บทที่622 หยิ่งยโส
หยิ่งยโสอย่างที่สุด!
ในเวลาเดียวกันท่านอาวุโสผมสีเงินรู้สึกโมโห กลับรู้สึกตื่นตระหนกตกใจอีก ตกใจจนหน้าซีด
หยูซือห้านแม้ว่าจะเป็นทายาทตามที่ประชุมได้ตัดสินใจเลือก แต่หลังจากที่โห้หลีเฉินกลับมา ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องไม่หยุด ตอนนี้หยูซือห้านก็อยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายนี้อีก สามารถอยู่ในตำแหน่งทายาทต่อไปได้หรือไม่ก็พูดได้สองอย่าง
และสถานะเช่นนี้ ถ้าถูกเย้นโม่หลินฆ่าตายในที่เกิดเหตุ ตระกูลหยูอย่างมากก็ตำหนิกล่าวโทษ กลับไม่คิดจะช่วยแก้แค้นอะไรให้หยูซือห้านจริงๆ
ในเมื่อ ตระกูลเย้นมีความสำคัญกับตระกูลหยูมากเหลือเกิน ทุกคนในตระกูลต่างทำเพื่อผลประโยชน์ เลือกที่จะปิดตาไว้ข้างหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าฉีกหน้าไปตำหนิความผิดพลาดของเย้นโม่หลิน
อย่างนั้นหยูซือห้าน ก็คงตายเปล่าแล้ว
อย่างนั้นโห้หลีเฉิน ก็ไม่ใช่ว่าสมหวังหรอกหรือ ยิ่งใหญ่อยู่เพียงคนเดียว มีเพียงเขาเป็นทายาทไม่ใช่หรือ
พวกเขาล่วงเกินแบบนี้ กลั่นแกล้งโห้หลีเฉิน ต่อไปโห้หลีเฉินขึ้นมาดำรงตำแหน่ง พวกเขาจะมีทางรอดชีวิตอีกเหรอ
คิดอย่างรวดเร็วท่านอาวุโสผมสีเงินก็ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดมาก
เขารีบกวักมือ รีบพูดว่า
“คุณชายเย้นไม่ได้นะครับ! มีเรื่องอะไรพวกเราค่อยๆพูดกันถ้าหากว่า……หยูซือห้านทำเรื่องระยำต่ำช้าจริง ตระกูลหยูของพวกเราไม่มีทางปกป้องเขาเด็ดขาด”
สถานการณ์ตอนนี้ ช่วยหยูซือห้านเป็นเรื่องเร่งด่วนก่อน
“ใช่แล้ว คุณชายเย้น อย่าวู่วามเลย”
“มีเรื่องอะไรพวกเราค่อยๆคุยกัน วางมีดลงก่อนเถอะ”
ผู้อาวุโสคนอื่นๆค่อยเดินออกมา แต่ละคนพูดเกลี้ยกล่อมกันคนละประโยคสองประโยค ก็มีท่าทีผ่อนคลายลงมา
เดิมเย้นโม่หลินก็ไม่ได้คิดจะฆ่าหยูซือห้านจริงๆ ก็ไม่ได้แกล้ง พลั้งมือแทงไปหนึ่งครั้ง ก็เก็บมีดไป
แต่กริชก็ยังอยู่ในมือของเขา ใบมีดลดลง เลือดสดๆไหลอาบลงมาตามใบมีดทีละหยุด
การดึงดูดสายตาด้วยกลิ่นคาวเลือด
บรรดาคนตระกูลหยูเห็นเช่นนั้น ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกในที่สุด แต่กลับยังวางใจ
ชีวิตของหยูซือห้าน สุดท้ายก็อยู่ในมือของเย้นโม่หลินอยู่ดี
เย้นโม่หลินมองบรรดาผู้คนตรงหน้าด้วยสายตาเยือกเย็นบีบคั้น คมกริบ
พูดอย่างเย็นชาว่า “ฮึ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อย่างนั้นตระกูลหยูวางแผนจะชดเชยให้อย่างไร”
คำถามบีบเค้นต้อนมาทีละก้าว
ท่านอาวุโสผมสีเงินที่เพิ่งจะวางใจลง ก็กังวลขึ้นมาอีก
คิ้วของเขาขมวดแน่น มองไปทางหยูซือห้านด้วยสายตาสับสน
“ซือห้าน แกจับตัวคุณเย้นไปจริงหรือ เรื่องแต่งงาน ก็เป็นแผนที่แกบีบบังคับเธอหรือ”
“ไม่ ไม่ใช่ครับ!”
