โห้หลีเฉินเหลือบมองท่านอาวุโสรอง สีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย
เขามองออกว่าท่านอาวุโสรองจริงใจกับเขา
ตอนที่เปิดขุมทรัพย์ ท่านอาวุโสรองถูกหยูฉู่สองทั้งขับไล่และกดข่ม โห้หลีเฉินจึงยื่นมือเข้าไปช่วย ทำให้อีกฝ่ายสามารถเข้ามาในขุมทรัพย์ได้ตามที่ใจปรารถนา ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงได้รับความจริงใจและความภักดีจากท่านอาวุโสรอง
ถึงแม้ท่านอาวุโสรองจะต่อสู้จนเลินเล่อไปบ้างในบางที แต่เขาก็ซื่อสัตย์และจริงใจ
ส่วนท่านอาวุโสแปดก็ไม่ประสบความสำเร็จในตระกูลหยู ถึงจะมีความมุ่งมั่นแต่ก็ไม่สามารถสมปรารถนาได้ง่ายๆ แถมยังถูกกดขี่มาตลอดอีก
เขาคือคนที่เย้นหว่านดึงออกมา
แต่ช่วงเวลาที่ลำบากใจแบบนี้ เขากลับเลือกที่จะยืนอยู่ข้างโห้หลีเฉินอย่างไม่ลังเล
สายตาของโห้หลีเฉินเฉียบแหลม เขามองปราดเดียวก็ดูออก ว่าใครติดตามเขาด้วยความจริงใจบ้าง
โห้หลีเฉินเอ่ยพูดเสียงเบา
"ที่พวกคุณพูดมา ไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก ในเมื่อหยูฉู่สองคิดจะปลุกปั่นคนอื่นเพื่อเล่นงานผม ผมว่าคมคงต้องจัดประชุมตระกูลแล้วล่ะ"
"จัดประชุมตระกูล?" ท่านอาวุโสรองและท่านอาวุโสแปดส่งเสียประหลาดใจออกมาอย่างพร้อมเพรียง
นั่นมันเป็นการประชุมระดับสูงและสร้างความสะเทือนได้มากที่สุดของตระกูลหยูเลยนะ นอกจากท่านอาวุโสแล้ว คนที่ต้องเข้าร่วมประชุมด้วยก็มีตำแหน่งสูงๆในตระกูลหยูแทบทั้งนั้น
แม้แต่คนเก่าคนแก่ของตระกูลหยูที่อยู่มาหลายสิบปีก็ยังต้องเข้าร่วม
และการประชุมนี้ ทุกคนที่เข้าร่วมจะมีมติโหวตอยู่ในมือ เพื่อตัดสินบทสรุปของเรื่องที่นำมาถกเถียงกัน
เพราะมีคนเยอะ ใครก็ไม่สามารถมั่นใจได้ ว่าผลสรุปสุดท้ายของการประชุมจะเป็นยังไง แม้แต่ผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน ก็ไม่สามารถรับรองได้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกคน
แต่ก็เพราะว่าคนเยอะ ต่างคนก็ต่างคำนึงถึงประโยชน์ของตัวเอง ซ้ำยังมีความหวาดหวั่นต่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ส่วนใหญ่จึงหลับหูหลับตาเออออตามผู้นำตระกูลกันแทบจะทุกคน
ถ้าหากโห้หลีเฉินจัดประชุมตระกูลจริงๆล่ะก็ มันไม่ค่อยมีผลดีกับเขาเท่าไหร่แน่
หัวคิ้วของท่านอาวุโสรองสองขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิม
ท่านอาวุโสแปดเป็นคนหัวไว ครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่สักพัก ก็เอ่ยถามว่า
"นายน้อย คุณมีวิธีทำให้การประชุมในครั้งนี้เอนเอียงมาทางเราใช่ไหม?"
ถ้าไม่ใช่ โห้หลีเฉินคงไม่พูดถึงการประชุมตระกูลขึ้นมาสุ่มสี่สุ่มห้าหรอก
ไม่อย่างนั้นถ้าหากแพ้ขึ้นมา เมื่อหยูฉู่สองอยู่เหนือกว่า เขาต้องถือโอกาสตัดสินความผิดว่าโห้หลีเฉินทรยศตระกูลหยูแน่ๆ ถึงแม้จะไม่เปิดใช้หน่วยพิทักษ์กฎตระกูล เขาก็สามารถแย่งชิงสิทธิ์ทุกอย่างของโห้หลีเฉินไปได้
แบบนั้นโห้หลีเฉินก็จะไม่ใช่แค่เนื้อร้ายสำหรับตระกูลหยูอีกต่อไป อาจจะถูกจับขังแทน
สายตาของโห้หลีเฉินมืดมัวไปทั้งดวง คำพูดถูกพ่นออกมาจากปากของเขาช้าๆ
"ใจคนไง"
"ใจคน?" ท่านอาวุโสรองทำหน้างุนงง นี่มันคือวิธีอะไร เขาไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด
ท่านอาวุโสแปดก็งุนงงอยู่ชั่วครู่ ต่อมา ใบหน้าของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจและความเหลือเชื่อ
"นายน้อย หรือว่าคุณคิดที่จะ......."
