ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ก็เกิดความโกลาหลยกใหญ่ขึ้นอีก
“หอตำราสะสมของตำหนักเทพ ในนั้นคงจะมีของดีอยู่มากมายแน่ๆ”
“ถูกต้อง หอตำราสะสมในสำนักใหญ่เช่นนี้ ไม่มีทางเก็บสะสมวิทยายุทธ์ที่ไม่เข้าขั้นไว้แน่นอน”
จากนั้นมีคนถามว่า “เด็กมีลักษณะอย่างไร ผู้อาวุโสช่วยอธิบายให้เราฟังหน่อยได้หรือไม่”
ผู้อาวุโสหันเหลือบมองไปทางอินชิงเสวียนอย่างรวดเร็ว
“เด็กชื่อเย่จ้าวเอ๋อร์ ชื่อเล่นว่าหนานเฟิง ผิวขาวเกลี้ยงเกลา ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู ดวงตาดำขลับราวกับหยก พูดชัดถ้อยชัดคำ เฉลียวฉลาดมาก หากผู้ใดบอกเบาะแสได้ ข้าจะให้รางวัลตอบแทนมหาศาล”
อินชิงเสวียนพยักหน้าให้ผู้อาวุโสหัน แต่ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสบถ โจรเฒ่านี่รู้จักฉกฉวยใช้ประโยชน์จริงๆ เดี๋ยวคอยดูกันว่าหลังจากนี้สามวันเขาจะให้คำตอบกับตัวเองว่าอย่างไร
เมื่อเห็นว่าเรื่องวุ่นวายจบลงแล้ว อินชิงเสวียนก็หมดความสนใจที่จะดูต่อ นางตบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ย แล้วพูดว่า “กินเถอะ เราไปกินของอร่อยๆ กัน”
ไป๋เสวี่ยเห่าอย่างดีใจ แล้วเดินตามอินชิงเสวียนไป
เมื่อไปใกล้บ้านหิน บังเอิญเห็นฉางเฮิ่นเทียนพอดี จู่ๆ ไป่เสวี่ยก็หยุดเดิน ดวงตาสุนัขคู่นั้นมองเขาอย่างพิจารณา
เหมือนฉางเฮิ่นเทียนจะตกใจกลัว ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“นี่...สุนัขตัวนี้มาจากไหน”
อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นสัตว์เลี้ยงข้าเอง มันคงตามกลิ่นมาถึงที่นี่น่ะ พี่ฉางรู้จักมันด้วยรึ”
ฉางเฮิ่นเทียนกล่าวว่า “แม่นางอินล้อเล่นแล้ว ข้าไม่เคยเห็นสุนัขที่สวยงามขนาดนี้มาก่อน แต่สุนัขตัวนี้ตัวใหญ่ ทั้งค่อนข้างน่ากลัวด้วย”
อินชิงเสวียนกล่าวว่าอ๋อ
“วางใจเถอะ ไป๋เสวี่ยเชื่องมาก ไม่โจมตีผู้อื่นมั่วซั่ว ไม่ทราบว่าพี่ฉางกำลังจะไปไหน เมื่อครู่มีคนจากข้างล่างขึ้นมาจำนวนมาก เจ้าไม่ได้ไปที่นั่นหรือ”
ฉางเฮิ่นเทียนถอนหายใจและพูดว่า “ผู้อาวุโสหันรู้ว่าวรยุทธ์ของข้าต่ำต้อย จึงให้ข้าหาห้องที่เงียบสงบเพื่อฝึกวรยุทธ์ ข้าเพิ่งออกจากการฝึกฝน กำลังจะลงไปดูข้างล่างพอดี”
ดวงตาของอินชิงเสวียนมองจับไปยังตัวเขา แล้วพูดด้วยสีหน้าที่แสร้งทำเป็นประหลาดใจ “คิดไม่ถึงว่าพี่ฉางจะมีประสบการณ์ชีวิตที่พลิกผันขนาดนี้ โชคดีที่เจ้ามาที่ตำหนักเทพ ผู้อาวุโสหันไม่เห็นแก่ตัว ย่อมไม่ปฏิบัติไม่ดีต่อเจ้าแน่นอน”
“ใช่ เช่นนั้นก็ขอให้สมพรปากแม่นาง วันนี้ผู้อาวุโสหันไม่ได้ให้ข้าเฝ้าดูแม่นางอิน เช่นนั้นต้องขอตัวก่อน”
ฉางเฮิ่นเทียนประกบมือคำนับ แล้วเดินลงไปภูเขาข้างล่าง
ไป๋เสวี่ยยังคงมองเขา แววตาเจ้าสุนัขเต็มไปด้วยความกังขา
อินชิงเสวียนรู้ว่าไป๋เสวี่ยฉลาด ทั้งยังเข้าใจสภาพจิตใจคนมาก ที่มันสนใจคนผู้หนึ่งมากขนาดนี้ ก็พิสูจน์ได้ว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติกับบุคคลนั้น
เมื่อรวมกับวรยุทธ์ที่ตัวเองช่วงชิงมาจากฉางเฮิ่นเทียนแล้ว การที่คนผู้นี้ปรากฏตัวในตำหนักเทพนั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดกับเจ้าสุนัขว่า “ไป๋เสวี่ย กลับกัน”
หลังจากพูดจบก็รีบเดินไปยังที่พักของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...