ฉู่ฉู่เลิกตื่นตกใจได้แล้ว สีหน้าซีดเผือด กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปบอกให้เธอพักหายใจออกไปไม่หยุด
เธอไม่ทันได้ฟื้นฟูสภาพกลับมา ก็ได้เอ่ยพูดออกมาอย่างร้อนรน
“ท่านเสนาฯ ท่านเสนาฯ เขา...เขาซ่องสุมกำลังเอาไว้ลับๆ ดึงข้าราชการระดับสูงเกินครึ่งหนุนหลังเขา เผชิญหน้ากับผู้พิพากษากันอย่างโจ่งแจ้ง ท่าทีแบบนี้ เป็นการต้องการก่อกบฏ ท้องฟ้าของประเทศเบียนหนาน เกรงว่ามันกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว”
“ท่านดยุกให้ฉันกลับมา รีบมาแจ้งเธอ ให้เธอ...ให้เธอต้องระวัง ช่วงนี้ก็อย่าออกจากบ้านไปไหน”
เย้นหว่านได้ยินคำพูดของฉู่ฉู่แล้วก็ตื่นตกใจออกมา สมองแทบจะประมวลผลออกมาไม่ได้
กบฏ?
เธอนึกว่าอาศัยความคิดเห็นจากประชาชนที่รุนแรงอย่างนี้ มันแทบจะสามารถปราบโอหยางฝู่ให้พังพินาศไปได้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้าก่อกบฏออกมาได้!
ผู้ชายคนนี้ยิ่งมีอำนาจในประเทศเบียนหนานมากมายขึ้นอย่างนี้ กดขี่จนผู้พิพากษาไม่กล้าแตะต้องเขา
อย่างนั้นแล้วต่อจากนี้ จะเป็นการก่อรัฐประหาร
ถึงขนาดที่ยังมีโอกาสที่จะเกิดความวุ่นวายจากสงครามขึ้นมาได้
เย้นหว่านไม่เคยจะมีประสบการณ์กับเรื่องใหญ่โตอย่างนี้มาก่อน มือเท้าเย็นเฉียบด้วยความร้อนรน ไม่อาจจะจินตนาการถึงภาพเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้มันจะกลายเป็นยังไง
ยังสามารถควบคุมจัดการเก็บกวาดได้อยู่ใช่มั้ย?
แล้วก็จะดึงประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องติดร่างแหตายไปด้วยสาเหตุนี้เท่าไหร่อีก?
ความวุ่นวายจากสงครามเป็นสิ่งที่ทำให้เธอกลัวที่สุด เป็นสิ่งที่เกิดความกลัวเข้ามาปะทะมากที่สุด
“ก็แค่การก่อรัฐประหารเท่านั้นเอง ไม่มีทางจะมีสงครามเกิดขึ้นหรอก”
ฝ่ามือใหญ่ของโห้หลีเฉินกุมมือเล็กของเย้นหว่านเอาไว้ กอบกุมมันเอาไว้ในมือของตัวเองอย่างแนบแน่น
รับรู้ได้ถึงความอุ่นร้อนจากฝ่ามือของชายหนุ่ม เหมือนกับมีพลังวิเศษก็ไม่ปาน ขับเอาความเย็นเฉียบที่อยู่ตรงปลายนิ้วมือของเธอให้สลายหายไป
เย้นหว่านชำเลืองตามองออกไป ก็เห็นใบหน้าหล่อของโห้หลีเฉิน สงบเยือกเย็นเหมือนในวันปกติทั่วๆไปอย่างนั้น
กับเรื่องที่โอหยางฝู่มีความตั้งใจจะก่อกบฏนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าก็ยังไม่มีอาการตกใจหรือผิดคาดออกมาเลยแม้แต่น้อย
เย้นหว่านนิ่งอึ้งไป และก็ได้นึกอะไรขึ้นมาได้ทันที
เธอมองโห้หลีเฉินเข้าไปตรงๆ พร้อมเอ่ยถามออกไป
“คุณคาดเดาได้อยู่ก่อนแล้วใช่มั้ย?”
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบาง พร้อมพยักหน้าออกมา
เย้นหว่านตกตะลึง “ทำไมคุณถึงไม่บอกฉันก่อน?”
โห้หลีเฉินลูบผมเธอเบาๆ เอ่ยออกมาอย่างจนใจว่า “กลัวว่าคุณจะกลัว”
ถ้าบอกเรื่องที่โอหยางฝู่จะจนตรอกจนสามารถทำได้ทุกอย่างไปกับเย้นหว่านออกไปล่วงหน้า เกรงว่าเธอจะกังวลจนนอนไม่หลับไปหลายวันเลย
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินไปอย่างอึ้งๆ ไม่อาจจะหาคำไหนมาบรรยายให้กับความฉลาดและการรู้จักควบคุมจัดการของเขาได้เลย
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะสามารถคาดเดาออกมาล่วงหน้าได้
ยังมีอะไรที่โห้หลีเฉินไม่สามารถคาดเดาได้อยู่มั้ย?
“แต่ตอนนี้ฉันก็ยังกลัวนะ”
เย้นหว่านทำหน้าทำตาออกมา ตอนนี้เธอเพิ่งจะมารู้ มันก็แค่หวาดกลัวช้าไปสองวันเท่านั้นเอง
เธอถามออกมาอีกครั้งว่า “โห้หลีเฉิน ในเมื่อคุณก็คิดเอาไว้ก่อนแล้ว งั้นคุณก็ยังมีแผนรับมือหลังจากนี้อยู่ใช่มั้ย? คุณมีวิธีที่จะจัดการกับโอหยางฝู่?”
