จากนั้นเธอก็ตกตะลึงไปทั้งตัว
ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำว่าน่าเหลือเชื่อแล้ว
เธอไม่กล้าจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าคนที่เห็นจะเป็นเย้นโม่หลิน เดิมทีเธอคิดว่าจะต้องผ่านไปอย่างพอดิบพอดี แต่เธอไม่อาจมองข้ามเสื้อที่ยุ่งเหยิงต่างจากปกติของเขา ทั้งยังมีรอยจูบที่พรมอยู่บนคอไปได้
ดูไปแล้วก็คล้ายคลึงกับกู้จื่อเฟย หรือบางทีอาจจะหนักกว่ากู้จื่อเฟยเสียอีก
ดังนั้น คนที่รังแกกู้จื่อเฟยเมื่อคืนนี้ก็คือพี่ชายแท้ๆ ของเธอ เย้นโม่หลินงั้นเหรอ?
นั่น นั่นมันเป็นไปได้ยังไง?
ต่อให้พี่ชายของเธอจะชอบกู้จื่อเฟยโดยไม่รู้ตัวเอง แต่เขาก็ควบคุมตัวเองได้ดีมาก และยิ่งเข้มงวดกับเรื่องแบบนี้มาก ยังอยู่ในความคิดที่ว่าต้องเข้าเรือนหอถึงจะนอนได้
จะไปทำเรื่องอย่างการนอนด้วยกันก่อนที่จะแต่งงานได้ยังไง?
เย้นหว่านเบิกตากว้าง แทบจะหาเสียงของตัวเองไม่เจอ "พวกเธอ พวกเธอทำ...ทำ..."
อะไรแบบนั้นกันแล้วจริงๆ เหรอ?
ถามไม่ออก แต่หัวใจที่ตกตะลึงของเธอแทบจะกระเด็นออกมาจากคอหอยแล้ว
ใบหน้าหล่อเหลาของเย้นโม่หลินหม่นลง ราวกับท้องฟ้าอึมครึมก่อนพายุฝนจะมา
เขามองกู้จื่อเฟยและมองไปที่เย้นหว่านอีกที น้ำเสียงไม่หนัก แต่กลับส่งเสียง"อืม"ออกมาอย่างเฉียบขาด
เสียงนั้น ก็เหมือนค้อนหิน
เรื่องฟลุ๊คทั้งหมดในหัวสมองของเย้นหว่าน มันได้กลายเป็นความจริงไปแล้ว
พี่ชายเธอพากู้จื่อเฟยไปนอนด้วยจริงๆ เข้าแล้ว!
พระเจ้า ช่างเป็นพัฒนาการที่เหนือความคาดหมายเกินไปแล้ว
เธอไม่รู้เลยจริงๆ ว่าควรจะดีใจหรือตกใจดี และพูดประโยคหนึ่งออกมาจากปากโดยไม่รู้ตัว
"พวกเธอสมยอมงั้นเหรอ...อะอื้ม!"
ยังไม่ทันจะได้พูดจบ มือเล็กเย็นเฉียบข้างหนึ่งก็มาปิดปากเย้นหว่านอย่างรีบร้อน
กู้จื่อเฟยพูดด้วยความตื่นตระหนก "เสี่ยวหว่าน ไม่ต้องพูดแล้ว"
เธออับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้ว
คิดแค่อยากโดดตึกไปซะเลย
เย้นโม่หลินมองใบหน้าเล็กที่ซีดเซียวและสายตาที่หลบเลี่ยงของกู้จื่อเฟย ก็รู้สึกเหมือนในอกมีหมอกหนาปกคลุม ทำให้เขาคลำไม่เจอมองไม่เห็น
ความหวาดกลัวที่อดกลั้นไว้
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หรือเธอคิดจะหนีไปทั้งแบบนี้กัน?
การหลบหนีนั้นไม่ใช่หนทาง
เย้นโม่หลินจ้องมองกู้จื่อเฟยตรงๆ และเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่สุด
"กู้จื่อเฟย เรามาคุยกัน...."
"เมื่อคืนพวกเราหมดสติไป ท่านฝู้รองได้ส่งคนมาตรวจดูรึเปล่า? เขาเจออะไรไหม? ตอนนี้เขายังอยู่ในห้องลับส่วนตัวอยู่รึเปล่า?"
