บทที่685 ลูก
ตอนที่เธอยืนอยู่ในห้องโถง โห้หลีเฉินถือจานเข้ามา สวมผ้ากันเปื้อน เดินออกมาจากในห้องครัว
เขากล่าวพร้อมใบหน้าที่อ่อนโยนว่า
“อาหารเตรียมเสร็จแล้ว รีบมากินเร็ว”
เย้นหว่านยืนมองเขาด้วยความงุนงง รู้สึกว่ายังตั้งสติไม่ค่อยได้ โห้หลีเฉินทำอาหารเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่?
แล้วก็ท่าทางที่สวมผ้าใส่ผ้ากันเปื้อนของเขา มันไม่ได้ดูอ่อนหวานละมุนละไมเลย แถมยังดูหล่อเหลาจนน่าหลงใหล
โห้หลีเฉินวางจานในมือลง แล้วก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเย้นหว่าน
เขาเอานิ้วชี้ยกคางของเธอขึ้น สายตาดุดันมาก
“มองฉันแบบนี้ คือกำลังยั่วยวนฉัน ให้ฉันกินเธอก่อนใช่ไหม? ”
ความรุนแรงของเขา ก็คือประกายไฟที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เย้นหว่านหน้าแดง ถอยหลังไปนิดหน่อยด้วยความเขินอาย “ฉันกินข้าวก่อนนะ”
หลังจากพูดจบ ก็รีบวิ่งไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลงทันที
บนโต๊ะอาหารนั้น มีอาหารวางอยู่ทั้งหมดสิบจาน ต่างก็เป็นอาหารที่เธอชอบทั้งนั้นเลย
ทันใดนั้นเย้นหว่านก็รู้สึกน้ำลายไหล หิวมาก
ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้กินอาหารอันโอชะที่น่าลิ้มลองมาเป็นเวลานานแล้ว ตอนนี้เธอรู้สึกรอคอยเป็นอย่างมาก
เธอรีบหยิบตะเกียบขึ้นมา จะเริ่มกิน
แต่ว่าพึ่งจะหยิบตะเกียบขึ้นมา ฝ่ามือหนาก็กดมือน้อยๆ ของเธอเอาไว้
“อย่าพึ่งรีบกิน ป้อนลูกก่อน”
โห้หลีเฉินนั่งอยู่ข้างเธอ สิ่งที่น่าทึ่งไปมากกว่านั้นก็คือ เขายังอุ้มเด็กน้อยอายุประมาณหนึ่งขวบไว้ในอ้อมแขน
หน้าตาสวยงามและประณีตเหมือนกับตุ๊กตาแกะสลัก สวยกว่าตุ๊กตาอีกเยอะมาก
เย้นหว่านอึ้งไป นี่คือลูกของบ้านไหนกัน?
“หม่าม๊า,หม่าหม๊าอุ้ม……”
เด็กน้อยยื่นมือสั้นๆ ออกมา พุ่งเข้ามาหาเย้นหว่าน
เย้นหว่านมองเขาด้วยความตกใจ นี่คือลูกของเธองั้นเหรอ?
นี่เธอมีลูกแล้วยังงั้นเหรอ?
นี่มันเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เธอยังไม่ทันจะคิดให้ชัดเจน เด็กน้อยคนนั้นก็พุ่งเข้ามาที่ร่างกายของเธอ แล้วเธอก็กอดเขาไว้โดยอัตโนมัติ
ในอ้อมแขนของเธอนั้น ร่างกายของเขานั้นช่างนุ่มนิ่มอย่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย กอดแล้วรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก
เย้นหว่านเข้าสู่บทบาทในทันที รู้สึกชอบเขาเป็นอย่างมาก ความรักของมารดาก่อขึ้นเต็มหัวใจเธอในทันที
“แม่ครับ ผมอยากกินเนื้อ เนื้อๆ ……”
เด็กน้อยกอดอยู่ในอ้อมแขนของเย้นหว่านอย่างนุ่มนวล นิ้วก้อยชี้ไปที่กองหมูทอดบนโต๊ะ
นี่คือสิ่งที่เธอชอบกินมากที่สุด
เย้นหว่านมองดูหมูทอดชิ้นเล็กที่ดูดีและกลิ่นหอม พลางกลืนน้ำลาย
เธอพูดอย่างลังเลว่า “หนูยังเด็กอยู่ กินเผ็ดไม่ได้ กินเนื้ออันอื่นโอเคไหม? ”
“ผมไม่เอา ผมจะกินอันนั้น”
เด็กน้อยส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ เบิกตาโพลง จ้องเย้นหว่านด้วยแววตาที่เป็นประกาย
มองดูท่าทางที่น่าสงสารของเขา ทำให้ละเลยท่าทางที่เอาแต่ใจของเขา มองดูแล้วรู้สึกใจอ่อน
เย้นหว่านไม่มีหลักการอะไรอีกต่อไป คีบหมูทอดชิ้นหนึ่งป้อนให้เด็กน้อย
