ท่าทางที่แสร้งทำเป็นคนดีนั้นทำให้เย้นหว่านที่มองอยู่รู้สึกรังเกียจขึ้นมา
ท่านอาวุโสสี่กับท่านอาวุโสห้าล้วนเป็นคนประเภทเดียวกัน
ในตอนที่โห้หลีเฉินยังไม่ได้รับอำนาจ พวกเขาก็เย็นชาใส่ การถอดตำแหน่งผู้สืบทอดในที่ประชุมคราวนั้น พวกเขาก็เป็นคนที่กระตือรือร้นที่จะกำจัดโห้หลีเฉินออกไปมากที่สุด
ทุกครั้งที่พบเธอ ก็มีท่าทีสนิทชิดเชื้อ
แต่ความจริงแล้ว เย้นหว่านรู้นิสัยที่แท้จริงของพวกเขาว่าเป็นคนที่ประจบสอพลอและแอบอิงผู้มีอิทธิพล
ยิ้มก็ไม่ใช่รอยยิ้มที่จริงใจ ความเป็นมิตรก็ไม่ใช่มิตรที่แท้จริง
กับพวกเขานั้นไม่มีวันเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกันได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นมา คนที่จะทรยศเป็นคนแรกก็คือพวกเขา
ถ้าหากว่าหลังจากนี้โห้หลีเฉินกลายเป็นผู้นำตระกูล ผู้อาวุโสไม่กี่ท่านนี้ก็ไม่สามารถเก็บเอาไว้นานเช่นกัน
ส่วนท่านอาวุโสแปดนั้น ให้ความรู้สึกกับเย้นหว่าน ไม่เหมือนกับพวกเขา
เย้นหว่านพิจารณามองท่านอาวุโสสี่และท่านอาวุโสห้าโดยไม่พูดอะไร แต่เดินตรงเข้าไปด้านใน
บนใบหน้าไร้ซึ่งรอยยิ้มประดับ
ท่าทางแบบนั้นทำให้ท่านอาวุโสสี่ท่านอาวุโสห้าที่ดูอยู่รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ไหนแต่ไรมา ฐานะของเย้นหว่านทำให้ผู้นำตระกูลไม่ยินยอมที่จะล่วงเกิน พวกเขายิ่งไม่อยากทำอะไรที่ไม่เป็นที่น่าพอใจกับเย้นหว่าน
ท่านอาวุโสสี่รีบเอ่ยยิ้มๆว่า "เสี่ยวหว่าน หนูมานี่มีเรื่องอะไรที่ต้องจัดการหรือ ถ้าต้องการความช่วยเหลือบอกกับฉันได้เลย ฉันจะจัดให้หนูเอง"
"ใช่แล้ว มอบให้พวกเรา ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนไม่มีปัญหา"
ท่านอาวุโสห้าเอ่ยต่อยิ้มๆ "มานั่งนี่แล้วค่อยๆพูดคุยกัน" พูดแล้ว เขาก็หันหน้าไปขึงตาใส่ท่านอาวุโสแปด "ไอ้แปดยังจะยืนนิ่งอยู่ทำไมกัน ไปรินน้ำผลไม้ให้กับเสี่ยวหว่าน"
ก้นบึ้งแววตาของท่านอาวุโสแปดมีความอึดอัดใจพาดผ่าน
ปกติถูกพวกเขาข่มเหงรังแกก็ช่างเถอะ ตอนนี้อยู่ต่อหน้าเย้นหว่านยังถูกพวกเขาเรียกใช้ตามอำเภอใจราวกับคนรับใช้
เขารู้สึกหน้าร้อนๆ อึดอัดใจเป็นอย่างมาก
เดิมเย้นหว่านยังถือว่าให้เกียรติเขา ไปมาหาสู่กันด้วยรอยยิ้ม คิดว่าผ่านวันนี้ไป หลังจากนี้ก็คงจะดูถูกเขาแล้ว
แววตาท่านอาวุโสแปดมืดมนถึงที่สุด
เขาหมุนกายคิดจะไปรินน้ำผลไม้ที่เคาน์เตอร์บาร์ด้วยความหดหู่
"ท่านอาวุโสแปด ไม่ต้องรบกวนคุณหรอกค่ะ ฉันไม่ดื่มน้ำผลไม้"
เย้นหว่านมองท่านอาวุโสแปด แย้มรอยยิ้มที่มุมปาก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพ "ฉันสามารถขอให้คุณช่วยเรื่องหนึ่งได้ไหมคะ"
ฝีเท้าท่านอาวุโสแปดชะงัก มองไปที่เย้นหว่านด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง
ท่าทีแบบนี้ของเธอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการเคารพและเห็นแก่หน้าเขาในตอนนี้อย่างถึงที่สุด
เธอเมินเฉยต่อคำพูดของท่านอาวุโสสี่และท่านอาวุโสห้าที่ต้องการจะช่วยเหลือเธอ แต่ร้องขอความช่วยเหลือจากเขา เป็นการถือโอกาสเหยียบเท้าท่านอาวุโสสี่และท่านอาวุโสห้าไปครั้งหนึ่งโดยปริยาย
สีหน้าของท่านอาวุโสสี่ท่านอาวุโสห้าไม่หน้ามองขึ้นมาทันที
พวกเขาล้วนเป็นคนฉลาด จึงเป็นธรรมดาที่จะเข้าใจได้ในทันทีว่าเย้นหว่านจงใจไม่สนใจพวกเขา ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้
ใบหน้าเย้นหว่านประดับไปด้วยรอยยิ้มบางๆ เดินตรงไปถึงด้านหน้าท่านอาวุโสแปด
"จะเป็นการรบกวนคุณหรือไม่คะ"
