แม้กระทั่ง ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความเฉียบขาดที่อันตราย
เขาไม่รู้ในใจเย้นหว่านคิดยังไงกันแน่ แต่ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
ป่ายฉีมีสีหน้าแววตาที่ซับซ้อน เดินมาที่ข้างกายเย้นโม่หลิน ยื่นมือตบไหล่ของเขา ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ผลลัพธ์ที่นายไม่อยากเห็นก็ได้เห็นแล้ว”
ที่หมายถึงคือ ความจริงที่อยู่ตรงหน้า และท่าทีของเย้นหว่าน
ถึงจะไม่ยินยอมยังไง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงและหวั่นไหว
สีหน้าแววตาของเย้นโม่หลินระยิบระยับอย่างไม่หยุด สายตามองมือของเย้นหว่านและโห้หลีเฉินที่จับแน่นด้วยกัน ทั้งโกรธและจนปัญญา
จะเป็นหรือตาย ก็ไม่สามารถแยกจากกัน เกรงว่าบนโลกใบนี้คงไม่มีวิธีอะไรสามารถแยกพวกเขาออกจากกันแล้ว
ถึงจะไม่พอใจโห้หลีเฉินก็เหอะ แต่นาทีนี้ อยู่ตรงหน้าความรักที่แน่วแน่ไม่หวั่นไหวของทั้งคู่ เย้นโม่หลินก็หาคำพูดมาขัดขวางไม่ได้อีก
สายตาเยือกเย็นของเขาจ้องไปที่โห้หลีเฉิน แต่ละถ้อยคำของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยการข่มขู่ “ถ้านายรังแกเสี่ยวหว่าน ก็ถึงเวลาตายของนายแล้ว”
โห้หลีเฉินอึ้งเล็กน้อย
เวลาแบบนี้ เย้นโม่หลินพูดแบบนี้กับเขา ไม่เท่ากับ......
ยอมให้เขาอยู่กับเย้นหว่าน?
แต่จะเป็นไปได้ยังไง? !
อาการป่วยของเขาในตอนนี้ อนาคตดับสนิท ตามระดับความหวงที่เย้นโม่หลินมีต่อน้องสาว เขาจะไม่ยอมเห็นน้องสาวจมเข้าไปในดินโคลนอย่างแน่นอน
นอกเสียจาก......
โห้หลีเฉินม่านตาหดตัว เกร็งไปทั้งตัว
เย้นโม่หลินที่หน้าเขียวหน้าดำไม่ยินยอม ได้ทิ้งคำพูดเย็นชาไว้ให้ป่ายฉี “นายไปพูดเอง”
ป่ายฉี “........”
ยักไหล่อย่างจนปัญญา เขารู้แล้วเชียวว่าคนที่ทำเรื่องชั่วคือเขา คนที่มาเก็บกวาดก็ยังคือเขาอีก
“ฮึ่มๆ”
ป่ายฉีกระแอมทีหนึ่ง จากนั้นได้ฉีกรอยยิ้มออกมา มองหน้าเย้นหว่านแล้วพูดว่า “เสี่ยวหว่าน ถึงแม้โห้หลีเฉินสามารถมีชีวิตอยู่แค่สามปี แต่ว่า ผมก็มีวิธีช่วยเขาอยู่”
หยุดไปครู่หนึ่ง เขาได้พูดเสริมอีกคำ “รวมทั้งรักษาโรคหมันของเขาด้วย”
เย้นหว่านแข็งทื่อในทันที แทบไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ตนเองได้ยิน
มองรอยยิ้มของป่ายฉี เธอยังรู้สึกอยู่ในโลกแห่งความฝันเลย อยู่ในโลกแห่งความฝันจนเหมือนกำลังหลอกลวงเธอ
สีหน้าแววตาเธอระยิบระยับ แม้แต่เสียงก็ยังสั่นคลอน “จริง จริงเหรอ?”
หลังจากเศร้าโศกสุดๆเสร็จก็ดีใจสุดๆ
เผชิญกับหน้าตาเซอร์ไพรส์และไม่สบายใจของเย้นหว่าน ป่ายฉีรู้สึกกินปูนร้อนท้อง
ที่จริงตอนแรกเขาก็ควรบอกผลลัพธ์นี้ให้เย้นหว่านก่อน เพื่อเลี่ยงไม่ให้เธอได้ยินคำพูดโศกเศร้าก่อนแล้วจะสิ้นหวังเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
แต่เขากับเย้นโม่หลินรวมหัวกันปุ๊บ กลับวางแผนพูดเรื่องเป็นหมันและตายของโห้หลีเฉินก่อน ถ้าตามคำพูดของเย้นโม่หลินแล้ว ขอแค่เย้นหว่านแสดงออกมานิดหน่อยหรือแค่เสี้ยวเดียวว่าจะไปจากและมีใจถอยออกมาจากโห้หลีเฉินด้วยเหตุนี้ เขาก็จะพาเย้นหว่านไปทันที
ความรักที่ไม่ใช่แน่วแน่ถึงเป็นตายก็ไม่แยกจากกันร้อยเปอร์เซ็นต์ เย้นโม่หลินก็ไม่มีข้อยกเว้นให้เธอกับโห้หลีเฉินได้สมปรารถนาเด็ดขาด
แต่ความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของเย้นหว่าน สุดท้ายก็ทำให้เย้นโม่หลินหมดคำพูด
เป็นหรือตายก็แยกออกจากกันไม่ได้
ยังจะทำยังไงได้?