กู้จื่อเฟยขึ้นเสียงดังเอ่ยขัดคำพูดของเย้นโม่หลิน พูดรวบสามคำถามเข้าด้วยกันแบบไม่เว้นช่วงหายใจ
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วแน่น มองไปที่กู้จื่อเฟยด้วยแววตาซับซ้อนอย่างยิ่ง
เกิดความเงียบขึ้นในอากาศ
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตั้งใจจะตอบคำถามนั้นของกู้จื่อเฟย
เมื่อล้มเหลวในการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาจึงเกิดเดดแอร์ขึ้น กู้จื่อเฟยคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะหนีต่ออย่างหงุดหงิด ในตอนนั้นเอง เสียงเบาๆ ของป่ายฉีก็ดังขึ้น
"เมื่อคืนตอนนี้พวกนายนอนหลับ ฉันก็ตรวจสอบมาแล้ว ข้อมูลการโอนเงินเพิ่มของฝู้เหวยข่ายล้วนส่งออกจากที่นี่
พวกเราปล้นข้อมูลมาแล้ว การจะถอดรหัสยังจำเป็นต้องใช้เวลาอีกหน่อย
แต่ว่า ขอแค่ถอดรหัสออกมา แหล่งกำเนิดเงินทุนนี้ก็จะกระจ่าง ตัวตนของฝู้เหวยข่ายคือตระกูลไหนและสถานที่ใดก็จะยืนยันได้90%แล้ว"
ข่าวนี้สำหรับพวกของเย้นหว่านแล้วมันคือความคืบหน้าอย่างทะลุทะลวงทีเดียว
แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเรื่องนั้น
สายตาของเย้นโม่หลินจ้องเขม็งไปยังกู้จื่อเฟย ภายในริมฝีปากบางที่เม้มแน่นราวกับจะมีคำพูดอันน่ากลัวเอ่ยออกมาได้ทุกเมื่อ
แต่กู้จื่อเฟยนั้นไม่อยากจะฟังแม้แต่คำเดียว
เธอใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นหนัก และรีบตอบรับคำพูดของป่ายฉี
ป่ายฉีเห็นด้วยอย่างยิ่งในทันที แต่คำพูดของเขายังไม่ทันได้เอ่ย กู้จื่อเฟยก็ปฏิเสธอย่างรีบร้อน
"ท่านฝู้รองวางยาฉัน ฉันจะไม่ไปดูได้ยังไง? ไปเถอะ ฉันอยากจะไปดูด้วยตัวเองว่าเขาตายยังไง!"
กู้จื่อเฟยเอ่ยอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เร่งรีบยิ่งกว่าใครทั้งหมด
เพ้อเจ้อ จะให้เธอกับเย้นโม่หลินอยู่กันตามลำพัง?
เธอคิดเพียงอยากหลบซ่อนไปให้ไกล ช่องว่างตามลำพังไหนๆ ไม่สิ แค่คำว่าตามลำพังสักคำก็ไม่อยากจะพูด
ใครจะไปรู้ว่าเขาจะคิดบัญชีกับเธอยังไง?
เขาอยู่สูงส่ง ทั้งยังหนีห่างจากปัญหาวุ่นวายขนาดนั้น ไม่แน่ว่าเมื่อคืนนั้นอาจเป็นครั้งแรกอันมีค่าก็ได้ แล้วมาโดนเธอชิงไปแบบนี้ น่ากลัวว่าเขาอาจจะมีความคิดอยากจะฆ่าเธอขึ้นมาแล้วก็ได้
เธอต้องหลีกเลี่ยงเขา
"ยังงงอะไรกันอยู่อีก? รีบเดินสิ อย่ารอให้ถูกท่านฝู้รองรู้เรื่องอะไรแล้วหนีไปนะ"
กู้จื่อเฟยดึงป่ายฉีให้เดินไปข้างหน้าอย่างมุทะลุ
ป่ายฉีที่เดิมกำลังยืนอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้ใช้กำลังมากมายนัก เมื่อถูกดึงแบบนั้น ทั้งตัวจึงเกือบจะล้มลงไปกับพื้น
ขณะเซไปเซมาก็ถูกบังคับให้เดินตามเธอไปข้างหน้า
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกท่าไม่ดี
ไหงงั้น มันยังไม่ใช่เรื่องต้องรีบเร่งที่สุดเสียหน่อย สิ่งที่โกงก็คือ เขารู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบอันเย็นยะเยือกที่ส่งมาจากข้างหลังได้ด้วยความตื่นตระหนก แต่ละคมมีดมันกำลังทิ่มแทงร่างของเขาจนแทบจะเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว
ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าเป็นใครที่กำลังหึงจนแทบคลั่ง
ป่ายฉีนึกอยากจะชนกำแพงให้ตายไปเลยจริงๆ
เมื่อคืนเขาจงใจใช้อุบายตอนที่เข้าไปช่วย ทำให้กู้จื่อเฟยมี"ผลสืบเนื่อง"แล้ว ความคืบหน้าที่สำคัญขนาดนี้ เดิมทีควรให้เขาถอยออกจากฉาก"รักสามเส้า"นี้อย่างบริสุทธิ์สิ
แต่กู้จื่อเฟยดึงใครไม่ดึง ดันมาดึงเขาเนี่ยนะ?
เขายังอยากจะมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขนะ?! ไม่เอาน่า!
บรรยากาศรอบตัวของเย้นโม่หลินเย็นเยียบยิ่งกว่าเมื่อครู่ขึ้นเรื่อยๆ เขามองไปยังมือของกู้จื่อเฟยที่กำลังดึงป่ายฉีด้วยแววตาเย็นยะเยือกราวน้ำแข็ง ความหงุดหงิดและเดือดดาลที่ไม่เคยมีมาก่อนปะทุขึ้นมาในทรวงอก
เขากำลังวิเคราะห์อย่างจริงจัง ว่าจะหักแขนของป่ายฉียังไงให้เลือดสาดน้อยหน่อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...