กระบองไฟฟ้าของเย่จิ่งหลานกระทบร่างของโมริตะคาวาสึบาเมะอีกครั้ง
“เจ้าบอกว่าไม่มีทางแก้ไขไม่ใช่หรอกหรือ คราวนี้กลับบอกว่าได้?”
โมริตะคาวาสึบาเมะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ถึงจะเอาเปลือกตาที่กลอกขึ้นลงได้
“ในเมื่อมันเป็นศาสตร์ของพวกเขา แล้วทำไมจะแก้ไม่ได้ แม้ว่าจะแก้ไม่ได้ แต่พวกเขาก็ต้องมีวิธีที่จะยับยั้ง”
เย่จิ่งหลานปิดกระบองไฟฟ้า แล้วหมุนไปมาบนมือ
“จะแก้ไขได้หรือไม่ก็ไม่สำคัญสำหรับข้า แต่เจ้าจะบอกให้ฟังก่อนก็ได้”
โมริตะคาวาสึบาเมะรีบพูดว่า “เจ้าเมืองเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงและธิดาเทพแห่งตำหนักเทพมีความรักให้กัน ต่อมาพวกเขาคิดว่าธิดาเทพตายแล้ว จึงปิดเมือง ความจริงแล้วธิดาเทพยังมีชีวิตอยู่ ถูกขังอยู่ในตำหนักเทพ หากเจ้าเมืองเฮ่อยวนรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องดีใจแน่ๆ แม้ว่าเจ้าไม่ต้องการแก้ไขวิชาฝังโลหิต เขาก็จะพยายามช่วยเจ้าเต็มที่”
เย่จิ่งหลานยกมือขึ้น และฟาดกระบองอีกครั้ง
“ไอ้สารเลว ในเมื่ออิ๋นเฉิงถูกปิดแล้ว แล้วข้าจะไปหาเขาได้ที่ไหน หากเจ้าแค่พูดไร้สาระ ข้าจะช่วยให้เจ้าไปพบยมบาลซะ”
โมริตะคาวาสึบาเมะกระตุกอีกครั้ง ในหัวคิดอยากถลกหนังของเย่จิ่งหลานนับครั้งไม่ถ้วน
“แล้วเจ้าต้องการอะไรล่ะ”
เย่จิ่งหลานมองเขาขึ้นลง แล้วพูดทีเล่นทีจริง “ถ้าเจ้าเต็มใจที่จะมอบทักษะวรยุทธ์ของเจ้าให้กับข้า บางทีข้าอาจจะพิจารณาปล่อยเจ้าไปก็ได้”
มุมปากของโมริตะคาวาสึบาเมะกระตุก
ตอนนี้เขายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ หากมอบให้เย่จิ่งหลาน แล้วเขาจะไปที่จงหยวนได้อย่างไร
“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมก็ช่างเถอะ ข้าก็ไม่ได้อยากได้นัก ในมิติของข้า ข้าไร้เทียมทานที่สุด”
เย่จิ่งหลานขยับนิ้ว ประกายไฟสีน้ำเงินก็ลั่นแปลบปลาบ
รากผมของโมริตะคาวาสึบาเมะตั้งชัน เขากลอกตาทันที แล้วรีบพูดว่า “ได้ ข้าจะให้เจ้า แต่เจ้าต้องปล่อยข้าออกไปก่อน”
เย่จิ่งหลานส่ายหัว
“ไม่จำเป็น ข้าไม่ให้เจ้าถ่ายทอดวรยุทธ์ของเจ้ามาให้โดยตรง เจ้าถ่ายทอดกำลังภายในของเจ้าไปยังลูกน้องของข้า จากนั้นค่อยให้เขาถ่ายทอดให้ข้า”
“เจ้า...”
โมริตะคาวาสึบาเมะโกรธจนตัวสั่นไปหมด เด็กเปรตนี่ชั่วร้ายจริงๆ
“จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็แล้วแต่เจ้า ถ้าเจ้าไม่เห็นด้วยก็ช่างเถอะ”
เย่จิ่งหลานอธิบายสั้นๆ ให้หวังซุ่นฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ไม่มีบุคคลที่น่าเชื่อถือคนอื่นอยู่ใกล้ตัวเย่จิ่งหลาน เมื่อเทียบกันแล้ว หวังซุ่นมีความใกล้ชิดมากกว่าฮวาเชียนและคนอื่นๆ มาก
หวังซุ่นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“อ๋องน้อยโมริตะไม่ใช่ตัวเขาเองงั้นหรือ”
เย่จิ่งหลานพยักหน้า
“อื้ม ท่าทางของเขาก็เหมือนเด็กไม่กี่ขวบจริงๆ”
หวังซุ่นหันความสนใจไปที่เย่จิ่งหลานทันที
ดวงตาของเย่จิ่งหลานเบิกกว้าง
“มองอะไรของเจ้า อ๋องของเจ้าไม่รู้จักศาสตร์ชั่วร้ายเหล่านั้น”
หวังซุ่นหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “ย่อมแน่อยู่แล้ว ท่านอ๋องน้อยมีความโดดเด่นและมีไหวพริบ เฉลียวฉลาดเหนือใคร จะไปเทียบกับสัตว์ประหลาดแก่โมริตะนั่นได้อย่างไร”
“เอาล่ะ หยุดประจบข้า แล้วเข้ามิติมากับข้าก่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...