ยิ่งพูด เสียงของเย้นหว่านก็ยิ่งเบาลง
นี่มันเป็นถึงการก่อกบฏเลยนะ โอหยางฝู่กุมกำลังไปครึ่งหนึ่งของประเทศเบียนหนาน นั่นก็เท่ากับว่าครึ่งของประเทศเลยนะ
โห้หลีเฉินถึงแม้ว่าจะเก่งสักแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วที่นี่ก็ไม่ได้มีกำลังอำนาจเลยเหมือนกัน มือเปล่าๆจะไปรับมือกับครึ่งประเทศได้ยังไง?
เรื่องนี้ เกรงว่าจะทำได้แค่เพียงช่วยเหลือเซอร์ยุนซีอยู่ข้างๆ ช่วยเขาอยู่ห่างๆ มาช่วยให้รอดไป
เพียงแต่กระบวนการนั้น ไม่ว่าจะเป็นยังไงมันก็อันตราย มีแต่กลิ่นคาวเลือดไปหมด
“เย้นหว่าน จู่ๆผมก็ค้นพบขึ้นมาได้ว่าตอนนี้คุณประเมินค่าผมต่ำไปเรื่อยๆแล้วนะครับ”
โห้หลีเฉินจ้องมองเย้นหว่านไปตรงๆ ไม่พอใจอย่างมาก
ชายหนุ่มไม่ชอบให้ใครมาประเมินค่าตัวเองต่ำไปเป็นที่สุด และยิ่งไม่ชอบให้ผู้หญิงของตัวเองมาประเมินค่าของตนต่ำเสียยิ่งกว่า นั่นมันเป็นศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย
เย้นหว่านเบิกตาโพลงออกมาอย่างตื่นตกใจ “โอหยางฝู่จะมา?”
นึกถึงผู้ชายชั่วร้ายอย่างกับปีศาจที่เกือบจะทำให้เธอมีความอัปยศคนนั้นแล้ว เย้นหว่านหดตัวเกร็งออกมาอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกได้ถึงความต่อต้านและความเกลียดชังที่รุนแรงออกมา
และยังมีความรู้สึกตื่นกังวลและหวาดกลัวขึ้นมาด้วย
ใครจะรู้ว่าแค่ตอนที่นึกถึงเขาขึ้นมา เธอก็นึกถึงความรู้สึกที่ถูกเขารังแกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ถ้าเจอเขา เธอกลัวว่าจะอดไม่ได้ที่จะเอามีดมาแทงเขาให้ตายไปเสีย
รู้สึกได้ถึงความกังวลกลัวของเย้นหว่าน สายตาของโห้หลีเฉินมืดครึ้มออกมา แรงกดดันโดยรอบกดต่ำลงเล็กน้อย
สามารถทำให้เย้นหว่านกลัวได้ โอหยางฝู่จะต้องทำเรื่องที่มันไม่น่าให้อภัยขึ้นมาแน่ๆ
ไอ้ผู้ชายสมควรตาย
ความรู้สึกอยากฆ่าคนปั่นป่วนอยู่ในอก สีหน้าที่ปรากฏออกมาบนใบหน้าของโห้หลีเฉินกลับเป็นความอบอุ่น เขาโอบไหล่ของเธอเอาเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง
เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า “เขาทำอะไรคุณไม่ได้หรอก มีผมอยู่”
มีเขาอยู่ เธอปลอดภัยที่สุดแล้ว
ความหวาดกลัวภายในใจของเย้นหว่าน เหมือนกับได้รับการปลอบโยน ในชั่วเวลานั้นเองมันได้สงบลงไปไม่น้อยเลย
ใบหน้าเล็กรูปไข่ของเธอแนบอิงลงไปในอ้อมกอดของเขา พยักหน้าออกไปเบาๆ
“อืม ฉันไม่กลัว”
มีเขาอยู่ เธอจะต้องปลอดภัยแน่ เธอไม่กลัวอะไรแล้ว
เธอเองก็ต้องช่วยเขาด้วยเหมือนกัน ประคองสถานการณ์เอาไว้ให้ได้ ไม่อาจทำตัวขี้ขลาดจนกลายเป็นตัวภาระ
เย้นหว่านกำหมัดแน่น ให้กำลังใจตัวเองอยู่ในใจออกมาไม่หยุดหย่อน
ฉู่ฉู่ที่ยืนอยู่ข้างๆฟังคำพูดของทั้งสองคนเข้าไป รู้ว่าโอหยางฝู่จะมา ก็มีอาการขลาดกลัวออกมาเช่นเดียวกัน แต่ในเวลานี้สิ่งที่เธอสนใจมากกว่ากลับเป็น...
โห้หลีเฉินกับเย้นหว่านกอดกันอยู่อย่างนี้ มันดีแล้วเเหรอ?
ท่าทางที่ดูสนิทสนมนั้น มันไม่เหมือนพี่น้องทั่วไปที่จะทำกันออกมา แต่มันกลับเหมือนคู่รักที่รักใคร่กันเลย
หรือว่าความสัมพันธ์แบบพี่น้องที่ข้างนอก จะใกล้ชิดกันอย่างนี้หมดเลยงั้นเเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...