เมื่อเลือกเสื้อผ้าเสร็จแล้ว กู้จื่อเฟยก็ลากเสี่ยวหว่านไปเลือกรองเท้า เครื่องประดับ รวมไปถึงนาฬิกาข้อมือที่อยากจะเปลี่ยนเป็นเรือนใหม่ด้วยทั้งหมดอย่างลิงโลด
ทั่วทั้งร่างเธอล้วนเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดที่แสดงออกมาจากภายใน ยังมีความยินดีและความตื่นเต้นที่ปิดเอาไว้ไม่มิดด้วย
"เสี่ยวหว่าน เธอมั่นใจว่าคุณป้าเย้นชื่นชอบแบบนี้หรือ"
"เสี่ยวหว่าน เธอคิดว่าคุณป้าเย้นจะชอบสร้อยเส้นนี้ไหม"
"เสี่ยวหว่าน ฉันตื่นเต้นมากเลย คุณป้าเย้นจะไม่ชอบฉันหรือเปล่านะ?"
...
กู้จื่อเฟยเป็นกังวลใจในเรื่องต่างๆนานาๆมาตลอดทาง ระหว่างที่เป็นกังวลอยู่นั้นกลับเผยถึงการเฝ้ารอและความยินดีที่ควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ออกมา
นั่นคือความสุขและความยินดีที่จะได้พบกับพ่อสามีและแม่สามีในเร็วๆนี้
และเต็มไปด้วยการแสดงความรู้สึกในใจอย่างตรงไปตรงมายิ่งกว่า
แม้ว่าเย้นหว่านจะแกล้งหยอกกู้จื่อเฟย แต่ก็ดีใจแทนเธอด้วยความจริงใจ เธอรู้จักมารดาของตัวเองดี ท่านได้พบกับกู้จื่อเฟยตั้งนานแล้ว ทั้งยังประเมินกู้จื่อเฟยเอาไว้สูงมาก และชื่นชอบเป็นอย่างมากด้วย
ครั้งนี้ไม่ว่ากู้จื่อเฟยจะสวมเสื้อผ้าแบบไหนไป กงจืออวีล้วนชื่นชอบมากเท่านั้น
อีกทั้ง พี่ชายตัวเองหาลูกสะใภ้ได้แล้ว ทั้งยังเป็นผู้หญิง นั่นนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดในบ้าน มีก็ดีแล้ว ไม่ได้รังเกียจ
เพียงแต่เมื่อเห็นกู้จื่อเฟยที่เตรียมตัวด้วยท่าทางดีอกดีใจ เต็มไปด้วยการแสดงความรู้สึกในใจอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ในใจเย้นหว่านกลับรู้สึกว่างเปล่า
เรื่องใหญ่อย่างการแต่งงานของเธอ กลับต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว จนถึงขั้นไม่มีบรรยากาศดีอกดีใจอย่างกู้จื่อเฟยในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย
กระทั่งงานแต่งงาน คนที่จัดเตรียมก็ไม่ใช่คนที่คุ้นเคย ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเธอมากนัก
"เสี่ยวหว่าน เสี่ยวหว่าน เธอกำลังคิดอะไรน่ะ"
นิ้วกู้จื่อเฟยโบกไปโบกมาอยู่หน้าดวงตาเย้นหว่าน
เย้นหว่านถึงได้สติกลับคืนมา รีบเอ่ยยิ้มๆว่า "ไม่มีอะไรหรอก เธอเปลี่ยนรองเท้าเรียบร้อยหรือยัง"
"อืม"
กู้จื่อเฟยพยักหน้า ขยับรองเท้าส้นสูงคู่งามที่อยู่สวมอยู่บนเท้า จากนั้นก็เอ่ยกับเย้นหว่านว่า "เป็นอะไรไปหรือ เธอดูเหมือนว่าจะมีเรื่องในใจ?"