ได้แต่ให้พวกเขาสมปรารถนาแล้ว!
ป่ายฉีพูดด้วยรอยยิ้ม “จริงๆ”
ผลลัพธ์ที่แน่วแน่และแน่ใจ ทำให้โลกอันมืดมิดของเย้นหว่านมีแสงสว่างโผล่ขึ้นมาทันที
เธอลุกขึ้นมาอย่างเซอร์ไพรส์ กุมมือของโห้หลีเฉินไว้แน่น อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “โห้หลีเฉิน คุณมีทางรักษาอยู่ คุณยังมีทางรักษาอยู่! คุณไม่ต้องตาย คุณไม่ต้องตายแล้ว!”
คนของตระกูลหยูต่างก็เหมือนนั่งรถไฟเหาะยังไงอย่างงั้น เดี๋ยวก็ดิ่งลงไป เดี๋ยวกลับพุ่งขึ้นมาถึงจุดสูงสุด
สีหน้าแววตาซับซ้อนของพวกเขามองทั้งคู่ที่กอดกันด้วยความตื่นเต้น อารมณ์ที่อยู่ในใจกระเพื่อมขึ้นลง ใครก็สงบลงมาไม่ได้
แววตาของหยูฉู่สองระยิบระยับและลุกลี้ลุกลน ลังเลอยู่สักพัก ถึงถามขึ้นมาด้วยเสียงแหบแห้ง “คุณป่ายฉี โรคของโห้หลีเฉิน สามารถรักษาหายได้จริงๆเหรอ?”
ป่ายฉีรู้สึกไม่พอใจกับการที่คนอื่นมาสงสัยทักษะทางการแพทย์ของเขามาก เขาไม่ไว้หน้าเลยสักนิด สายตาเย็นเฉียบจ้องไปที่หยูฉู่สอง และพูดเย้ยหยัน “ขอแค่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็ไม่มีคนที่ผมรักษาไม่หายหรอก”
เหิมเกริม
ยโสโอหัง
แต่กลับทำให้คนเกิดความหวังที่รู้สึกสบายใจ
หยูฉู่สองไม่ถือสากับป่ายฉีที่เสียมารยา เขาได้พูดอย่างไม่สบายใจอีก “แต่โรคทางพันธุกรรมของตระกูลหยูได้ถ่ายทอดมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากมีลูกกับคนของตระกูลเย้น และใช้เลือดจากสายสะดือช่วยชีวิต ไม่มีวิธีอย่างอื่นเลยนะ”
หยุดไปครู่หนึ่ง เขาได้ถามอย่างกระวนกระวาย “หรือว่า คุณป่ายฉีคิดค้นวิธีอื่นออกมาได้แล้ว?”
ตอนที่ถามคำถามนี้ หยูฉู่สองถึงขั้นหายใจก็ยังตื่นเต้น
คนของตระกูลหยูต่างก็ตื่นเต้นและกระวนกระวาย มองป่ายฉีด้วยสายตาเปล่งประกาย
ถ้าหากมีวิธีรักษาโรคนี้และสามารถช่วยชีวิตด้วยวิธีอื่นจริงๆ สำหรับตระกูลหยูแล้ว เป็นโอกาสก้าวที่กระโดดและใหญ่ที่สุดจริงๆ
ภูมิหลังและอำนาจของตระกูลหยู ได้อยู่ตำแหน่งสูงสุดของโลกแล้ว เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งไม่เป็นสองรองใครของโลก
แต่ถึงจะมีพลังอย่างนี้ก็เถอะ ถึงแม้ยืนเคียงข้างกับตระกูลเย้น แต่แท้จริงแล้ว เพราะโรคทางพันธุกรรมต้องแต่งงานกับคนของตระกูลเย้น ตระกูลหยูยังไงก็ถูกควบคุมโดยตระกูลเย้นอยู่ดี
ไม่งั้นเรื่องใหญ่โตที่เกี่ยวข้องกับการสืบทอดตระกูล ยอมที่จะปลดผู้สืบทอดตระกูลก็ไม่ยอมแตกหักกับตระกูลเย้น
แต่ถ้าหากโรคนี้มีวิธีแก้ไขอย่างอื่น ไม่จำเป็นต้องแต่งงานเชื่อมสายสัมพันธ์กับตระกูลเย้นอีก งั้นตระกูลหยูก็จะโบยบินอิสระอย่างแท้จริงแล้ว
ส่วนว่าที่ผู้สืบทอดตระกูลที่อาการป่วยกำเริบ ก็มีการรับประกันร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าสามารถมีชีวิตอยู่ต่อ
ตระกูลหยูก็จะก้าวเข้าสู่ความเจริญรุ่งเรืองอีกขั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...