ด้านข้าง ก็มีเสียงที่ไม่พอใจของโห้หลีเฉินดังขึ้น
“เย้นหว่าน เธอทำอะไรอยู่? เขาพึ่งจะขวบเดียว เขากินพริกไม่ได้! ”
เย้นหว่านอึ้งไป หันหน้ากลับไปมองหน้าของโห้หลีเฉินที่กำลังโกรธ มันเต็มไปด้วยการตำหนิเธอ
เธอรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย อยากจะอธิบาย “ฉัน……”
“เธอนี่ช่างไม่มีความรับผิดชอบเลย ฉันผิดหวังในตัวเธอ! ”
เสียงที่เย็นชาของโห้หลีเฉินตัดบทเย้นหว่าน
ท่าทางของเขาเย็นชาและไร้ความปรานี แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง จะแย่งเด็กคนนั้นจากอ้อมแขนของเย้นหว่านมา
เขาลุกขึ้น มองลงมาที่เธออย่างเย็นชา “ฉันจะเอาลูกไปตอนนี้แหละ ฉันไม่ต้องการเธอแล้ว”
อยากจะไปตามหาโห้หลีเฉิน
แต่ว่าพึ่งจะลงจากเตียง ผ้าม่านก็ถูกเปิดออกจากทางด้านนอก แล้วก็มีผู้หญิงวัยกลางคนรูปร่างอวบอ้วนเดินเข้ามา
เสียงของเธอทั้งหนาและสูง สำเนียงหนาพูดภาษาจีนกลางอย่างไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก “ฟื้นแล้วเหรอ? ”
นี่คือคุณป้าแปลกหน้า เย้นหว่านไม่เคยเจอเธอมาก่อน คิดไปคิดมา ก็คิดว่าเธอน่าจะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ช่วยเหลือเธอเอาไว้
เธอรีบคลี่ยิ้มออกมาทันทีพร้อมกับพยักหน้า
“อืม ฟื้นแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉัน”
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันไม่ได้ช่วยคุณ”
ผู้หญิงคนนั้นปฏิเสธทันที แล้วก็วางกะละมังลงที่ปลายเตียง
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ล้างหน้าเองได้ใช่ไหม? ในที่สุดก็ไม่ต้องคอยปรนนิบัติรับใช้คุณแล้ว”
ท่าทางรังเกียจของเธอ ไม่ได้ปกปิดเอาไว้เลยแม้แต่นิดเดียว
เย้นหว่านอึ้งไปเล็กน้อย การที่โดนต้อนรับแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ด้วยคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของเธอ เธอจึงรักษาความสุภาพใบหน้าของเธอเอาไว้
“สองวันนี้รบกวนคุณแล้ว ขอถามหน่อยค่ะ ใครเป็นคนช่วยฉันไว้เหรอคะ? แล้วผู้ชายที่มากับฉันอยู่ที่ไหนกัน? ”
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นรู้สึกรำคาญกับคำถามที่มากมายของเย้นหว่าน
เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก “ตอนที่ผู้ชายของฉันไปที่ภูเขาหิมะ ก็เจอพวกคุณเข้า แล้วก็ลากพวกคุณกลับมา”
“บ้าจริงๆ ทางไกลขนาดนั้นลากคนที่กำลังจะตายทั้งสองคนกลับมา หาเรื่องวุ่นวายให้ฉันจริงๆ ”
แล้วก็มองเย้นหว่านด้วยสายตาที่รังเกียจ พร้อมกับพูดอีกว่า “ในเมื่อคุณฟื้นแล้ว ฉันก็จะไม่ดูแลคุณอีก จะล้างหน้ากินข้าวก็ทำเองแล้วกัน”
เย้นหว่านรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าตอนที่เธอหมดสติไปนั้นต้องลำบากคุณป้าคนนี้มาคอยดูแล แน่นอนว่าเธอรู้สึกผิดกับมัน แต่ว่าการที่ถูกเธอพูดจาด้วยความรังเกียจแบบนี้ ใบหน้าของเธอยิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเดิมอีก
ค่อนข้างจะกระอักกระอ่วน
เย้นหว่านรีบหยักหน้าทันที “ได้ค่ะ ถ้ายังงั้น ผู้ชายที่มากับฉันอยู่ที่ไหนเหรอคะ? ”
คนแรกที่เธออยากเจอเมื่อฟื้นขึ้นมานั้น ก็คือโห้หลีเฉิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...