โห้หลีเฉินพยักหน้า
แววตาประหม่าของท่านอาวุโสแปดสั่นระริก พูดอย่างไม่สบายใจว่า "นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่เลยนะ"
สิ่งที่โห้หลีเฉินคิดจะเดิมพัน ก็คือจิตใจที่ไม่แน่นอนของมนุษย์
นี่มันบ้าเสียยิ่งกว่านักพนันที่หมดตัวคาโต๊ะเสียอีก ไม่มีโอกาสในการชนะ และก็ใช่ว่าจะแพ้
การที่ไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้เลยแม้แต่นิด พูดได้เลยว่าเป็นอะไรที่บ้าสุดๆ
ใจคนเรา คาดเดายากที่สุดแล้ว
"ฉันเชื่อว่าโห้หลีเฉิน ต้องชนะแน่นอน"
เย้นหว่านเดินถือถาดเข้ามายิ้มๆ บนนั้นมีกาแฟวางอยู่สามแก้ว
แววตาของเธอแน่วแน่ เชื่อมั่นในตัวของโห้หลีเฉินหมดทั้งใจ "เพราะชีวิตนี้ คุณโห้ไม่เคยพ่ายแพ้เลยสักครั้ง"
เขาภักดีต่อตระกูลหยูก็จริง แต่โห้หลีเฉินคือทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลหยู แม้จะต้องถล่มตระกูลหยู แต่คนที่เขาภักดีก็ยังคงเป็นนายน้อยตระกูลหยู แบบนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการทรยศหักหลัง ไม่ถือว่าผิดแปลกแต่อย่างไร
สามวันต่อมา ตระกูลหยูก็ออกแถลงจัดประชุมตระกูล
สถานที่คือหอประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้ถึงพันกว่าคน
หัวโต๊ะมีหยูฉู่สองนั่งจับจอง ที่นั่งด้านซ้ายมือของเขาคือโห้หลีเฉิน ท่านอาวุโสรองและท่านอาวุโสแปดตามลำดับ รวมไปถึงสมาชิกในตระกูลคนอื่นๆอีกหลายคน
ที่นั่งด้านขวามือของเขาคือท่านอาวุโสสาม ท่านอาวุโสหก ท่านอาวุโสเจ็ด และสมาชิกคนอื่นๆตามลำดับ
นอกนั้น ก็เป็นคนในตระกูลหยูนั่งเรียงรายอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวตามลำดับจากตำแหน่งสูงไปต่ำ
มีทั้งชายและหญิง มีทั้งคนแก่และคนหนุ่ม แต่ละคนมาแบบฉายเดี่ยว ล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโตที่มีอิทธิพลกันทั้งนั้น
ณ ขณะนี้ แม้ว่าในสถานที่จัดประชุมจะมีคนจำนวนหลายพันคน ทว่ากลับไม่มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจเลยแม้แต่นิดเดียว เงียบสนิทราวกับอยู่ในห้องโล่งๆอย่างไรอย่างนั้น
ทุกคนเงียบกริบ นั่งหลังตรง เคารพและยำเกรงต่อการประชุมในครั้งนี้มาก
ถึงแม้ตำแหน่งของพวกเขาจะไม่ได้ต่ำ แต่ถ้านั่งอยู่ข้างหลังมากเพียงใด นั่นก็แปลว่าชาตินี้ทั้งชาติพวกเขาก็ไม่มีโอกาสได้ย่างก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลหยู และพบปะกับผู้นำตระกูลกับคนระดับสูงอย่างแน่นอน
การได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ในชีวิตนี้ของพวกเขาแล้ว
แน่นอนว่า ตอนที่มาถึง พวกเขาต่างก็ได้รับประกาศลับบางอย่าง
เป็นเนื้อความที่ผู้นำตระกูลออกประกาศออกเอง โดยสั่งกำชับว่าไม่ว่าการประชุมจะพูดถึงเรื่องอะไร ทั้งผลสรุปเอย ออกมติโหวตเอย ทุกคนต้องสนับสนุนผู้นำตระกูลเท่านั้น
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ในความคิดของพวกเขา ผู้นำตระกูลใหญ่ที่สุด ดังนั้นจึงพากันเชื่อฟัง โดยไม่มีใครคิดขัดใจเลยสักนิด
หยูฉู่สองนั่งอยู่บนหัวโต๊ะ เมื่อเห็นคนพันกว่าคนด้านล่าง มุมปากก็กระตุกยิ้มเย็นอย่างผู้ชนะ
ยังไงตระกูลหยู ก็ต้องมีเขาเป็นผู้นำอยู่ดี
คนพวกนี้ ต่างก็เป็นเบี้ยล่างของเขาทั้งนั้น
โห้หลีเฉินกล้าจัดประชุมตระกูลแบบนี้ เท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...