"ไม่ ไม่มีอะไรหรอก จะมีเรื่องในใจอะไรกัน"
เย้นหว่านส่ายหน้าไม่หยุดอย่างไม่ยอมรับ
ตอนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย เรื่องราวรอบกายเรื่องแล้วเรื่องเล่า เดิมก็ไม่ค่อยจะราบรื่นอยู่แล้ว ไม่ง่ายเลยที่จะมีคืนวันที่เงียบสงบสักหน่อย เธอไม่อยากให้ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองส่งผลกระทบกับคนอื่น
เย้นหว่านกดความรู้สึกหดหู่ใจลงไป มองรองเท้าที่อยู่บนเท้ากู้จื่อเฟย แสดงความเห็นว่า
"สวยมาก เอาคู่นี้แหละ"
เห็นเย้นหว่านไม่อยากพูดอะไรมาก กู้จื่อเฟยก็พิจารณามองเธออย่างละเอียด และไม่ถามอะไรให้มากความอีก
ตอนที่เย้นหว่านอยากจะพูด ก็จะบอกเธอเอง
ตอนที่ไม่อยากจะพูด บังคับถามไปก็จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม
กู้จื่อเฟยจูงข้อมือเย้นหว่าน พลางเอ่ยว่า "ช็อปปิ้งมานานขนาดนี้แล้ว พักกันสักหน่อยเถอะ ฉันเพิ่งเห็นว่าทางด้านนั้นมีร้านขายชานมร้านหนึ่ง พวกเราไปซื้อนมมะพร้าวที่เธอชอบดื่มกัน"
ตอนที่อารมณ์ไม่ดี กินสิ่งที่ชอบสักหน่อย ก็จะช่วยบรรเทาได้บ้างเล็กน้อย
เย้นหว่านเข้าใจความคิดของกู้จื่อเฟย จึงพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
ในใจก็พยายามอดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ดีเอาไว้ และเดินช็อปปิ้งซื้อของเป็นเพื่อนกู้จื่อเฟยด้วยความสบายใจ
จนกระทั่งช่วงบ่าย เย้นหว่านกับกู้จื่อเฟยก็หิ้วถุงใหญ่ถุงเล็ก นั่งรถที่คนขับรถขับมากลับไปยังตระกูลหยู
เมื่อรถจอดแล้ว คนขับก็ลงจากรถก่อน และเปิดประตูให้กับเย้นหว่านด้วยท่าทางสุภาพบุรุษ
เย้นหว่านลงจากรถตามปกติ แต่เมื่อลงมาจากรถกลับต้องพบกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างน่าประหลาดใจ
หน้าประตูใหญ่ของปราสาท มีสาวใช้ยี่สิบสามสิบคนยืนเรียงกันระเบียบเรียบร้อย โดยแบ่งออกเป็นสองแถว ด้านหลังพวกเธอก็มีบอดี้การ์ดที่สวมชุดสูทสีดำยืนเรียงกันเป็นแถวขนานกันไป
หลังจากได้พบกับเย้นหว่าน พวกเขาก็โค้งตัวเก้าสิบองศาอย่างพร้อมเพียง และเอ่ยเสียงดังกังวานว่า
"ยินดีต้อนรับกลับบ้านคุณเย้น"
เย้นหว่านถูกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้ตกใจจนตะลึงค้าง ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
นี่มันบ้าอะไรเนี่ย ทำไมจู่ๆคนเหล่านี้ถึงได้จริงจังกับการต้อนรับเธอกลับบ้านแบบนี้กัน?
ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้นินา
"เล่นอะไรแผลงๆกันหรือ"
"ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้มีนิสัยที่กลับถึงบ้านแล้วต้องอาบน้ำก่อน"
เอ่ยจบ เย้นหว่านก็เดินต่อ
สาวใช้ร้อนรนขึ้นมาทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด กลัวว่าเรื่องจะถูกเธอทำจนพัง
"คุณเย้น คุณไปไม่ได้นะคะ คือว่า คือว่าในห้องนั้น..."
เย้นหว่านพิจารณามองสาวใช้อย่างละเอียด ซักถามต่อว่า "ในห้องทำไมหรือ"
"คือว่า ฉัน ฉันไม่สามารถพูดได้ค่ะ"
สาวใช้ร้อนรนจนเกือบจะขยี้ผมแล้ว คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าเย้นหว่านจะไม่อยากกลับห้องขึ้นมากะทันหัน นี่ไม่เหมือนกับแผนการที่วางเอาไว้เลยแม้แต่น้อย
พูดไม่ได้ ก็หมายความว่าภายในห้องมีอะไรบางอย่างตามที่คิดเอาไว้จริงๆ
เย้นหว่านจึงไม่พูด แต่เลือกที่จะหมุนกายเดินต่อ
สาวใช้ตกใจเป็นอย่างมากจึงรีบคว้าตัวเย้นหว่านเอาไว้ ลนลานเอ่ยว่า
"คุณเย้น คุณไปไม่ได้นะคะ กลับไปดูที่ห้องก่อนเถอะค่ะ มีเรื่องเซอร์ไพรส์นะคะ"
"เซอร์ไพรส์หรือ เซอร์ไพรส์อะไรกัน"
เย้นหว่านซักถาม
เหงื่อเย็นบนหน้าผากสาวใช้ไหลไม่หยุด เอ่ยอย่างลำบากใจว่า "มีเรื่องเซอร์ไพรส์จริงๆนะคะ ฉันพูดออกมาก็ไม่มีความหมายแล้ว คุณไปดูด้วยตัวเองก็รู้แล้วค่ะ"
สาวใช้เสียงแผ่ว เธออยากจะบีบตัวเองให้ตายแล้ว
เดิมเซอร์ไพรส์ที่เตรียมการเอาไว้อย่างดี ตอนนี้กลับถูกบีบบังคับให้เปิดเผยออกมาเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าควรจะคว้านท้องเป็นการขอโทษหรือไม่
เย้นหว่านถึงได้เหลือบมองไปยังห้องที่อยู่ชั้นบน
นั่นคือเรือนหอของเธอกับโห้หลีเฉิน
ถ้าหากว่ามีเซอร์ไพรส์ริงๆล่ะก็ อาจจะเป็นท่านอาวุโสแปดที่จัดการตกแต่งเรือนหอเสร็จแล้ว อีกอย่างก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ให้เธอเลือกสไตล์ที่ชื่นชอบ เขาก็ถือโอกาสตกแต่งทั้งหมดแล้ว จู่ๆเย้นหว่านมาเห็นเข้าก็ถือว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์แล้ว
เพียงแต่ว่า คนที่ไม่คุ้นเคยคนหนึ่งทำการตกแต่งให้ จะสวยงามอย่างไร ก็ไม่ใช่เซอร์ไพรส์ที่เธออยากได้
เย้นหว่านจิตใจหนักอึ้งคล้ายกับว่าถูกหินก้อนหนึ่งกดทับเอาไว้ เธอกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...