หลังจากตกตะลึง ท่านอาวุโสแปดก็ได้สติกลับมา มองไปทางเย้นหว่านด้วยความประหลาดใจ ในใจก็มีคลื่นกระเพื่อมไหว
เขารีบตอบคำถามว่า "ไม่หรอกๆ คุณต้องการให้ผมทำอะไร เชิญพูดออกมาก็พอ"
"ขอบคุณคุณมากจริงๆนะคะ"
เย้นหว่านยิ้มให้อย่างยินดี แต่กลับไม่ได้เอ่ยในทันที ทว่าหันไปมองท่านอาวุโสสี่และท่านอาวุโสห้า โดยที่สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงตรงไปตรงมา "รบกวนพวกคุณออกไปก่อนได้ไหมคะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่านอาวุโสแปดค่ะ"
เย้นหว่านปรับสีหน้า มองไปทางท่านอาวุโสแปดอย่างจริงจัง พลางเอ่ยว่า
"ท่านอาวุโสแปด คุณก็รู้ว่า แม้ว่าตอนนี้โห้หลีเฉินจะได้รับการสนับสนุนจากทุกคนในตระกูลหยูเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ว่าก่อนหน้านี้ โห้หลีเฉินมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับตระกูลหยู จนถึงขั้นจะสงครามในการแก้ไขความขัดแย้ง
ตอนนี้คนที่เชื่อฟังคำสั่งเขา ก็เป็นเพราะว่าไม่มีทางเลือก
โห้หลีเฉินจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลหยูในไม่ช้าก็เร็วนี้ แต่ฉันหวังว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะไม่ใช่คนที่เชื่อฟังเพราะไม่มีทางเลือก แต่เป็นการติดตามเขาด้วยความจริงใจและช่วยเหลือเขา
ท่านอาวุโสแปดรู้สึกประหลาดใจต่อการแสดงความคิดเห็นของเย้นหว่านเป็นอย่างมาก
ตอนก่อนหน้านี้ เขานึกว่าเย้นหว่านเป็นดอกไม้งามที่ถูกเลี้ยงเอาไว้ในเรือนกระจกมาโดยตลอด เป็นเด็กสาวตัวน้อยที่โห้หลีเฉินกางปีกปกป้อง โดยที่ไม่เข้าใจและไม่รู้อะไรทั้งนั้น
แต่สิ่งที่เธอเพิ่งจะพูดออกมา เป็นการมองเห็นสถานการณ์ของตระกูลหยูในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน
จนถึงขั้นที่ต้องการเชื้อเชิญเขา เพื่อช่วยกรุยทางให้กับโห้เฉินหลี
ท่านอาวุโสแปดเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อเย้นหว่านอย่างสมบูรณ์ สีหน้าก็เปลี่ยนจากมีรอยยิ้มเมตตาเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาหลายส่วน
เขาถามว่า "ทำไมถึงเป็นผม? คุณเย้น บางทีคุณอาจจะยังไม่ทราบดีว่า แม้ผมจะเป็นท่านอาวุโสแปด แต่ผมแทบจะไม่มีอำนาจที่แท้จริงและฐานะใดๆในตระกูลหยูเลย
สามารถพูดได้เลยว่า ผ่านไปอีกไม่นาน ตำแหน่งท่านอาวุโสแปดนี้ผมก็คงนั่งได้อย่างไม่มั่นคงและคงถูกบีบให้ถอยออกไป
สถานการณ์แบบนี้ของผม ให้ปกป้องตัวเองก็ยากแล้ว จึงเป็นการยากที่จะให้ความช่วยเหลือคุณโห้"
คำพูดยืดยาวของท่านอาวุโสแปดทำให้เย้นหว่านเชื่อใจเขามากขึ้นไปอีก การตัดสินใจที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันในครั้งนี้ก็มีความมั่นใจมากขึ้นหลายส่วนเช่นกัน
มีเพียงแค่คนที่นิสัยดีที่จะเตือนเธอทั้งที่ถูกเชื้อเชิญในสถานการณ์ที่เผชิญหน้ากับอุปสรรค สภาพการณ์ของเขาเลวร้ายเกินไป อาจจะไม่มีหนทางในการช่วยเหลืออะไรได้
คนที่มีจิตใจดี ยิ่งเป็นตัวเลือกที่ดี
เย้นหว่านเอ่ยยิ้มๆว่า "สถานการณ์แบบนี้เป็นเพียงแค่ชั่วคราว ขอเพียงแค่คุณยินยอม โห้หลีเฉินจะให้โอกาสกับคุณ โห้หลีเฉินจำเป็นต้องมีคนสนิทในตระกูลหยู ฉันหวังว่าคุณจะสามารถเป็นหนึ่งในนั้น"
ความมืดมนในนัยน์ตาของท่านอาวุโสแปดค่อยๆมีประกายระยิบระยับขึ้นมาอย่างช้าๆ
เขาไม่ใช่คนไร้ความสามารถ แต่หยูฉู่สองไม่เคยให้โอกาสเขา ทั้งยังได้รับอิทธิพลบีบคั้นในตระกูลหยู ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่จึงยากที่จะกลายเป็นจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...