หยูซือห้านเสียงแหบพร่า ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
สายตาของเขาร้อนผ่าว เงยหน้ามองท่านอาวุโสผมสีเงินสีหน้าร้อนใจ “ผมไม่ได้ลักพาตัวเย้นหว่าน ผม ผมก็แค่……”
หยูซือห้านพูดอ้ำๆอึ้งๆ กำลังคิดข้ออ้างอะไรบางอย่างให้สมเหตุสมผลด้วยความร้อนรน
ท่านอาวุโสผมสีเงินเห็นแล้วก็กังวลในใจ รีบไล่บี้ถามว่า“แค่อะไร ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ แกแค่พูดความจริงออกมา ตระกูลหยูจะต้องให้ความยุติธรรมกับแกแน่นอน”
ประโยคนี้ ทำให้หยูซือห้าเหมือนกับหาขั้นบันไดเจอ รีบก้าวขึ้นไปทันที
สายตาเขาจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นคมกริบ ยื่นมือที่เต็มไปด้วยบาดแผล ชี้นิ้วตรงไปที่โห้หลีเฉิน
“คือเขา!ทั้งหมดเป็นแผนที่โห้หลีเฉินจะคิดบัญชีกับผม คือเขากับเย้นหว่านสมรู้ร่วมคิดกัน ร่วมมือกันใส่ร้ายผม! พวกเขาจับผมแล้วก็บังคับให้ผมสารภาพทั้งหมด ให้ผมละทิ้งอำนาจทายาทของตระกูลหยู!”
เสียงแหบพร่าที่คลุ้มคลั่ง ยืดนิ้วตรง ชี้ไปที่โห้หลีเฉิน
สายตาของบรรดาผู้คน ก็ล้วนมองไปที่โห้หลีเฉิน
เย้นโม่หลินส่งเสียงดุด้วยความเยือกเย็น น้ำเสียงหยิ่งยโสบ้าอำนาจ สายตาที่เย่อหยิ่งมองกวาดผู้คนไปทั่วราวกับเป็นราชา
แต่ละคำคมกริบ “คนที่ตระกูลเย้นของผมจะจัดการ ก็แค่มาแจ้งให้พวกคุณทราบ ไม่ได้มาให้พวกคุณมีทางเลือกที่จะปฏิเสธ”
หยิ่งยโส
โอหัง
ในถิ่นของตระกูลหยู พูดคำที่หยิ่งยโสบ้าอำนาจแบบนี้
สีหน้าของทุกคนในตระกูลหยูเปลี่ยนไปทีละคน ดูน่าเกลียดราวกับว่ากินแมลงวันเลย
คิ้วของหยูฉู่สอง ก็ขมวดแน่นอย่างไม่มีสาเหตุ
เย้นโม่หลินมุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะหยัน สาวเท้ายาวๆ เดินไปทางหยู่ฉู่สองทีละก้าว
ในตำแหน่งที่ห่างออกไปห้าห้าว เขาก็หยุดลง
เขาพูดอย่างภูมิใจว่า “วันนี้ ผมเย้นโม่หลินเป็นตัวแทนของตระกูลเย้น จะขอพูดตรงนี้ว่า
หยูซือห้านกล้าลักพาตัวเย้นหว่าน ทำให้เธอต้องเผชิญกับความเป็นความตาย ความแค้นครั้งนี้ ตระกูลเย้นไม่มีทางลืมอย่างแน่นอน ถ้าหากตระกูลหยูจะปกป้องหยูซือห้าน อย่างนั้นความร่วมมือระหว่างตระกูลเย้นและตระกูลหยูทั้งหมด เป็นอันยกเลิก นับแต่นี้ต่อไป จะเป็นศัตรูคู่อาฆาตไม่สิ้นสุด!”
บรรดาคนของตระกูลหยู สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ประโยคนี้รุนแรงมากจริงๆ แม้แต่หยูฉู่สอง ก็ยังหน้าถอดสี
สายตาเย็นเยือกของเย้นโม่หลินมองบรรดาผู้คนที่อยู่โดยรอบ พูดว่า
“ครั้งนี้ ชีวิตของเย้นหว่านโห้หลีเฉินเป็นคนช่วยเอาไว้ เขาเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลเย้นของพวกเรา นับจากนี้เป็นต้นไป ตระกูลเย้นจะสนับสนุน ช่วยเหลือโห้หลีเฉินอย่างเต็มที่
ผมไม่สนว่าสุดท้ายแล้วพวกคุณตระกูลหยูจะเลือกใครเป็นทายาท แต่ถ้าหากจะกำจัดโห้หลีเฉินต่อหน้าผม ทำให้เขาบาดเจ็บหนักถึงขั้นพิการ ผมเย้นโม่หลิน ก็ไม่มีทางรับปาก แม้จะต้องแลกมาด้วย การโจมตีตระกูลหยูแย่งคนไปก็ไม่ลังเล”
ประโยคนี้ เสมือนกับระเบิดหนึ่งลูก โยนลงไปในทะเลสาบ
ระเบิดจนน้ำแตกกระจาย ผู้คนตื่นตกใจกลัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...