผ่านเหตุการณ์เมื่อสักครู่มา เธอเองก็ไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ต่อแล้ว
“ฝากคุณช่วยฉันบอกหัวหน้าโกวด้วย ฉันขอกลับก่อนแล้ว”
มู่จื่ออี้ขมวดคิ้ว หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่าตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว ก้าวไปข้างหน้าแล้วดึงข้อมือของเย้นหว่านเอาไว้
“เย้นหว่าน ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับโห้หลีเฉินคืออะไร?
นับตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นมา เขาก็ค้นพบว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเรื่องผิดปกติ แต่ก็ไม่ปรากฏอะไรออกมาเป็นพิเศษ ตลอดมาเขาไม่ได้ถาม และก็ไม่ต้องการถาม ไม่ต้องการรับรู้คำตอบบางอย่างที่เขาไม่อยากยอมรับ
แต่ว่าวันนี้ การแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของของโห้หลีเฉินมันชัดเจนเกินไป มันทำให้ผู้คนไม่อาจมองข้าม
เย้นหว่านเม้มริมฝีปากบางซ้ำๆ แค่คิดถึงเรื่องราวที่ยุ่งวุ่นวายระหว่างตนกับโห้หลีเฉินก็ทำให้ปวดหัว
“มีความสลับซับซ้อนนิดหน่อย”
และไม่สามารถพูด มันคือความลับ
มู่จื่ออี้ไม่ได้ปล่อยเธอ ยังคงถามต่อ: “ถ้าอย่างนั้นคุณบอกกับผม พวกคุณเป็นคนรักกันใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่”
เย้นหว่านตอบโดยที่ไม่แม้แต่จะคิด ชาตินี้เธอกับโห้หลีเฉินไม่มีทางเกี่ยวข้องกับคำๆนี้ได้
เส้นสายที่ตึงเครียดในหัวใจของมู่จื่ออี้คลายลงทันที
ไม่ใช่ก็ดีแล้ว
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขามีท่าทางที่เหยียดออก ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่สวยงามอย่างมาก
เขายกมือขึ้น ลูบไปมาบนหัวของเย้นหว่าน “โอเค คุณไม่ใช่พูดว่าต้องการกลับแล้ว? ผมส่งคุณเอง”
เย้นหว่านมองมู่จื่ออี้อย่างไร้คำพูด จู่ๆทำไมเขาถึงได้อารมณ์ดีขึ้นมาเช่นนี้แล้ว?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...